ช่วงล่างถูกกลืนหายเข้าไปในช่องทางคับแน่นทั้งลำตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่สัมผัสถึงแรงบีบเร้ารอบด้านกับความร้อนระอุที่กำลังกัดกร่อนท่อนเอ็นแข็งขืนเสียดเสียวลึกถึงกระดูก
“อ๊าส์!” ไนท์ละริมฝีปากที่กำลังจูบกันอย่างเร่าร้อนออก แหงนหน้าขึ้นระบายความเสียวซ่านจนแทบแผดเสียงร้องออกมา ผมจูบปลายคางอีกฝ่าย ไล่ลงมาตามแผงคอ มือลูบไล้ลำตัวด้านข้างและประคองคนบนตักไปพร้อมกัน
ไนท์มันซุกหน้าลงใต้คาง หน้าผากดันกับลูกกระเดือกผม ขาสองข้างตรึงน้ำหนัก ร่างท่อนบนสั่นระริก เหงื่อกาฬผุดขึ้นตามตัว บั้นท้ายกระตุกไม่หยุด ช่องทางด้านในตอดรัด จนผมทนแทบไม่ไหว กระเด้าใส่ไปทีหนึ่ง ไอ้ไนท์ร้องเสียวออกมา ร่างสะดุ้งไหว มือกดไหล่ทั้งสองข้างผมเอาไว้แน่นอย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยว
ความร้อนผ่าวด้านในทำผมแทบละลาย ช่องทางแคบแน่นตอดรัดทุกตารางนิ้ว ผมดุนดันแก่นกายภายในอย่างอึดอัด ยิ่งค้างอยู่อย่างนี้นานยิ่งสุมความปรารถนาภายในกายให้ลุกโหม
ผมเลื่อนมือขึ้นมาบดคลึงตุ่มไตทั้งสองข้างของไอ้ไนท์ หยัดสะโพกสวนขึ้นไปเป็นจังหวะช้าๆ ร่างบนตักขยับขึ้นลงพลางส่งเสียงครางหวิวไหวปะปนกันระหว่างความทรมานกับสุขสม
ผมที่อดกลั้นมานานก็ปวดแสบปวดร้อนไม่ต่างกัน ค่อยๆ เร่งจังหวะกระแทกส่งด้วยความแรงและเร็วขึ้น ผนังอ่อนนุ่มด้านในถูกครูดไปมา ความฝืดเคืองคับแน่นที่ราวกับจะรัดคอผมตายในตอนเริ่ม หลังโดนรุกเร้านานเข้าก็ขยายโอบรัดท่อนเนื้อหนาใหญ่ของผมอย่างพอเหมาะพอเจาะ
เมื่อร่างกายปรับตัวเข้ากันได้แล้วก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องยั้งแรง ผมจับเอวบางของมันให้ตั้งตรงแล้วกระแทกแก่นกายเข้าออกช่องทางด้านหลังของมันอย่างดุดัน ไอ้ไนท์ยึดไหล่ผมเอาไว้แน่น แอ่นสะโพกเด้งสวนรับแรงกระทุ้งจากผมอย่างรู้จังหวะจะโคนก่อนที่ผมจะดันมันลงนอนราบบนโซฟาแล้วตามลงไปประกบจูบด้วยความกระสันที่ยากจะควบคุม
คนใต้ร่างโอนอ่อนผ่อนตามการชักนำของผมยกขาขึ้นพาดเอว กระดกก้นหนีบรัดแก่นกายเอาไว้อย่างหื่นกระหาย ผมผละออกจากริมฝีปากหวานฉ่ำ จับขาเรียวยาวของมันที่พาดอยู่ตรงเอวดึงรั้งเข้ามาจนก้นมันแนบชิดกับฐานโคน มันร้องเสียงสะท้านออกมาคำหนึ่งเพราะแรงกระชากที่เกิดขึ้นกะทันหัน มองขึ้นมาด้วยแววตาพร่างพราวหยาดเยิ้มไปด้วยไฟปรารถนา ผมมองประสานสายตาลึกซึ้งคู่นั้น กระแทกแก่นกายเข้าออกอย่างบ้าคลั่ง
“อือ… ตะวัน~”
ไนท์นั่งตัวอ่อนพังพาบซ้อนทับอยู่บนตักผม ร่างเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ ผมจับมันถ่างขาออกกว้าง ถูไถฟาดฟันแก่นกายที่ยังฟิตปั๋งกับท่อนเนื้อที่ชูชันไม่แผ่วของมันไปมา ไอ้ไนท์ครางเสียงอ่อนระโหย เนื้อตัวแดงระเรื่อน่าจับกินเป็นที่สุดจนผมทนไม่ไหวกัดหัวไหล่มันไปคำหนึ่ง แต่ขบเบาๆ พอให้หายมันเขี้ยวไม่ได้กัดรุนแรงทิ้งรอยฟันช้ำเลือดเหมือนที่มันกัดไหล่ผม
เสียงครางหวามดังลอดลำคอที่ผมกำลังจูบซับ สองมือสอดผ่านเอวบางลงไปจับท่อนเนื้อทั้งสองบดคลึงหยอกเย้ากันไปมา
ไอ้ไนท์เบียดแผ่นหลังกับลำตัวด้านหน้าผม มันลูบไล้ตัวเองอย่างเสียวกระสัน ลมหายใจหนักหน่วง แผดกลิ่นอายเย้ายวนชวนลุ่มหลง ผมทนไม่ไหว จับแก่นกายดุนดันร่องร้อนฉ่ำก่อนกดแทรกเข้าไปในช่องทางอันเร่าร้อนที่โอบรัดผมเอาไว้อย่างร้อนแรง ผมหยัดสะโพกกระทุ้งเข้าออก รูดรั้งแก่นกายของคนที่ซ้อนทับบนตักไปด้วย
เสียงกระทบกระแทกดุดันดังคลอกับเสียงร้องครวญครางสุขสมก้องห้องโถง ความรู้สึกเสียวซ่านพุ่งทะยานถึงขีดสุด ผมกอดรัดเอวไอ้ไนท์เอาไว้แน่น ฝังหน้าลงบนซอกไหล่ของมันก่อนจะเกร็งกระตุก หยัดสะโพกส่งแก่นกายเข้าไปลึกสุดก่อนที่ความสุขจะพุ่งกระจายออกมา
“อา…” ผมระบายลมหายใจร้อนระอุใส่ซอกไหล่อีกฝ่าย ไอ้ไนท์เกร็งกระตุกถึงฝั่งตามผมมาติดๆ ของเหลวข้นหนืดไหลเยิ้มลงมาตามแรงโน้มถ่วง ปะปนกันจนแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร ผมยังคงแช่อยู่อย่างนั้น จนลมหายใจกลับเป็นปกติก็ดันร่างในอ้อมแขนลงไปนอนตะแคง จัดท่วงท่าให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะกระแทกกระทั้นอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
“ตะวัน… อึก…อ๊าๆๆ อื้อ!~”
ผมเร่งเร้าจังหวะเร็วแรงขึ้นตามอารมณ์ปรารถนาที่พลุ่งพล่านไปทั้งตัว กระแทกบั้นท้ายบวมแดงอย่างบ้าคลั่ง คลื่นอารมณ์โหมกระพือถึงขีดสุด ก่อนจะเกร็งกระตุก… ปลดปล่อยน้ำรักออกมาด้วยความรู้สึกถึงอกถึงใจ
ผมโถมตัวลงไปประคองจูบร่างที่นอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาอย่างทะนุถนอม ลูบไล้ผิวเนียนลื่นที่ปกคลุมไปด้วยชั้นเหงื่อบางเบา
“อือ…”
มันตอบรับจูบผมโดยไม่มีอิดออด ไม่ใช่จูบที่เร่าร้อนเต็มไปด้วยแรงปรารถนาเหมือนก่อนหน้านี้แต่เป็นจูบที่อ่อนโยน คลอเคลีย หยอกเย้ากันไปมา ผมผละริมฝีปากออก แนบหน้าผากเข้ากับหน้าผากของไอ้ไนท์ค้างอยู่แบบนั้นครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้น มองเสื้อผ้าที่หล่นเกลื่อนพื้นหลังคลื่นอารมณ์ผ่านพ้น
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมสอดส่ายสายตาหาครู่หนึ่งก่อนจะก้มไปหยิบกางเกงขึ้นมา ล้วงเอาโทรศัพท์ที่กำลังสั่นเพราะมีสายโทรเข้าออกมา ก่อนจะเห็นชื่อคนโทรมา
>> แพร
ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัยก่อนกดรับสาย
“แพร มีอะไรเหรอ”
[วันนี้ไม่มาที่ร้านเหรอ]
คำถามของแพรทำให้ผมเอาโทรศัพท์ออกมาดูเวลาแวบหนึ่ง ห้าโมงสิบนาที… ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย ไม่คิดว่าจะใช้เวลาอยู่กับไอ้ไนท์นานขนาดนี้ ผมตวัดสายตาไปที่มันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไอ้ไนท์เองก็กำลังมองผมอยู่ทำให้เราประสานสายตากันอย่างจัง ความรู้สึกสายหนึ่งวูบผ่านนัยน์ตาดำคมของไอ้ไนท์ หรือผมมองผิดไปไม่แน่ใจ… แต่เหมือนมันกำลังตัดพ้อไม่ก็น้อยเนื้อต่ำใจอะไรอยู่… ทว่าพริบตาต่อมาสีหน้ามันก็กลับมาสงบนิ่ง แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงดึงดูด มองนานๆ แล้วก็อดใจสั่นไม่ไหว
[ฮะโหล ได้ยินหรือเปล่า] เสียงปลายสายทำให้ผมรู้สึกตัว
“อืม ว่าไงนะ”
[แพรถามว่าวันจะมาที่ร้านหรือเปล่า]
“ไปสิ ทำไมเหรอ ที่ร้านมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
[ไม่มีๆ แพรแค่โทรมาถามเฉยๆ น่ะ ทักไปทางไลน์แล้วไม่ตอบ นึกว่าเป็นอะไร]
ผมแปลกใจนิดหน่อยกับคำพูดแพรแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร
“ติดธุระอยู่น่ะ เลยไม่ได้จับโทรศัพท์ ถ้าไม่มีอะไรแล้วแค่นี้ก่อนนะ ไว้เจอกันที่ร้าน”
[อะ… อื้ม เจอกัน]
ผมกดวางสายแล้วหันไปมองไอ้ไนท์ที่กำลังสวมเสื้อยืดตัวเดิมเข้าพอดี
“เดี๋ยวกูต้องไปดูร้าน ข้าวเย็นที่บอกว่าจะเลี้ยง ติดไว้ก่อนนะ” ผมหันไปคว้ากางเกงมาสวมขณะพูด
“ไม่เป็นไร ตอนเย็นกูไม่ค่อยว่าง”
ไอ้ไนท์พูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ ผมพยายามไม่คิดมาก เอ่ยอย่างอะลุ่มอล่วย
“เอาวันที่มึงว่าง”
ไอ้ไนท์เงียบเหมือนมันคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบกลับมา
“อย่าเลย สะดวกเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน กูไม่ชอบให้สัญญากับใครล่วงหน้า”
“ก็วันที่มึงว่างไง”
“อืม” ไอ้ไนท์เออออแบบใจลอยๆ มันโอเคป่ะวะ หรือว่าผมทำรุนแรงไปจนทำให้มันไม่อยากพูดกับผม
ผมจ้องหน้าเหม่อๆ ของมันอย่างเป็นกังวล เอื้อมมือไปหมายจะอังหน้าผากมันดูว่าตัวร้อนหรือมีตรงไหนผิดปกติหรือเปล่าแต่มันถอยหลบเหมือนไม่อยากให้ผมแตะเนื้อต้องตัว มือที่ยื่นออกไปค้างอยู่กลางอากาศ ผมมองใบหน้าชาด้านของมันอย่างไม่เข้าใจ
“เป็นอะไรของมึง”
“กูไม่ได้เป็นอะไร มึงมีธุระไม่ใช่เหรอ รีบไปเถอะ”
ผมมองสำรวจสีหน้าไอ้ไนท์อย่างวุ่นวายใจ ก่อนหน้านี้ก็ยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่เหรอวะ หรือว่า.. ผมหรี่ตามองท่าทางห่างเหินของคนตรงหน้าก่อนพูดออกมาแบบทีเล่นทีจริง
“หึงเหรอ?”
“…!!!” ไอ้ไนท์มองผมนัยน์ตาลุกวาว สีหน้าเหี้ยมเกรียมจนดูน่ากลัว ผมถึงขั้นแอบผวาอยู่ลึกๆ ก่อนที่มันจะเอ่ยเสียงเย็นชาออกมา
“พูดอะไรของมึง”
“ก็เมื่อกี้… มีคนโทรมาหากู แพร… เป็นพนักงานที่ร้านอาหารมึงก็น่าจะจำได้” ผมอธิบายพลางสังเกตสีหน้าท่าทางของมันไปด้วย
“พนักงานร้านมึงโทรมาแล้วเกี่ยวอะไรกับกู”
“ก็ไม่เกี่ยว… แต่ท่าทางมึงดูแปลกๆ ก่อนหน้านี้ยัง…”
สีหน้าไอ้ไนท์เย็นยะเยือกเหมือนมันรู้ว่าผมกำลังจะพูดอะไร ทำให้ผมรีบเปลี่ยนคำในหัวทันที
“ช่างเถอะ กูไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูโทรหา รับสายด้วยล่ะ”
“….”