ไม่มีก็ค้าง

1634 Words
พวกเรานั่งดื่มกันจนถึงตีสองครึ่งก็ได้ฤกษ์แยกย้าย เพราะต่างรู้ดีว่าร้านปิดตีสาม แต่ก่อนจะลุก นัยน์ตาของแต่ละคนมีรอยกังวลเล็กๆ เคลือบอยู่ มองแก้วจานบนโต๊ะอย่างไม่แน่ใจ “ตกลงว่าเราต้องจ่ายไหมวะ” รุ่นพี่เอ่ยขึ้นก่อนจ้องมาทางผม ทำให้ทุกสายตาไหลมากองอยู่ที่ผมหมด “แล้วมองผมทำไม” ผมแทบอยากจะมุดหน้าหนีจากสายตาคาดหวังพวกนั้น แทนที่จะมานั่งเดาแบบนี้ก็หารกันไปเลยสิวะ จะได้ไม่ต้องมาทำท่ากระอักกระอ่วนใส่กันแบบนี้ ผมได้แต่คิดไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ เพราะคนตรงหน้าคือรุ่นพี่ “ลองเรียกเด็กมาเช็กบิลล์ดูก็น่าจะรู้นะ ถ้าเฮียเลี้ยงจริงคงบอกเด็กในร้านไว้แล้วแหละ” รุ่นพี่คนหนึ่งเสนอความคิดที่เข้าท่าออกมา ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ไม่นานเด็กเสิร์ฟที่ถูกเรียกก็เดินงุดๆ เข้ามา “น้องเช็กบิลล์” “อ้อ... ไม่เป็นไรครับ เฮียสั่งไว้ไม่ต้องเก็บตังค์” เด็กเสิร์ฟยิ้มแฉ่ง “อ่อ” หลังจากได้ยินเรื่องน่ายินดีแบบนั้น ทุกคนก็ส่งสายตาให้กันอย่างพึงพอใจ “นี่พวกพี่จะกลับกันแล้วเหรอครับ ไม่ดื่มต่อแล้วเหรอ” เด็กเสิร์ฟมองพวกเราแต่ละคนที่กำลังเตรียมตัวลุกจากโต๊ะ “ต่อไม่ไหวแล้วน้อง แค่นี้ก็เดินเอียงแล้วเนี่ย ฮ่าๆ เออเฮ้ยตะวันมึงเอารถมาเปล่าวะ” รุ่นพี่คุยกับเด็กเสิร์ฟอย่างเป็นกันเองก่อนจะหันมาทางผม “เปล่าพี่ ผมนั่งวินมา” “อ่อ ไม่เป็นไร นึกว่ามึงเอารถมาว่าจะให้ไปส่งไอ้เอหน่อย” “เฮ้ยไม่ต้องลำบากน้อง กูนั่งแท็กซี่กลับได้” พี่เอรีบโบกมือปฏิเสธ “โทษทีพี่ ผมไม่ได้เอารถมา ถ้าผมเอามาผมไปส่งพี่แล้ว” “เฮ้ยไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องคิดมาก กูกลับเองได้ อีกอย่างมึงก็เมาไม่ใช่เหรอ ถ้ามึงเอารถมาแล้วคิดว่ากูจะกล้านั่งไปกับมึงเหรอวะ” พี่เอพูดซะผมเถียงไม่ออก หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะว่าไม่ได้เอารถมาไงผมถึงกล้าดื่มแบบนี้ ไม่ต้องกังวลว่าจะขับรถไม่ได้ ขณะที่ผมคิดว่าจะเรียกวินมอไซค์ไปส่งห้องและกำลังจะเดินตามคนอื่นๆ ออกจากโต๊ะ เด็กเสิร์ฟที่ยังยืนยิ้มแฉ่งอยู่ที่เดิมก็รีบยกมือขึ้นมาขวางผมเอาไว้ “อ้า... พี่ พี่ตะวันใช่ไหม” “หืม” ผมขมวดคิ้ว หันไปมองเด็กเสิร์ฟที่หน้าตาก็ไม่ได้อ่อนกว่าผมนักอย่างสงสัย “มีอะไรเหรอ” “เฮียไนท์ให้พี่อยู่ก่อนน่ะ” “หา?” คำพูดของเด็กเสิร์ฟทำให้คนที่กำลังจะเดินออกไปชะงัก แต่ก็แค่หันมามองแวบสั้นๆ ก่อนจะเดินออกไปเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แม้แต่ไอ้แต้มก็ยังตบบ่าผมพร้อมกับพูดว่า “งั้นกูกลับก่อนนะ” แค่นั้นแล้วแม่งก็ตามตูดรุ่นพี่ออกไปเลย พวกมันไม่คิดจะถามผมสักคำว่าผมอยากอยู่ไหม ฮึ่ย! พอทุกคนไปแล้ว ผมหันมามองเด็กเสิร์ฟด้วยสายตาระแวง “ไอ้... พี่... ชิส์! ไอ้เวรนั่นต้องการอะไร” ผมลังเลไม่รู้จะใช้สรรพนามอะไรกับมันดี สุดท้ายก็เอาที่เคยปากโพล่งออกไป เด็กเสิร์ฟทำหน้าอึ้งไปแวบหนึ่งเมื่อเห็นท่าทางเกรี้ยวกราดของผม มันละล่ำละลักถามขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไปหลายส่วน “พี่... พี่หมายถึงเฮียไนท์หรือเปล่าครับ” “จะใครล่ะถ้าไม่ใช่มัน” “อ่อ... เรื่องนั้นผมว่าพี่ต้องไปถามเฮียเองแล้วล่ะ ผมแค่ทำตามที่เฮียสั่ง” ผมจ้องเด็กเสิร์ฟนัยน์ตามืดครึ้ม “แล้วถ้ากูไม่อยู่ล่ะ” “เฮียบอกว่าถ้าพี่ไม่ยอมอยู่รอ ก็ให้คิดเงินตามจริงได้เลย” “เท่าไหร่” ผมถามอย่างไม่หวั่นไหว ตั้งแต่แรกก็ไม่คิดจะมากินฟรีอยู่แล้ว “ทั้งหมดก็สามพันหกร้อยแปดสิบบาทครับ” “สามพัน...หกร้อย...แปดสิบ?” ผมทวนราคาทีละหลักช้าๆ ชัดๆ พอเด็กเสิร์ฟพยักหน้ายืนยันผมก็แทบอยากเอามือกุมขมับแต่ยังต้องรักษาท่าทีนิ่งสงบเอาไว้ ยังไงก็จ่ายๆ ไปก่อนแล้วค่อยตามไปเก็บจากคนอื่นทีหลัง ผมคิดก่อนจะเอากระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิดแต่จำนวนเงินที่มีในกระเป๋าก็ทำผมหน้าม้านไปชั่วขณะ เหี้ยมีอยู่ไม่กี่ร้อยเอง ลืมกดตังค์สัสเอ๊ย “โอนได้ไหม” ผมรีบเก็บกระเป๋าสตางค์ที่มีเงินไม่พอลงไปแล้วหันไปถามเด็กเสิร์ฟที่ยืนรออย่างกับเจ้าหนี้ “อ้อ ได้ครับพี่ บัญชีนี้เลยครับ โอนเสร็จผมขอถ่ายรูปสลิปด้วยนะพี่” เด็กเสิร์ฟหยิบป้ายบนโต๊ะขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น ในนั้นมีเลขบัญชีร้านแปะอยู่ ผมเข้าแอปโอนเงินทันที ทว่า... ยอดเงินคงเหลือมีแค่สามพัน หนังหน้าผมชาวาบ มองตัวเองกลมๆ 3000 อย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมเลื่อนสายตาขึ้นมองเด็กเสิร์ฟ ยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน “ขอโทรหาเพื่อนแป๊บ” “ได้พี่ตามสบายเลย แต่ว่าพี่ย้ายไปนั่งในออฟฟิศดีกว่า ตรงนี้เดี๋ยวจะมีคนมาเคลียร์โต๊ะ จะได้ไม่เกะกะ” เด็กเสิร์ฟตอบอย่างไม่ใส่ใจ ไม่ได้แสดงท่าทางสงสัยหรือเยาะเย้ยคำพูดของผมเลย ถึงผมจะตงิดๆ กับการให้ไปนั่งในออฟฟิศแต่ก็พูดอะไรไม่ได้เพราะไม่อยากทำตัวเรื่องมาก เด็กเสิร์ฟเดินนำผมมาที่ออฟฟิศ จัดหาที่ให้ผมนั่งเรียบร้อยมันก็ออกไป ปล่อยผมไว้คนเดียว ภายในห้องที่เรียกว่าออฟฟิศมีพนักงานเดินเข้าออกไม่ขาดสายยิ่งใกล้เวลาปิดร้านแบบนี้ยิ่งดูวุ่นวาย พวกนั้นง่วนอยู่กับงานตัวเองจนไม่มีใครสนใจผม นี่ถ้าผมแอบชิ่งคงไม่มีใครรู้... แต่ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก เสียชื่อกันพอดี ไอ้เอิร์ธก็ไม่รับโทรศัพท์ ว่าจะโทรไปยืมเงินหน่อย จะได้รีบจ่ายรีบจบ ส่วนก๊วนที่ดื่มกินด้วยกันนอกจากไอ้แต้มผมก็ไม่กล้าโทรไปรบกวนคนอื่นแต่ไอ้แต้มก็เสือกไม่รับสายไม่รู้มันทำอะไรอยู่ ระหว่างที่ผมลังเลว่าจะโทรหาบีบีดีหรือเปล่า ร่างสูงของไอ้ไนท์ก็เดินเข้ามา เงาที่พาดทับลงมาทำให้ผมรู้สึกตัว หันไปมองด้วยสายตาระแวดระวังปนตั้งแง่ เพราะไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหน ผมเก็บโทรศัพท์ที่พยายามกดโทรหาคนโน้นคนนี้เพื่อจะขอยืมตังค์ลง ไม่อยากให้ไอ้ไนท์มันรู้ว่าผมกำลังถังแตก แต่ท่าทางลุกลี้ลุกลนของผมคงหนีไม่พ้นสายมัน “ทำอะไร” เสียงเข้มเอ่ยถาม ดวงตาคมปลาบมองลงมาจากมุมสูง มันยืนอยู่ที่เดิมไม่มีท่าทีว่าจะนั่งลง “เปล่า ตกลงว่ามึงให้กูอยู่รอทำไม” ในเมื่อพยายามโทรแล้วแต่ไม่มีใครรับผมก็ขอพักเรื่องยืมเงินเอาไว้ก่อน ติต่างว่ายอมให้มันเลี้ยงตามที่มันต้องการแต่แรก อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้ไนท์มันคิดจะทำอะไร “ไปกับกู” “ไปไหน” ผมถามอย่างไม่ไว้ใจ มันที่กำลังจะออกเดิน หันกลับมามองเมื่อเห็นผมนั่งนิ่งไม่ขยับตัว ดวงตาคมกริบหรี่ลงวูบหนึ่งผมรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่อยากจะต่อต้านแต่แล้วจู่ๆ มันก็คลี่ยิ้มซุกซน พูดแหย่ผมเล่น “แล้วมึงอยากให้กูพาไปไหนล่ะ” “สัส กูไม่อยากให้มึงพาไปไหนทั้งนั้น กูจะกลับ!” ผมตอกกลับมันอย่างฉุนๆ ทว่าปฏิกิริยาต่อมาของไอ้ไนท์ก็ทำผมงุนงงขึ้นไปอีก “ได้ งั้นกูไปส่งมึง” “หา?” ผมมองมันอย่างไม่อยากเชื่อหู “ทำไม หรือว่าอยากให้กูพาไปที่อื่นแทน” คำพูดมันแฝงความหมายอื่นชัดเจน ผมขนลุกวาบ รีบส่ายหน้าพรืด “ไม่ต้อง ไม่จำเป็น กูกลับเองได้” “อย่าดื้อ” ผมพรวดพราดลุกขึ้นยืน รีบเดินออกมาแต่ก็ถูกไอ้ไนท์คว้าข้อมือเอาไว้ “เฮ้ย! ทำอะไรของมึง” หัวใจผมกระตุกไหว มองมือที่โดนจับอย่างประหม่า แล้วไหนจะคำพูดมันก่อนหน้านั่นอีก ทำเอาหนังหน้าผมร้อนแปลกๆ ผมไม่ได้สะบัดมือมันออกอย่างมุทะลุเพราะกลัวจะเป็นเป้าสายตาคนอื่น แค่ใช้สายตาเขียวปัดสั่งให้มันปล่อยมือจากผมซะ “กูไปส่ง” “ไม่ต้อง” “จะให้กูไปส่งดีๆ หรือให้กูต่อยท้องมึงก่อนแล้วค่อยลากมึงออกไป” “มึงกล้า!” “ลองดูก็ได้” “ไอ้สัส! กูให้มึงไปส่งก็ได้ แต่มึงปล่อยมือกูก่อน กูไม่ชอบ” สายตาร้อนแรงของไอ้ไนท์ทำให้ผมไม่กล้าลองดีกับมัน ผมรู้ว่ามันแรงเยอะ ถ้าสู้กันจริงๆ ผมหงายท้องชัวร์ เพราะงั้นอย่าไปท้าทายมันดีกว่า ไอ้ไนท์ยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นผมยินยอม มันปล่อยมือผมอย่างไม่ดึงดัน เดินนำผมออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก ผมมองแผ่นหลังตรงหน้าด้วยความรู้สึกซับซ้อน มันให้ผมอยู่รอเพียงเพื่อจะไปส่งผมเนี่ยนะ แล้วมันรู้เหรอว่าผมไม่ได้ขับรถมาเอง... ช่างเถอะ ผมโยนความสงสัยที่ก่อตัวขึ้นในใจทิ้งแล้วสาวเท้าตามมันไปเงียบๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD