เพื่อน...เพื่อน...

1875 Words
วันนั้นผมขาดเรียนทั้งวัน ไม่ได้โผล่หน้าไปที่มหาวิทยาลัย จนไอ้เอิร์ธเป็นห่วงบุกมาหาผมถึงห้อง แม้ว่าผมจะบอกมันทางโทรศัพท์แล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร มันก็ยังไม่วางใจ แถมมาคนเดียวไม่พอยังหิ้วไอ้แต้มกับไอ้เก้ามาเป็นเพื่อนอีก พวกมันสามตัวนั่งรวมกันอยู่ในห้องผม แล้วแต่ละคนตัวไม่เล็กเลย เล่นเอาห้องผมคับแคบขึ้นมาทันตา ผมนั่งหาวหวอดๆ มองพวกมันแต่ละตัวอย่างหงุดหงิดนิดๆ เพราะโดนปลุกให้ลงไปสแกนคีย์การ์ดใต้หอให้พวกมัน มานึกดูตอนนี้น่าจะไล่พวกมันกลับไปตั้งแต่อยู่ใต้หอแล้ว แต่ตอนนั้นผมเพิ่งตื่น สะลึมสะลือนึกอะไรไม่ออก บอกให้ลงไปเปิดประตูก็ลงไป แต่ตอนนี้สติเริ่มกลับมา คิดได้แต่ก็สายไปแล้ว “กูควรซึ้งใจหรือยังไงดีวะที่พวกมึงอุตส่าห์มาหาถึงห้อง รบกวนเวลานอนกูเนี่ย” “ก็ต้องซึ้งใจสิวะ พวกกูอุตส่าห์เป็นห่วงมึงนะโว้ย” ไอ้แต้มยกแขนขึ้นกอดคอผมหมับ ผมจับแขนมันออกทันที ไอ้เวร ไม่ต้องมาตีซี้ กูอึดอัด “อย่าบอกนะว่ามึงนอนทั้งวัน หรือว่าเมื่อคืนมึงดื่มเหล้าทั้งคืน” ไอ้เอิร์ธเบิกตาโพลง มองผมด้วยสายตาจับผิด ตอนมันโทรมาผมกำลังนอนอยู่ เลยคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง โผล่มาอีกทีพวกมันก็บุกมาที่ห้องผมแล้ว “ดื่มอะไรกัน กูเหมือนคนแฮงก์หรือไง” ผมถามเสียงสูง เอิร์ธมันขมวดคิ้วมองผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก “ไม่เหมือน” แต่คนที่พูดคือไอ้เก้า มันจ้องผมด้วยสายตาคมกริบ “สภาพมึงเหมือนตอนกูเล่นเกมโต้รุ่งแล้วมานอนเอาตอนกลางวันมากกว่า” หืม… แม่งเปรียบเทียบซะกูเห็นภาพเลยแต่ต่างกันตรงที่กูไม่ได้เล่นเกมแต่เล่นอย่างอื่นแทน “กูรู้แล้ว” จู่ๆ ไอ้แต้มก็โพล่งขึ้น ชี้หน้าผมด้วยสายตามั่นอกมั่นใจ ทำเอาผมแอบหวั่นไหวอยู่ลึกๆ “รู้… รู้อะไรของมึงวะ” “มึงเสียใจเรื่องบีบีจนนอนไม่หลับทั้งคืนใช่ไหม แล้วก็มาเพลียหลับเอาตอนเช้า กูพูดถูกป่ะ” ไอ้เหี้ยแต้มเล่นเอากูตกใจหมด นึกว่ามึงดูออกว่ากูไปทำอะไรมาทั้งคืน แต่พอคิดดูดีๆ แล้วไอ้แต้มมันจะไปรู้ได้ยังไงเพราะผมไม่เคยเปิดเผยความสัมพันธ์ของผมกับไอ้ไนท์ให้ใครฟังเลย แต่ว่า… เรื่องบีบีผมไม่ทันได้คิดเลยตลอดทั้งคืนเพราะไอ้ไนท์ หลังกลับมาถึงห้องก็หลับเป็นตายเพราะเพลีย ไม่มีเวลาให้ผมนั่งจิตตกเลยจริงๆ ผมควรขอบคุณไอ้ไนท์ หรือควรละอายใจดีวะ ผมส่ายหน้าอย่างคิดไม่ตก พวกไอ้เอิร์ธเห็นก็เข้าใจผิดนึกว่าผมเครียดเรื่องบีบีอีก พวกมันผลัดกันปลอบใจผมใหญ่ ให้ตายสิ พวกมึงนี่เป็นเพื่อนที่ดีแบบไม่น่าเชื่อจริงๆ “เดี๋ยวนะ กูไม่เข้าใจ” ผมเอ่ยขึ้นหลังจากอยู่บนรถ กำลังเดินทางไปร้านอาหารแม่เดือนตามปกติเหมือนทุกๆ วัน แต่วันนี้มีไอ้สามตัวนั่งแถมมาในรถด้วย “ไม่เข้าใจอะไรของมึงวะ” ไอ้แต้มที่นั่งเบาะหลังยื่นหน้าผ่านช่องระหว่างเบาะเข้ามาถามด้วยสีหน้าท่าทางชวนสับกบาล “ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกมึงต้องมาด้วย” “เอ้าก็มาเป็นเพื่อนมึงจะได้ไม่เหงาไง” “กูบอกตอนไหนว่าเหงา” “มึงไม่บอก แต่พวกกูคิดเอง” “มโนสัส” “หรือมึงไม่อยากให้พวกกูมาอยู่เป็นเพื่อน” ไอ้เอิร์ธเอ่ยแทรกระหว่างที่ผมกับไอ้แต้มต่อปากต่อคำกัน พอเป็นไอ้เอิร์ธพูดกลับให้ความรู้สึกอีกแบบ ผมไม่กล้าตอบมันกลับสุ่มสี่สุ่มห้า กลัวคนใจบางอย่างมันจะรับไม่ได้ “เปล่า… ไม่ใช่ไม่อยาก ใครจะไม่อยากมีเพื่อน ก็แค่ไม่ชินที่ถูกพวกมึงเป็นห่วง อีกอย่างกูไปทำงาน ที่ร้านคนเยอะแยะ กูว่ายังไงกูก็ไม่เหงา” “จริงเปล่า… ไม่ใช่ว่าพอถึงร้านแล้วนั่งหลบมุมเป็นคนเศร้าเคล้าเหล้าขาวหรอกนะ” “ไอ้เหี้ยเก้า เหล้าขาวอะไรของมึง ที่ร้านกูไม่มีโว้ย” “นั่นไง ถ้ามีมึงก็จะแอบดื่มสินะ” “แอบเอิบอะไรของมึง ถ้าแม่รู้ แม่เอากูตายแน่” “เออจริง ไอ้เวรนี่มันกลัวแม่อย่างกับอะไรดี” ไอ้แต้มพูดแทรก “แต่ว่าพวกกูก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่เฝ้ามึงนะ ที่มาเนี่ยก็เพราะจะไปกินข้าวด้วย” เอิร์ธพูดจุดประสงค์แรกเริ่มเดิมที พวกมันชวนผมไปกินข้าว แต่ผมปฏิเสธเพราะต้องมาดูแลร้าน รู้แล้วแทนที่พวกมันจะแยกย้ายทางใครทางมัน ดันมีคนเสนอขึ้นว่า “ไปกินร้านแม่ตะวันสิ” ตอนนั้นใครพูดผมก็จำไม่ได้ แล้วผู้ชายสี่คนก็มาอยู่ในรถคันเดียวกันอย่างที่เห็น สัสเอ๊ย แทนที่จะเป็นสาวๆ สวยๆ กลับต้องมาบรรทุกพวกบ้านี่แทน เฮ้อ สงสารรถตัวเองจริงๆ ร้านแม่เดือน “ทำไมชื่อร้านแม่เดือนวะ” ไอ้แต้มเอ่ยถามระหว่างนั่งรออาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ “แม่ของเดือน ก็แม่เดือนสั้นๆ ไงวะ” ผมอธิบาย “นี่ถ้าไม่รู้ว่าพี่มึงชื่อเดือน กูคงคิดว่าแม่เดือนเป็นชื่อแม่มึง” ไอ้เก้าบอก “อืม ก็จริง มันชวนให้คิดว่าเจ้าของร้านชื่อเดือน” ผมเห็นด้วย ไม่คิดจะโต้แย้งอะไร และก็บ่นอะไรไม่ได้ด้วยเพราะแม่เป็นคนตั้งชื่อเอง “ไม่ใช่ว่าแม่ตั้งใจจะยกร้านนี้ให้พี่เดือนเหรอ” เอิร์ธคาดเดาเล่นๆ ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก “ไม่รู้สิ คงใช่มั้ง” “แล้วมีร้านพ่อตะวันไหมวะ” แต้มถามแทรก ผมกำลังดื่มน้ำแทบสำลัก ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็นึกออก “จะว่าไปก็มี” “เฮ้ย จริงดิ” พวกมันสามตัวทำตาโต เพราะผมไม่ใช่คนที่ชอบโอ้อวดเรื่องครอบครัวขนาดนั้น “ร้านอะไรวะ” เก้าถามอย่างอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่ทุกคนก็รอฟังเหมือนกัน “อืม เป็นโรงงานทำเสื้อยืด” “โห งี้มึงก็เป็นลูกเจ้าของโรงงานดิวะ” แต้มมองผมด้วยสายตายกยอแกมล้อเลียน “เออ โรงงานเล็กๆ ไม่ใช่โรงงานใหญ่ ลูกจ้างที่นั่นมีไม่ถึงร้อยด้วยมั้ง พ่อกูเอาไว้ทำเสื้อแจกพนักงานกับลูกค้า ไม่ได้ผลิตขายตลาดแบบเสื้อผ้าแฟชั่น” “อ่อ” พวกมันแต่ละคนพยักหน้าแบบส่งๆ ไม่มีใครสนใจเรื่องโรงงานทำเสื้อพ่อผมจริงๆ จังๆ หรอก ระหว่างนั้นอาหารที่สั่งเอาไว้ก็ถูกยกมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ ทำให้การสนทนาเรื่องร้านพ่อตะวันปิดฉากลงแค่นั้น เพราะตอนนี้ทุกคนสนใจแค่อาหารบนโต๊ะ ผมก็ไม่ได้คิดจะยื้อเวลาออกไปอีก ลงมือกินข้าวมื้อแรกของวันอย่างเอร็ดอร่อย จนไอ้เอิร์ธแซวว่าผมไม่เหมือนคนอกหัก เหมือนคนตายอดตายอยากมากกว่า “งั้นพวกกูกลับก่อนนะ” หลังกินอิ่มผมก็ออกมาส่งเพื่อนที่หน้าร้าน ค่าอาหารพวกมันสามตัวเป็นคนออกเงินเลี้ยงผม ตอนแรกผมตั้งใจจะเลี้ยงพวกมันอยู่แล้ว แต่โดนพวกมันปฏิเสธ และบอกผมว่าตั้งใจจะมาเลี้ยงข้าวปลอบใจผมอยู่แล้ว เล่นเอากูซาบซึ้งจนน้ำตาไหลเลยว่ะ มีเพื่อนดีๆ นี่มันดีจริงๆ “กลับดีๆ พวกมึงสองตัวก็อย่ามัวแต่เล่นเกมในรถจนลืมบอกทางแท็กซี่ล่ะ” ผมแซวไอ้เก้ากับไอ้แต้ม “เออๆ ไปละ” ไอ้แต้มยกมือขึ้นปัดอย่างรำคาญ ส่วนไอ้เก้าแค่ยักคิ้วให้ผมเฉยๆ ไม่ได้พูดอะไร เดินตามไอ้แต้มขึ้นแท็กซี่ที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว “งั้นกูไปนะ” ส่วนไอ้เอิร์ธ มันบอกว่าจะไปหาแม่ที่ทำงาน ซึ่งอยู่คนละทางกับพวกไอ้แต้มก็เลยต้องนั่งรถคนละคันกัน “เดินทางดีๆ” “มึงก็ทำใจให้สบาย อย่าคิดมากล่ะ สายเปย์อย่างมึงหาใหม่ได้ไม่ยากเชื่อกู” “เดี๋ยวๆ พูดงี้เหมือนกูเอาเงินล่อผู้หญิงยังไงไม่รู้ว่ะ” “ฮ่าๆ แล้วแต่มึงจะคิดเลย” “ไอ้เวรนี่” ผมมองไอ้เอิร์ธขึ้นรถแท็กซี่ไปอย่างขัดอกขัดใจ แต่ก็ทำได้แค่ฟึดฟัดอยู่คนเดียว มองส่งรถแท็กซี่คันนั้นจนลับสายตาก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าร้าน ถึงปากจะบอกว่าไม่เศร้าแต่เอาเข้าจริงก็มีบางมุมที่ผมเผลอเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูรูปเก่าๆ ที่เคยถ่ายกับบีบี นึกถึงคำพูดหวานๆ ที่เคยป้อนให้กันฟัง คิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่เคยมีร่วมกัน… ตอนนี้ผมก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ไม่คิดว่าบีบีจะหลอกลวงผม ตอนกินข้าว ไอ้แต้ม ไอ้เก้า และไอ้เอิร์ธเล่าเรื่องที่เคยเห็นบีบีอยู่กับคนอื่นให้ผมฟังแบบไม่เกรงใจและไม่กลัวว่าผมจะเสียใจ เหมือนพวกมันแค่อยากให้ผมตัดใจและทำใจได้ไวๆ อารมณ์แบบอย่าไปเสียดายหรือให้ค่ากับผู้หญิงคนนั้นมาก บางทีผมก็สงสัยว่าทำไมพวกมึงไม่รีบบอกกูให้ไวกว่านี้ จะรอให้เรื่องมันแดงก่อนแล้วค่อยมาบอกทำไม แต่ก็อย่างที่เคยพูด… ถ้าเรื่องไม่แดงแล้วมีคนมานินทาบีบีให้ผมฟัง ผมอาจจะโกรธและไม่เชื่อคำพูดพวกมันก็ได้ เฮ้อ… ผมนี่แม่งตัวโง่งมดีๆ นี่เอง ฟังจากที่สามคนนั้นเล่า เหมือนบีบีจะไม่ได้มีแค่น้องไอ้ไนท์คนเดียว ระหว่างที่คบกับผมเธอก็ไปกับคนอื่นด้วย มีผู้ชายที่พักอยู่หอเดียวกับผมด้วย ไอ้เอิร์ธมันบอกว่าเห็นบีบีจับมือกับหมอนั่นตอนเข้าลิฟต์ แล้วที่พีคกว่าคือผมก็อยู่ในนั้นด้วย ไอ้เหี้ยเอิร์ธเอ๊ย… แทนที่จะสะกิดให้ผมรู้ตัว กลับปิดปากเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเหตุการณ์ของไอ้เก้ากับไอ้แต้มก็บังเอิญเจอบีบีอยู่กับผู้ชายที่ร้านสะดวกซื้อหน้ามหาวิทยาลัยบ้าง ในร้านกาแฟบ้าง ซึ่งผมโคตรจะสงสัยเลยว่าทำไมพวกมันสามคนนี้เห็นแต่ผมไม่เคยเห็นเลย ยกเว้นตอนอยู่ที่ร้านแว่น อันนั้นผมเห็นแต่เพราะไว้ใจก็เลยไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เฮ้อ ผมนี่แม่งไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าตัวเองเลยว่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD