ข้อเสนอพิเศษ

1752 Words
ร้านจิ้มจุ่มหมูนุ่ม ผมเดินตามหลังไอ้แต้มผ่านร้านอาหารหลายร้านจนมาหยุดอยู่ที่ร้านนี้ มันเงยหน้าขึ้นมองป้าย แล้วมองเข้าไปข้างในด้วยแววตาเป็นประกาย “ร้านนี้แหละ” มันบอกแล้วเดินเข้าไปโดยไม่ถามความเห็นผมสักคำ ช่างเถอะ ผมเดินตามมันเข้าไปในร้านเงียบๆ กลิ่นน้ำซุปหอมประโลมกระเพาะมาก ผมที่หิวอยู่แล้วพอได้กลิ่นก็ยิ่งหิวเป็นทวีคูณ ถึงขนาดตาลายเห็นภาพหลอนไอ้ไนท์นั่งอยู่ในร้าน มันหันมาสบตากับผมโดยบังเอิญ ต่างคนต่างก็ชะงักชั่วขณะ ผมสะบัดหน้าเบาๆ กะพริบตาแล้ว มือขยี้ตาก็แล้ว ไอ้ไนท์ก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมแถมยังจ้องผมเขม็งอีก ไม่ใช่ภาพหลอนเหรอ หัวใจผมพลันกระตุกไหวอะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้วะ “เป็นไรวะ” ไอ้แต้มหันมาถาม “เปล่า ไม่มีอะไร” ผมกับไอ้แต้มมองหาที่นั่งเหมาะๆ แต่ยังไม่ทันได้นั่งเด็กเสิร์ฟก็เดินเข้ามาสะกิดแขน “พี่ๆ พี่ที่โต๊ะนั้นเรียกให้ไปนั่งด้วย” เด็กเสิร์ฟพยักพเยิดหน้าไปทางโต๊ะที่ไอ้ไนท์นั่งอยู่ “ใครวะ มึงรู้จักเหรอ” ไอ้แต้มมองตามสายตาของเด็กเสิร์ฟแล้วหันกลับมาจ้องหน้าผมอย่างสงสัย “คือ...” ผมมองตอบสายตาอยากรู้อยากเห็นของไอ้แต้ม อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี พอเหลือบมองไปทางไอ้ไนท์ก็เห็นมันกำลังกวักมือเรียกอย่างกระตือรือร้น “มาๆ มื้อนี้กูเลี้ยง” “โห... ไปเร็ว” ไอ้แต้มลูกตาเป็นประกายทันทีที่ได้ยินแบบนั้น มันลากแขนผมเดินไปหาไอ้ไนท์อย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ถามกูสักคำก่อนก็ได้มั้งไอ้สัสแต้ม ไอ้คนเห็นแก่กิน! ผมกร่นด่ามันในใจ ไม่ถึงสิบก้าวเราทั้งคู่ก็มาถึงโต๊ะที่ไอ้ไนท์นั่งอยู่ นอกจากไอ้ไนท์แล้วยังมีคนอื่นอยู่ด้วย ผมใช้หางตามองแบบผ่านๆ ก็จำไอ้หน้าตี๋นี่ได้ทันที “สวัสดีครับพี่” ไอ้แต้มยกมือไหว้เจ้าที่เอ๊ยคนทั้งสองที่นั่งอยู่พร้อมกับยิ้มใสซื่อแกมประจบนิดๆ อยู่เป็นนะมึง ส่วนผมแค่ใช้สายตาทักทายพวกมันก็พอ “อืม นั่งสิ” ไอ้ไนท์พยักหน้ารับไหว้ไอ้แต้มก่อนหันมาสบตากับผมอย่างไม่ถือสา พลางตบที่ว่างข้างๆ เชื้อเชิญให้เราสองคนนั่ง ไอ้แต้มรีบนั่งอย่างไว แต่ดันนั่งฝั่งเดียวกับไอ้ตี๋ปาย เหลือที่ว่างข้างไอ้ไนท์เอาไว้ให้ผม นี่ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้แต้มมันยืนใกล้ฝั่งไอ้ตี๋ปายผมต้องคิดว่ามันจงใจให้ผมนั่งข้างไอ้ไนท์แน่ๆ ถึงแม้มันจะไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้ไนท์ก็เถอะ “มึงอีกแล้วเหรอ” เสียงประหลาดใจนี้เป็นของไอ้ตี๋ปาย มันเพ่งมองหน้าผมอย่างไม่อยากเชื่อ ดูแล้วมันก็คงจำผมได้เหมือนกัน “อืม เจอกันอีกแล้ว” ผมยิ้มแห้งๆ รู้สึกกระอักกระอ่วนกับความบังเอิญแบบนี้ “เพื่อนชื่ออะไร” เสียงไอ้ไนท์ทำให้ผมหลุดจากบรรยากาศแปลกๆ ที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุเพียงเพราะโต้ตอบกับไอ้ตี๋ปาย “ผมชื่อแต้มครับ แล้วพี่?” ไอ้แต้มแนะนำตัวเองโดยไม่รอให้ผมเอ่ยปาก “ไนท์” “พี่รู้จักกับตะวันเพื่อนผมเหรอ” ไอ้แต้มถามเพื่อยืนยันมิตรภาพระหว่างผมกับไอ้ไนท์ “รู้จัก” “แล้วพี่ล่ะ” สายตาไอ้แต้มเบนมาทางไอ้ตี๋ปาย “ไม่รู้จัก” ไอ้ตี๋ปายตอบเสียงห้วน ท่าทางเหมือนหงุดหงิดอะไรอยู่ บางทีมันอาจจะกำลังไม่พอใจที่ผมกับไอ้แต้มมาขัดจังหวะกินข้าวของมันกับไอ้ไนท์ก็ได้ “....” ไอ้แต้มทำหน้าไม่ถูกไปชั่วขณะ หลังจากโดนอีกฝ่ายทำเสียงตายด้านใส่ ไอ้ไนท์มองผมกับไอ้ตี๋ปายครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงคึกคัก ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะที่หยุดชะงักไปชั่วขณะดำเนินต่อ “เอาน่า รู้จักกันหรือเปล่าไม่สำคัญ สำคัญที่มื้อนี้กูเลี้ยง อยากกินอะไรสั่งเลย” “พี่พูดจริงใช่มะ” สีหน้าไอ้แต้มกลับมาร่าเริงอย่างไว ไอ้สัสนี่ พอเป็นของฟรีเข้าหน่อยก็หน้าชื่นตาบานเลยนะมึง “อืม เต็มที่” “งั้นผมไม่เกรงใจละนะ เด็กเสิร์ฟๆ” ไอ้แต้มกวาดตามองของบนโต๊ะก่อนจะหันไปเรียกเด็กเสิร์ฟ ผมสำรวจของกินบนโต๊ะด้วยเหมือนกัน เผื่อมีอะไรขาดเหลือจะได้สั่งพร้อมไอ้แต้มทีเดียวเลย สายตาผมดันไปสะดุดเข้ากับถุงของขวัญที่วางอยู่ข้างๆ ไอ้ตี๋ปายอย่างไม่ได้ตั้งใจ นั่นมันเหมือนถุงของขวัญจากร้านนาฬิกาที่ผมเป็นคนเลือกให้ไอ้ไนท์เลยนี่หว่า ผมขมวดคิ้ว ดึงสายตากลับมามองไอ้ไนท์ “หืม” ไอ้ไนท์ไหวตัวเมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันจากสายตาผม “มีอะไร” “เปล่า” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ เลิกสนใจถุงของขวัญที่วางอยู่ข้างตัวไอ้ตี๋ปาย จังหวะเดียวกับที่เด็กเสิร์ฟเดินมาพอดี ผมได้โอกาสสั่งอาหาร เลี่ยงบทสนทนากับไอ้ไนท์อย่างแนบเนียน “แล้วพวกมึงมาทำอะไรกัน” ไอ้ไนท์เอ่ยถามหลังจากเด็กเสิร์ฟรับออร์เดอร์เสร็จ มันมองผมที่สวมชุดกีฬา ตามเนื้อตัวมีรอยเหงื่อที่แห้งแล้วติดอยู่ ในขณะที่ไอ้แต้มใส่ชุดนักศึกษาชายเสื้อหลุดลุ่ยแต่ไร้คราบเหงื่อไคล “....” ผมตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว ทำเหมือนไม่ได้ยินที่ไอ้ไนท์ถาม เพราะเดี๋ยวก็มีคนตอบเอง “ไอ้นี่มันมาเตะบอล ส่วนผมแค่มาให้กำลังใจ” แต้มตอบคำถามอย่างกระตือรือร้น แต่คำพูดหยอกเย้าของมันทำผมเกือบสำลักผักที่เพิ่งกินเข้าไป แค่บอกว่ามาเป็นเพื่อนก็พอแล้วโว้ย ไอ้ไนท์ทำหน้าประหลาดใจหลังจากฟังไอ้แต้มพูดมันก็หันมาทางผมด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ “มึงชอบเตะบอลเหรอวะ” ผมขมวดคิ้ว ชอบไม่ชอบเกี่ยวอะไรด้วยวะ ถึงผมจะไม่พอใจที่ถูกถามแต่ก็จำใจต้องตอบเพราะไม่อยากทำตัวมีพิรุธ “กูก็เล่นได้หมดแหละ” “ครั้งหน้าชวนกูด้วยสิ ไม่ได้ออกกำลังนานแล้ว” “มึงเตะเป็นเหรอ” ผมมองไอ้ไนท์ด้วยสายตาระแวง “แค่เตะบอลมันจะไปยากอะไร” ไอ้ไนท์พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ไม่รู้ว่ามันเตะเป็นจริงๆ หรือแค่พูดจาโอ้อวดไปเรื่อย ถึงในใจรู้สึกขัดข้องแต่ผมก็ไม่คิดต่อปากต่อคำกับมันให้มากความ นั่งกินเงียบๆ ไม่จำเป็นก็ไม่พูดเยอะ นอกจากผมแล้วคนที่แทบไม่ได้ยินเสียงเลยก็คือไอ้ตี๋ปาย มันแค่ฟังพวกผมคุยกันเงียบๆ แทบจะเป็นอากาศธาตุเข้าไปทุกที “ว่าแต่ทำไมผมคุ้นหน้าพี่จัง เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า” ทั้งโต๊ะก็มีแต่ไอ้แต้มนี่แหละที่จ้อไม่หยุด ผมเพิ่งรู้ว่ามันเป็นคนช่างพูดก็วันนี้เอง ปกติเวลามันอยู่กับพวกผมก็เอาแต่ก้มหน้าเล่นเกมไม่สนใจโลก มันมองไอ้ไนท์อย่างสงสัย ก็คงคุ้นเพราะเคยเห็นไอ้ไนท์ที่ร้านเหล้านั่นแหละ “ถ้าเป็นเพื่อนน้องเอิร์ธก็คงเคยเจอกัน” ไอ้ไนท์บอกอย่างไม่ใส่ใจแต่นั่นยิ่งทำให้ไอ้แต้มมันเบิกตากว้าง “พี่รู้จักเอิร์ธเหรอ” “รู้จักสิ” ไอ้ไนท์ทำหน้าภูมิใจอะไรของมันวะ “อ่อ แล้ว...” ไอ้แต้มทำท่าจะซักต่อผมเลยรีบเบรกมันซะก่อน ก่อนที่มันจะล้วงข้อมูลจากไอ้ไนท์ไปมากกว่านี้แล้วเกิดสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้ไนท์ขึ้นมา “มึงจะถามอะไรนักหนาวะ กินๆ ไม่กินเดี๋ยวหมดก่อนนะโว้ย” “หมดก็สั่งเพิ่ม กูบอกว่าจะเลี้ยงไม่ต้องกลัวกินไม่อิ่ม” ไอ้ไนท์ดักคอผมเหมือนรู้ว่าผมกำลังกังวลอะไรอยู่ มันยิ้มไม่สะทกสะท้าน ยินดีตอบคำถามของไอ้แต้มโดยไม่แสดงท่าทางรำคาญแม้แต่น้อย ขณะที่ผมเอือมระอาเพราะหยุดการสนทนาระหว่างไอ้แต้มกับไอ้ไนท์ไม่ได้ ไอ้ตี๋ปายจากที่ตอนแรกทำหน้าบอกบุญไม่รับที่มีคนมาร่วมโต๊ะด้วยกลับหันมาฟังสองคนนั้นคุยกันอย่างสนใจ “ที่แท้พี่ก็เป็นเจ้าของผับที่ไอ้ตะวันมันชอบพาแฟนไปถลุงเงินเล่นนี่เอง” สัสแต้ม ไอ้เพื่อนเวร มึงไม่ต้องพาดพิงถึงกูก็ได้ “ฮ่าๆ เพิ่งรู้นะเนี่ย งั้นมึงก็เป็นลูกค้า VIP ร้านกูน่ะสิ ครั้งหน้าถ้ามึงมาร้านกูอีกเดี๋ยวลดราคาให้เป็นพิเศษ” ไอ้ไนท์โอบไหล่ผมอย่างสนิทสนม ฉวยโอกาสสัส ผมปัดมือมันออกอย่างไร้เยื่อใย “ไม่สนโว้ย” และก็ไม่คิดจะไปเหยียบร้านมึงด้วย ประโยคหลังผมพูดกับตัวเองในใจ “มึงนี่โง่หรือเปล่าวะ พี่ไนท์อุตส่าห์ลดให้ยังไม่เอาอีก” ไอ้แต้มมิวายแขวะผมทันที “งั้นกูให้มึงดื่มฟรีเลยตลอดชีพ สนไหม” “แค่ก!” จู่ๆ ไอ้ตี๋ปายก็เนื้อติดคอ มันเหลือบมองไอ้ไนท์ด้วยสายตาสับสนแวบหนึ่งก่อนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงน้อยใจนิดๆ “ทีกับผมไม่เห็นลดให้บ้างเลย” มีคนน้อยใจแล้วหนึ่ง “พูดยังกับมึงมาบ่อย” ไอ้ไนท์หันไปตอบ “งั้นถ้าผมไปดื่มที่ร้านพี่บ่อยๆ พี่ก็จะลดให้?” “ฮ่าๆ ได้สิ ว่าแต่มึงเวลาเที่ยวด้วยเหรอ ต้องทำงานหนิ” “ผมก็มีวันหยุดนะพี่” “อืม อยากมาก็มา เรื่องราคาไม่ต้องห่วง ลดให้พิเศษอยู่แล้ว” “พี่อย่าลืมแล้วกัน แต่...” ไอ้ตี๋ปายเว้นจังหวะพูดชวนให้คนฟังสงสัยใคร่รู้ “ถ้าผมไป พี่ต้องมานั่งดื่มกับผม” ไอ้ตี๋ปายพูดพลางมองไอ้ไนท์ด้วยสายตาร้อนแรง ราวกับว่าทั้งโต๊ะนี่มีแค่พวกมันสองคน ผมลอบมองทั้งคู่ส่งสายตาให้กันแล้วก็แทบเก็บสีหน้ารังเกียจไม่มิด แค่ประโยคนั้นก็รู้แล้วว่าไอ้ตี๋ปายมันคิดอะไรกับไอ้ไนท์ แต่ที่ไม่เข้าใจคือต้องแสดงออกในที่สาธารณะแบบนี้ด้วยเหรอวะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD