ตั๋วลดราคา

1977 Words
“อิ่มจังตังค์อยู่ครบ” ไอ้แต้มลูบพุงขณะเดินออกจากร้านอย่างอิ่มเอมใจ ผมละอิจฉามันจริงๆ ที่ไม่รู้สึกถึงบรรยากาศซับซ้อนชวนขนลุกชันระหว่างไอ้ตี๋ปายกับไอ้ไนท์ที่ปล่อยออกมาบนโต๊ะอาหาร “ขอบคุณนะครับพี่ไนท์ที่เลี้ยงข้าวผมวันนี้” มันหันไปพูดกับเจ้ามือที่เดินตามมาด้านหลังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มันพูดแบบนี้เป็นรอบที่ห้าแล้วมั้ง ไม่รู้ซึ้งใจอะไรนักหนากับอิแค่ข้าวมื้อเดียว “ไปได้แล้ว” ผมเร่งรัดไอ้แต้ม หันหน้าไปทางทิศที่รถจอดอยู่โดยไม่คิดจะมองหน้าไอ้ไนท์หรือเอ่ยขอบอกขอบใจที่เลี้ยงข้าวเลยสักนิด นอกจากไม่ดีใจแล้วยังรู้สึกโชคร้ายมากกว่าที่ต้องมาเห็นภาพชวนกระดากใจบนโต๊ะอาหาร ต่อให้ไม่อยากจำแต่ผมรู้สึกได้ว่าภาพจ้องตากันระหว่างไอ้ไนท์กับไอ้ตี๋ปายคงจะติดอยู่ในใจผมไปหลายวัน “ไว้เจอกันใหม่” พวกผมกำลังจะเดินออกมาเสียงไอ้ไนท์ก็ดังขึ้น เลี่ยงไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง เห็นมันยิ้มส่งดวงตาคมเข้มเปล่งประกายจริงใจผมก็รู้สึกละอายอยู่นิดๆ ที่ดูถูกน้ำใจของมัน “พี่ครับ” ไอ้ตี๋ปายคว้ามือไอ้ไนท์ไปจับ ทำให้สายตาของไอ้ไนท์หันเหความสนใจจากพวกผมไปตกอยู่ที่มันแทน ความคิดอยากเอ่ยปากขอบคุณที่เลี้ยงข้าวเพิ่งจะผุดขึ้นในใจผมก็พลันเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว หึ ทำอะไรหน้าไม่อายอีกแล้ว ผมแค่นเสียงหยันในลำคอ หันหลังให้พวกมันสองคนเดินออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ผ่านมาแล้วหลายวัน ภาพตาจ้องตากันของสองคนนั่นก็ยังตามหลอกหลอนผมไม่หยุดหย่อน เป็นอย่างที่คิด เฮ้อ ผมถอนหายใจยาวเหยียดระหว่างนอนไถหน้าจอโทรศัพท์บนโซฟาในหอพัก ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับบีบีไม่ค่อยราบรื่นแต่จิตใจกลับไม่ได้กระสับกระส่ายเท่าที่ควรเป็น แทบจะทุกทีที่อารมณ์ผมจมดิ่งเพราะครุ่นคิดเกี่ยวกับบีบีใบหน้าไอ้ไนท์ก็จะแฉลบเข้ามาแทรกเหมือนเงาตามตัว ขนาดตอนนี้ที่ผมกำลังส่องหน้า Facebook บีบีก็ยังเผลอเข้าไปดู Facebook ของไอ้ไนท์โดยไม่รู้ตัว แต่พอได้สติผมก็รีบกดกลับไปที่หน้า Facebook บีบี เลื่อนดูความเคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมาแต่กลับไม่มีอะไรน่าสนใจ นอกจากจุดเช็กอินสถานที่ในอดีตที่เราเคยไปด้วยกัน รอยยิ้มผมผุดขึ้นบนมุมปากเมื่อหวนนึกถึงความทรงจำจากวันเก่าๆ ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มหลับอยู่บนโซฟาโทรศัพท์ที่ถือค้างไว้ในมือก็สั่นครืดพร้อมกับส่งเสียงดังจนผมสะดุ้ง พอเหลือบมองก็เห็นว่าเป็นรุ่นพี่ที่คณะโทรมา “ว่าไงพี่” ผมรับสายพร้อมกับสลัดความง่วงงุนทิ้ง [เฮ้ยกินเหล้า] “....” ไม่มีอะไรจะพูด [ฮะโหลตะวัน ได้ยินไหมวะ กินเหล้าๆ] ผมยังไม่หายงัวเงีย ความสามารถในการตัดสินใจช้าตามไปด้วย ผมเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลงโดยไม่ได้คิด “อือ ได้พี่ บอกร้านมาเดี๋ยวผมตามไป” [ร้านเฮียไนท์] “หา” คำตอบจากรุ่นพี่ทำผมอึ้งไป สมองที่กำลังเอื่อยเฉื่อยก็แล่นพล่านขึ้นมาทันที ผมละล่ำละลักถามกลับไปอย่างตกใจปนสงสัย “ระ...รุ่นพี่รู้จักไอ้เอ่อพี่ไนท์ด้วยเหรอ” [เปล่า กูรู้มาจากไอ้แต้ม มันบอกว่าถ้าจะไปร้านนั้นให้พามึงไปด้วยเพราะมึงสนิทกับเจ้าของร้าน] ไอ้แต้มไอ้เพื่อนเวรทำกูลำบากใจแล้วรู้ตัวไหมเนี่ย... ผมขบฟันอย่างอับจนคำพูด [พวกกูรออยู่ที่ร้าน มึงรีบมา อย่าให้รุ่นพี่รอนาน แค่นี้นะ] พูดจบรุ่นพี่ก็วางสายไป ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดอะไรเลย ผมกะพริบตาปริบ มองโทรศัพท์ที่เพิ่งถูกตัดสายแล้วได้แต่ยิ้มแหยพลางโอดครวญอยู่ในใจ กูไม่ใช่ตั๋วลดราคานะเฟ้ย! ฮึ่ม... ผมถอนหายใจด้วยความรู้สึกคลุมเครือก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกไปข้างนอก ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผมมาถึงร้านด้วยสภาพผมหน้าตั้งชันเป็นหางเป็ดเพราะนั่งวินมอไซค์มาเนื่องจากเกรงว่าถ้าขับรถมาแล้วจะไม่มีที่จอด เปล่าหรอกที่จริงไม่อยากเปลืองน้ำมันช่วงนี้โดนตัดงบทำตัวอู้ฟู่เหมือนเดิมไม่ไหว เฮ้อ ผมทอดถอนใจระหว่างเดินเข้าร้านก็โทรหารุ่นพี่ไปพลาง [ฮะโหล ว่าไงวะ อยู่ไหนแล้ว] รุ่นพี่ตะโกนถามกลับมาทันทีที่รับสาย เพราะเสียงรอบนอกค่อนข้างดังทำให้ผมได้ยินไม่ถนัดแต่ก็พอจับใจความได้ “ผมถึงแล้วพี่” [หา... ถึงแล้วเหรอ เออ เดินเข้ามาเลยอยู่โซนนั่งชิลล์] ผมวางสายหลังรู้ตำแหน่งพวกรุ่นพี่ เดินเข้าไปข้างในพร้อมกับสางผมหางเป็ดของตัวเองไปด้วย ขณะเดียวกันก็ภาวนาให้ไอ้ไนท์มันไม่อยู่ร้านจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับมัน ไม่งั้นผมคงทำหน้าไม่ถูกตอนรุ่นพี่ผมเอ่ยขอส่วนลดกับมันแม้จะไม่รู้ว่ารุ่นพี่จะทำแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่าก็เถอะ แต่ก็ขออย่าให้ผมเจอกับไอ้ไนท์เลย ที่ลานนั่งชิลล์คนค่อนข้างแน่นแทบไม่เหลือโต๊ะว่าง แต่การจัดตำแหน่งโต๊ะของที่นี่ไม่ได้ชิดกันมาก เว้นพื้นที่ระหว่างโต๊ะพอสมควร ทำให้มองแล้วไม่รู้สึกอึดอัด บรรยากาศปลอดโปร่งเหมาะกับการนั่งจิบเบียร์ชิลล์ๆ ผมกวาดตามองสองถึงสามรอบก่อนจะเห็นรุ่นพี่ลุกขึ้นโบกมือไหวๆ ส่งสัญญาณมาให้ ผมตรงไปที่โต๊ะทันที ยกมือไหว้พวกรุ่นพี่พอเป็นพิธีก่อนหาที่นั่ง ทันใดนั้นแก้วเหล้าที่ผสมเสร็จสรรพก็วางลงตรงหน้าโดยไม่ต้องร้องขอ ผมรับไว้อย่างถ่อมตัวถึงจะไม่มีใจอยากดื่มก็ตาม บนโต๊ะนอกจากรุ่นพี่แล้วก็มีเพื่อนปีเดียวกันอยู่สองคนรวมไอ้แต้มด้วย ผมจ้องไอ้แต้มในขณะที่มันหลบสายตาเหมือนกำลังหนีความผิดยังไงยังงั้น มันคงรู้ว่าผมไม่พอใจเรื่องอะไรแต่อยู่ต่อหน้ารุ่นพี่ผมจะไปว่าอะไรมันได้ นอกจากใช้สายตาตำหนิมันเท่านั้น แต่คนหน้าหนาอย่างมันจะไปรู้สึกอะไร “แล้วไอ้เก้าล่ะ ไม่ชวนมาเหรอ” ผมถามหลังจากเขม่นมันเสร็จ ไอ้แต้มยักไหล่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ชวน แต่มันไม่อ่านไลน์กู” “หืม... มันเล่นเกมเพลินเหรอวะ” ผมพูดพลางเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก่อนที่จะออกมาผมก็แชตไปชวนไอ้เอิร์ธเหมือนกัน ไม่รู้มันอ่านหรือยัง ...ผมชะงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดกับไอ้แต้ม “ไอ้เอิร์ธก็ไม่อ่านไลน์ว่ะ” “ฮ่าๆ” ไอ้แต้มหัวเราะเยาะให้กับความแห้วของพวกเรา ชวนเพื่อนแต่เพื่อนไม่อ่านไลน์เหมือนกัน ไอ้เก้าผมไม่รู้นะว่าทำไมมันไม่อ่านไลน์ แต่ไอ้เอิร์ธพอมันเงียบไปแบบนี้ผมก็ชักเป็นห่วงขึ้นมาไม่รู้มันมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถึงมันจะเคลียร์ใจกับพี่กันต์แล้วแต่เหมือนครอบครัวพี่กันต์จะไม่ยอมรับ ผมไม่แปลกใจเลย คงไม่มีครอบครัวไหนรับเรื่องแบบนี้ได้ง่ายๆ คิดๆ แล้วก็น่าเห็นใจว่ะ ไม่รู้ตอนนี้มันเป็นยังไงบ้าง ผมยกแก้วเหล้าขึ้นจิบระหว่างครุ่นคิดเรื่องไอ้เอิร์ธ แววตาครึ้มลงเล็กน้อย “พี่ไนท์” เสียงไอ้แต้มร้องออกมาอย่างลิงโลด แค่กๆ ผมสำลักเหล้าที่เพิ่งจิบเข้าไปทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น ลำคอแสบพร่าส่งระลอกร้อนผ่าวออกมาจากรูจมูก ทรมานอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ผมหันไปมองก็เห็นร่างสูงที่กำลังจะเดินผ่านไปชะงักแล้วหันมาปะทะสายตากับโต๊ะพวกผมเข้าพอดี ใบหน้างุนงงที่ไม่รู้ใครเรียกในตอนแรกถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มลึกซึ้งทันทีที่สบสายตาผม หนังหัวผมชาวาบ ความรู้สึกไม่น่าไว้ใจพุ่งกระฉูดขณะที่เงาร่างสูงโปร่งเดินตรงมาที่โต๊ะด้วยท่วงท่าผ่าเผย ผมสะกดอาการลุกลี้ลุกลนที่ไม่รู้สาเหตุเอาไว้ พยายามไม่ให้ค่ามันมากนัก ระหว่างนั้นพวกรุ่นพี่ก็กระซิบกระซาบกันอย่างสนอกสนใจ “ใครวะ เจ้าของร้าน?” “เฮียไนท์?” “อื้ม คนนี้แหละ” ไอ้แต้มพยักหน้าหงึกหงัก ตอนนั้นไอ้ไนท์ก็มาถึงโต๊ะพอดีและคงได้ยินบทสนทนานั่นด้วย มันกวาดตามองทุกคนบนโต๊ะพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม แน่นอนว่าสำหรับคนที่ไม่รู้รสนิยมทางเพศของมันก็จะเห็นว่ารอยยิ้มนั่นขี้เล่นเป็นกันเอง ไม่มีอะไรแอบแฝง แต่สำหรับผมยิ้มนั่นอันตรายสุดๆ “สวัสดีครับเฮีย” ยังไม่ทันที่ไอ้ไนท์จะเปิดปากพูดอะไร พวกรุ่นพี่ก็พร้อมใจกันยกมือไหว้อย่างเคารพนบนอบ ท่าทางประจบประแจงจนผมพูดไม่ออก ได้แต่ยิ้มแหยพร้อมกับมุมปากกระตุก “ฮ่าๆ เออ สวัสดี...” ไอ้ไนท์หัวเราะให้กับท่าทางกระตือรือร้นของพวกรุ่นพี่ มันชำเลืองมองมาทางผมซึ่งเป็นคนเดียวบนโต๊ะที่ไม่ได้ยกมือไหว้มัน หึ... อยากให้กูเคารพมึงเหรอ ไม่ง่ายนักหรอก ขณะที่ในใจผมถูกความอวดดีกดทับไอ้ไนท์กลับไม่ได้ถือสาเรื่องนั้น เหมือนมันมองผมด้วยจุดประสงค์อื่นมากกว่า “เพื่อนๆ ตะวันงั้นเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ถึงสายตามันจะจดจ่ออยู่ที่ผมแต่คำถามนั่นก็ไม่ได้เจาะจงว่าผมต้องเป็นคนตอบเท่านั้น ดังนั้นจึงมีคนเต็มใจตอบคำถามแทน “ฮ่าๆ พวกเราเป็นรุ่นพี่ตะวันครับเฮีย” “อ่อ รุ่นพี่นี่เอง” “อะเฮีย สักแก้ว ไหนๆ ก็มาแล้ว ฮ่าๆ” รุ่นพี่ผมนี่ก็ตีสนิทคนง่ายเกิ๊น คุยกันไม่กี่คำก็ยัดเหล้าใส่มืออีกฝ่ายแล้ว ผมลอบกลอกตาแต่ก็อดชำเลืองมองมันไม่ได้ ไอ้ไนท์ชนแก้วกับรุ่นพี่ที่ส่งแก้วให้แล้วดื่มรวดเดียวหมดเรียกว่าได้ใจฝ่ายตรงข้ามไปเต็มๆ “นั่งก่อนไหมเฮีย” พอเห็นไอ้ไนท์ดื่มหมดจอกโดยไม่กะพริบตา รุ่นพี่ก็ชอบใจใหญ่ แต่ไอ้ไนท์กลับยกมือห้ามพลางส่ายหน้า “กูมีงาน พวกมึงตามสบายเลย อยากกินอะไรสั่งได้เต็มที่ เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” “จริงเหรอเฮีย” รุ่นพี่นัยน์ตาลุกวาว “อืม” ไอ้ไนท์พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ เหมือนเศษเงินแค่นี้ไม่มีผลต่อความมั่งคั่งของมัน ทว่าผมกลับไม่สบายใจตงิดๆ ไม่ใช่ว่าผมเป็นห่วงสภาพคล่องของมันหรอกนะ เพียงแต่รู้สึกว่ามีบางอย่างแฝงมากับลาภตรงหน้า “พวกมึงมากับตะวัน ‘น้องรัก’ กูทั้งที ก็ต้องเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีถูกไหม” ดวงตาคมกริบของไอ้ไนท์จ้องมาที่ผมอย่างมีนัยครู่หนึ่งก่อนที่มันจะผละจากไป ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีของพวกรุ่นพี่ ผมเย็นสันหลังวาบนั่งตัวตรงแน่วประหนึ่งสัตว์ป่าที่มีสัญชาตญาณเฉียบแหลมต่ออันตรายที่ย่ำกรายเข้าใกล้ หัวใจผมสั่นตุบๆ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD