เกือบสี่ทุ่มบีบีถึงตอบข้อความที่ผมส่งไปเมื่อตอนกลางวัน ภาพในร้านอาหารอิตาเลียนยังติดตาผมอยู่ แต่ในข้อความที่บีบีส่งมาไม่พูดถึงร้านนั่นสักคำ พอถามว่ามื้อเย็นกินอะไรก็โกหกว่ากินบะหมี่ข้างหอพัก พอถามถึงธุระด่วนก็อ้างว่าเพื่อนทะเลาะกับแฟนก็เลยต้องรีบกลับไปปลอบใจ ทำให้ต้องทิ้งผมไว้ที่ร้านนาฬิกาอย่างช่วยไม่ได้ ถึงผมจะรู้เต็มอกว่าบีบีโกหกแต่ก็ยังไม่อยากยอมรับว่าโดนสวมเขา อีกอย่างยังไม่รู้ด้วยว่าบีบีเป็นอะไรกับน้องไอ้ไนท์อาจจะแค่รู้จักนับถือกันเป็นพี่น้องไม่มีอะไรในกอไผ่เลยก็ได้ ผมพยายามคิดในแง่ดีจะได้ไม่ฟุ้งซ่านมาก
ระหว่างที่ผมกำลังครุ่นคิดเรื่องบีบีเสียงเตือนใน Messenger ก็ดังขึ้น
ใครส่งข้อความมาวะ ผมเปิดดูอย่างไม่คิดอะไรมาก ก่อนจะเห็นชื่อที่ส่งมา ไอ้ไนท์...
ไนท์ : เดินออกจากร้านดื้อๆ แบบนั้นไม่คิดจะไว้หน้ากูเลยเหรอ
ตะวัน : มึงรู้ Facebook กูได้ไง
ไนท์ : มึงลองเดาดูสิว่ากูรู้ได้ยังไง
ไนท์ : วันนี้อดเลี้ยงเลยแต่ไม่เป็นไร ไว้วันหน้าค่อยพามึงไปเลี้ยง
ผมมองข้อความที่เด้งขึ้นมา คิ้วขมวดทันที แม่ง พูดเหมือนกูเป็นสัตว์ที่มีไว้เลี้ยงอย่างงั้นล่ะ
ผมเข้าไปส่อง Facebook ไอ้ไนท์ จิ้มตรงเพื่อนที่มีร่วมกันก็เห็นหน้าไอ้เอิร์ธโผล่ขึ้นมา ไม่แปลกเลยที่ไอ้ไนท์มันจะรู้ Facebook ผม
ผมมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว ไล่ดูรายชื่อเพื่อนไอ้ไนท์แต่ก็ไม่เจอชื่อที่เข้าข่ายว่าจะเป็นน้องชายมันเลย เป็นไปได้เหรอวะที่มันจะไม่ได้เป็นเพื่อนกับน้องตัวเอง แผนที่คิดว่าจะเข้าไปสืบใน Facebook น้องไอ้ไนท์ล้มไม่เป็นท่า ผมเข้าไปส่อง Facebook กับ IG ของบีบี ก็ไม่เจออะไรน่าสงสัย ทุกอย่างปกติ หรือว่าผมจะคิดมากไปเองจริงๆ
ตะวัน : กูมีเงินซื้อข้าวกิน มึงเก็บไว้เลี้ยงคนอื่นเถอะ
ไนท์ : กูบอกว่าจะเลี้ยงก็ต้องเลี้ยง คำไหนคำนั้น
คำไหนคำนั้นกับผีน่ะสิ! คิดว่ากูต้องการคำมั่นจากมึงหรือไง ผมยิ่งคุยกับมันก็ยิ่งหัวเสีย ไม่ใช่เฉพาะเวลาเจอหน้ากันเท่านั้นแม้แต่ตอนแชตมันก็จะยังจะกวนประสาทผมได้อีก เหนื่อยใจโว้ย
ตะวัน : กูไม่คุยกับมึงแล้ว
ไนท์ : งั้นก็... ฝันดี
ตะวัน : ไปไกลๆ
ไนท์ : ไหนว่าไม่คุยแล้ว ปากไม่ตรงกับใจเหรอ
ตะวัน : ส้นตีน
ไนท์ : (สติ๊กเกอร์แมวคาบดอกกุหลาบ)
ผมเมินสติ๊กเกอร์ที่ไอ้ไนท์ส่งมายั่วโมโห ไม่ตอบอะไรมันอีก ถึงในใจจะพลุ่งพล่านอยากพิมพ์ด่ามันแทบคลั่ง แต่ก็แปลกเหมือนกันหลังคุยกับไอ้ไนท์แล้วอารมณ์ที่เคยร้อนรนเพราะบีบีกลับสงบลง ตอนนี้ในใจผมมีแต่ความรู้สึกที่กำลังระอุเพราะการตอแยเล็กๆ น้อยๆ ของไอ้ไนท์
“เฮ้อ”
“เป็นอะไรของมึงวะ” ไอ้แต้มนอนกดเกมอยู่บนม้านั่งข้างสนามฟุตซอลเอ่ยปากอย่างรำคาญหลังจากได้ยินเสียงถอนหายใจติดต่อกันหลายครั้งของผม
ผมเหลือบมองมันแล้วก็อดรำคาญลูกตาไม่ได้ เห็นมันขอมาด้วย ก็นึกว่าจะมาเตะบอลด้วยกันแต่กลับนอนเอกเขนกไม่ลุกไปไหนเลยตั้งแต่มาถึง
“กูมีเรื่องกลุ้มนิดหน่อย”
“เรื่องไรวะ” มันถามโดยที่สายตายังจดจ่ออยู่กับหน้าจอ ผมลังเล ก่อนตัดสินใจเอ่ยสิ่งที่คิดออกมา
“มึงมีเงินให้กูยืมสักแปดหมื่นมั้ยวะ”
“สัส มีแปดสิบบาท มึงจะเอาไหม” ไอ้แต้มตกใจแทบตกเก้าอี้ มันถึงขั้นสละเวลาอันมีค่าละสายตาจากหน้าจอเกมมาถลึงตาใส่ผมแล้วกลับไปเล่นเกมต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เวร พึ่งไม่ได้เลยนะมึง” ผมสบถไปอย่างนั้น ไม่ได้โกรธอะไรมันจริงจัง ไอ้แต้มก็คงรู้แหละว่าผมไม่ได้คิดจะยืมเงินมันจริงๆ แต่เห็นผมเงียบไม่พูดอะไรออกมาอีกมันก็วางโทรศัพท์ในมือลง ลุกขึ้นมานั่งคุยกับผมดีๆ
“มึงจะเอาเงินไปทำไรวะ”
“เฮ้อ”
“เอาแต่ถอนหายใจ กูจะรู้เรื่องไหมวะ”
“ไปใช้หนี้บัตรเครดิต”
“ไหนว่าที่บ้านมึงรวย รูดได้ไม่จำกัดวงเงิน” ไอ้แต้มทำหน้าสับสนปนสงสัย
ครับ… เป็นเพราะก่อนหน้านี้ผมมันหน้าใหญ่ใจโต ชอบควักเงินจ่ายตลอด ไม่มีเงินสดก็รูดบัตร ไม่เคยเอ่ยปากขอให้เพื่อนหารค่าใช้จ่ายเลยสักครั้งยกเว้นค่าเหล้า แต่กับเพื่อนจริงๆ ผมก็ไม่ได้สิ้นเปลืองมาก พวกมันไม่เคยเอาเปรียบผม ไม่งั้นผมคงเลิกคบไปแล้ว ส่วนใหญ่แล้วผมหมดเงินไปกับการเปย์ผู้หญิง
“กูเพิ่งโดนด่ามาเนี่ยแหละว่าใช้เงินเกินตัว แม่กูระงับบัตรไปแล้ว แถมยังลดเงินรายเดือนกูอีก” ผมพูดเสียงหงอย นึกถึงตอนที่โทรไปโวยวายเรื่องบัตรเครดิตกับแม่แล้วดันโดนเทศนายาวเป็นชุด จนตอนนี้หูก็ยังชาไม่หาย
“เหรอวะ” ไอ้แต้มมองผมอย่างไม่รู้จะหัวเราะเยาะหรือเห็นใจผมดี ก่อนหน้านี้พวกมันก็เคยแซวความใจป้ำของผม แถมยังล้อผมด้วยว่าชอบใช้เงินล่อลวงผู้หญิง ทั้งที่ความจริงแล้วผมก็แค่ชอบตามใจแฟนเท่านั้นเอง อยากได้อะไรก็ซื้อให้ อยากกินอะไรก็พาไปเลี้ยง อยากเที่ยวก็พาเที่ยว มันก็ปกติไหมล่ะ พอผมบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องเลี้ยงผู้หญิง ไอ้แต้ม ไอ้เก้า ไอ้เอิร์ธก็พากันส่ายหน้าไม่เห็นด้วย ผมก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร คบแฟนกี่คนก็ตามใจตลอด เพียงแต่ทุกคนก่อนหน้านี้ไม่ติดหรูเหมือนบีบีผมเลยไม่มีปัญหา
“แต่ก็ดีนะ กูอยากรู้เหมือนกันถ้ามึงไม่ป๋าแล้ว ผู้หญิงยังจะเอามึงอยู่หรือเปล่า”
“นี่มึงดูถูกเพศแม่อยู่นะเว้ย”
“ดูถูกเหี้ยอะไรล่ะ กูไม่ได้เหมารวมสักหน่อย แค่พูดถึงคนที่มึงคบอยู่น่ะ”
ผมขมวดคิ้ว อุตส่าห์แก้ต่างแล้วแท้ๆ แต่ไอ้แต้มก็ยังจะชี้เป้าอยู่อีก
“มึงว่าบีบีคบกับกูเพราะเงินเหรอ” ผมสะอึกนิดหน่อย ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิด แต่เหตุการณ์ที่ร้านนาฬิกานั่นมันยังติดอยู่ในใจผมไม่ลืม พอบัตรรูดไม่ได้ก็ทิ้งให้ผมจัดการคนเดียวแทนที่จะอยู่เผชิญหน้ากับปัญหาด้วยกัน ห่างกันไม่กี่ชั่วโมงก็ไปนั่งกินข้าวกับผู้ชายในร้านอาหารหรูอีก นึกแล้วก็เสียดาย วันนั้นผมน่าจะเดินเข้าไปทักบีบีที่โต๊ะให้มันรู้เรื่องไปเลยว่าจริงๆ แล้วบีบีเป็นอะไรกับผู้ชายคนนั้นกันแน่
“ไม่รู้โว้ย เรื่องคู่รักกูไม่อยากยุ่ง ไม่อยากเป็นหมา”
“....” ผม
“แล้วช่วงนี้ไอ้เอิร์ธมันเป็นอะไร กูเห็นมันซึมๆ”
ไอ้แต้มที่กลับไปเล่นเกมต่อจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาเหมือนเพิ่งนึกได้
ผมคิดไม่ถึงว่ามันจะถามเรื่องไอ้เอิร์ธ เห็นมันเอาแต่เล่นเกม นึกว่าจะไม่สนใจคนรอบข้างแล้วซะอีก แต่เรื่องไอ้เอิร์ธผมพูดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ต่อให้เป็นไอ้แต้มก็เถอะ
“อยากรู้มึงก็ไปถามมันเอง กูไม่อยากนินทาเพื่อน”
“นินทาเพื่อนเหี้ยอะไร มึงรู้ใช่ไหม รีบๆ พูด อย่าเล่นตัว”
“ไม่รู้โว้ย”
ผมพูดก่อนจะลุกขึ้น วิ่งเข้าไปเปลี่ยนตัวกับคนในสนามฟุตซอล
“หาอะไรกินก่อนไหม หรือว่ากลับเลย” ผมถามไอ้แต้มหลังออกจากสนามฟุตซอล ที่นี่เป็นสนามเอกชนต้องจ่ายค่าเข้าสนามแต่เพื่อนที่เคยเตะบอลด้วยกันชวนผมมา ผมเลยไม่ได้จ่าย เล่นเสร็จก็แยกย้าย สนามนี้อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ถ้าไอ้แต้มมันอยากกลับห้องผมก็จะได้ไปส่งมันก่อนแล้วค่อยหาอะไรกินหลังจากนั้น
“กินก่อน กูไม่รีบ”
ผมชำเลืองมองไอ้แต้มอย่างแปลกใจ ปกติมันต้องรีบกลับไปนั่งเฝ้าหน้าจอเกมไม่ใช่เหรอวะ แต่มันก็ไม่ปกติตั้งแต่มันขอตามผมมาที่สนามฟุตซอลแล้วล่ะ
“มึงไม่รีบกลับไปเล่นเกมกับไอ้เก้าเหรอ”
“แล้วทำไมกูต้องรีบกลับไปเล่นกับไอ้เก้าวะ”
“กูจะไปรู้เหรอ ปกติเห็นมึงสองคนเล่นเกมด้วยกันตลอด”
ไอ้แต้มถอนหายใจแรงพร้อมกับส่ายหน้าเหมือนผมพูดอะไรผิด ท่าทางไม่เห็นด้วยของมันทำผมไม่เข้าใจ
“ทำไมวะ กูพูดผิดเหรอ”
“....” ไอ้แต้มไม่ตอบ มันสาวเท้ายาวๆ นำผมออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ อะไรของมันวะ ผมมองแผ่นหลังของไอ้แต้มก่อนจะรีบตามมันออกไปอย่างข้องใจ