อาการหนัก

1980 Words
ตะวัน | “เอาไป ของมึง” “อะไรวะ มึงไปซื้อยาไม่ใช่เหรอ ไหงได้น้ำกลับมาวะ” ผมมองแก้วน้ำสีชาที่ไอ้เอิร์ธยื่นให้ด้วยสายตาสงสัย แค่ดูลายบนแก้วก็รู้แล้วว่าซื้อมาจากร้านไหน แล้วร้านนี้ใช่ว่าจะเดินถึงในเวลาสั้นๆ หรือว่าไอ้เอิร์ธมันอยากกินจัดก็เลยนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปซื้อ แต่ต่อให้มันอยากกินแค่ไหนก็ไม่น่าจะซื้อมาฝากผมนะ มันผิดวิสัย “ชาน้ำผึ้งมะนาว” เอิร์ธพูด “หือ... ขอบใจ” ผมรับแก้วมาอย่างแปลกใจกับชื่อน้ำในแก้วนิดหน่อย ตอนที่คิดว่าคงไม่มีอะไรเอิร์ธมันก็พูดต่อว่า “พี่ไนท์ฝากมาให้น่ะ” “พรวด!” ผมเพิ่งจะดูดเข้าไปยังไม่ทันกลืนน้ำก็พุ่งออกจากปากทันที “ไอ้เชี่ยตะวัน ทุเรศ!” ผมเอามือเช็ดปากที่เลอะ มองท่าทางรังเกียจของไอ้เอิร์ธแล้วถามมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มึงว่าใครฝากมานะ” “พี่ไนท์ ฝากบอกมึงด้วยว่าขอโทษ” “ขอโทษ?” ผมเลิกคิ้ว “อืม แล้วมึงกับพี่ไนท์มีเรื่องอะไรกัน ทำไมเขาต้องขอโทษมึงด้วย” “กูจะไปรู้เหรอ มึงไม่ถามมันล่ะว่าทำอะไรเอาไว้ถึงต้องมาขอโทษกู” ผมถามกลับหรือจะบอกว่ายอกย้อนก็ได้ เอิร์ธมันขมวดคิ้วหน้ายู่ขึ้นมาทันที “กูถามแล้วแต่พี่ไนท์ไม่ตอบ ถึงต้องมาถามมึงนี่ไง” “ผมมองแก้วน้ำในมือ ความคิดคล้ายจมดิ่งไปชั่วขณะ นี่กูจะมาคิดมากเรื่องมันอีกทำไมวะเนี่ย ผมส่ายหน้าไหวอย่างรำคาญตัวเอง “หิวน้ำว่ะ” ไอ้แต้มโผล่มาจากไหนไม่รู้คว้าแก้วน้ำในมือผมไปดูดตู้บทีเดียวครึ่งแก้ว ผมอ้าปากค้าง “ไอ้เชี่ยแต้ม! ไอ้สัสน้ำกู” “อะไรวะ แค่นี้หวงเหรอ” “...!!!” “เออๆ เดี๋ยวกูซื้อคืนให้” “ไม่ต้องสัส” ผมดึงแก้วคืนจากมือไอ้แต้ม ถลึงตาใส่มันอย่างโกรธๆ แล้วหุนหันเดินออกมาท่ามกลางสายตาอึ้งๆ ของทุกคน “มึงจะไปไหน ห้องเรียนไม่ใช่ทางนั้น” ไอ้เอิร์ธตะโกนถาม “กูจะเอาแก้วไปเก็บ” “เก็บไหนวะ” “รถ!” “….” กลางดึกคืนนั้น หลังกลับจากดูแลร้านอาหาร ผมเหลือบมองแก้วชาน้ำผึ้งมะนาวที่วางทิ้งไว้ในรถตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วหยิบติดมือขึ้นห้องมาด้วย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าไม่อยากทิ้ง ถึงขนาด ล้างเก็บเป็นอย่างดี ไม่ใช้ด้วย ว่างๆ นอนอยู่ห้องก็จะเอามานั่งจ้องเล่นเหมือนโรคจิต แล้วก็จะมีคำถามเดิมซ้ำๆ ผุดเข้ามาในหัว “ไหนบอกไม่จริงจัง แล้วนี่อะไร ทำไมต้องขอโทษ แล้วทำไมต้องชาน้ำผึ้งมะนาวด้วย แม่ง ปั่นหัวกันชัดๆ” ผมพร่ำบ่นอยู่คนเดียวในห้อง ก่อนนอนเป็นต้องหยิบแก้วใบนี้มามองพิจารณาทุกคืน เหมือนกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว นึกถึงคืนที่เกิดเรื่อง หลังเอาโทรศัพท์ไปคืนแพรเสร็จผมส่งข้อความถึงบีบีว่าถ้าจะให้ไปรับก็ทักมา แต่อีกฝ่ายไม่อ่าน ไม่ตอบแชตผม ผมขี้คร้านจะรอเลยตัดสินใจว่าจะกลับมานอนเพราะเหนื่อยสะสมมาทั้งวันแล้ว ทว่าดันนึกถึงไอ้ไนท์ขึ้นมาและก็ยังมีห่วงทางด้านบีบีอยู่ด้วยนิดหน่อย ก็เลยกะว่าจะไปนั่งดื่มที่ร้านมันพลางๆ ระหว่างรอบีบีติดต่อมาซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าบีบีจะเรียกให้ผมไปรับหรือเปล่า คล้ายว่าผมแค่หาเหตุผลให้ตัวเองเพื่อที่จะมาร้านไอ้ไนท์ยังไงยังงั้น พอผมรู้จากพนักงานว่าไอ้ไนท์มันอยู่ที่ร้าน ผมก็เดินดุ่ม ๆ เข้าไปข้างในอย่างคุ้นเคย แล้วดันได้ยินมันคุยกับไอ้ตี๋ปายพอดี “พี่สนใจมัน ผมเคยคบพี่ผมดูออก” “พี่สนใจตะวันแล้วยังไง ไม่ได้คิดจะจริงจังกับมันสักหน่อย” ไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านั้นมันสองคนคุยอะไรกัน ผมได้ยินแค่นี้ แต่เป็นสองประโยคที่ผมจำได้ขึ้นใจทั้งที่ไม่อยากจำเลยสักนิด เรื่องระหว่างผมกับมันไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ยังไงผมก็ไม่คิดจะคบกับเพศเดียวกัน... และไม่คิดจะจริงจังกับไอ้ไนท์อยู่แล้ว แต่พอมันเป็นฝ่ายพูดเองผมกลับรู้สึกเจ็บ มันพูดเหมือนแค่เล่นสนุกกับผมทั้ง ๆ ที่บนเตียงผมต่างหากที่เป็นฝ่ายเล่นกับร่างกายมัน อึก... เชี่ยเอ๊ย นึกถึงเรื่องบนเตียงกับไอ้ไนท์ทีไร น้องชายผมเป็นต้องตื่นตัวทุกที ให้มันได้อย่างนี้สิ เมื่อยมืออีกแล้วกู ผมกำลังจะลุกไปห้องน้ำ เสียงเตือนในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น รุ่นพี่ส่งข้อความมาชวนไปดื่ม ตอนแรกจะปล่อยผ่านละแต่แล้วก็เปลี่ยนใจกะทันหัน พิมพ์ตอบกลับ ตะวัน : ร้านไหนพี่ พี่พิมพ์ : ร้านเฮียไนท์ มาเลยๆ ตะวัน : ครับ เดี๋ยวผมไป ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผมอยู่ที่ร้านไอ้ไนท์ วันนี้ลูกค้าร้านมันก็ยังแน่นเหมือนเดิม ผมเดินเข้ามาข้างในหัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ หรือเป็นเพราะไม่ได้มาหลายวันก็เลยตื่นเต้น พี่พิมพ์ : อยู่ในผับชั้นสอง เดินขึ้นมาเลย โต๊ะติดระเบียง ผมอ่านข้อความในแชตที่รุ่นพี่ส่งมาเมื่อห้านาทีที่แล้ว แปลกแฮะ ปกติจะนั่งกินลมชมวิวที่ลานนั่งชิลล์กันหรือว่าวันนี้มีอะไรพิเศษอย่างวันเกิดใครสักคนก็เลยเข้าไปฉลองด้านไหน ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง เดินตรงไปที่ผับอย่างไม่ใส่ใจ แอบชำเลืองมองไปทางออฟฟิศแวบๆ ความรู้สึกเสียดายวาบผ่านนัยน์ตา มาถึงถิ่นมันทั้งทีก็อยากจะเห็นหน้าสักหน่อย ช่างเถอะ ผมยื่นบัตรประชาชนให้การ์ดหน้าประตูตรวจตามระเบียบก่อนผ่านเข้ามาข้างใน เสียงเพลงแนว EDM ปะทะแก้วหูทันทีที่ผ่านประตูบานหนาเข้ามา กระตุ้นให้อยากโยกตัวตาม แสงไฟวิบวับช่วยสร้างบรรยากาศให้ความรู้สึกเหมือนหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยความสนุกครื้นเครง ผมเดินผ่านฝูงชนที่ยืนเบียดกันมาที่บันไดตรงขึ้นชั้นสอง สายตามองกวาดไปแถวโต๊ะติดระเบียง “....” นั่น... หัวใจที่กำลังลิงโลดไปกับเสียงเพลงและบรรยากาศคึกคักรอบตัวสะดุดกึกเมื่อผมเหลือบไปเห็นบีบีกำลังนั่งอิงแอบซบไหล่กับผู้ชายใบหน้าลูกครึ่งที่ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา หลายครั้งแล้วที่ผมเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน แต่ไม่มีครั้งไหนชัดเจนเท่าครั้งนี้ ถ้าผมยังมองว่าไม่มีอะไรบนหัวก็คงมีเขางอกขึ้นมาแล้วล่ะ ผมลืมรุ่นพี่ไปชั่วขณะ เดินตรงไปที่โต๊ะบีบีอย่างเด็ดเดี่ยว “บี” “วัน...” บีบีมองผมแววตาตกใจ ปล่อยมือที่คล้องแขนคนข้างๆ ออกทันที “ใครเหรอ” ผู้ชายข้างบีบีมองผมด้วยสายตาสงสัย ในแววตาคมๆ ของมันฉายรอยคุ้นหน้าผมอยู่เล็กน้อย “เอ่อ... ไม่มีอะไรค่ะพี่ไลท์ บีขอไปคุยกับเพื่อนแป๊บนะคะ” บีบีเอ่ยกับคนข้างๆ แต่เสียงรบกวนในผับค่อนข้างดัง ผมอาจจะฟังคำพูดของบีบีไม่ถนัดแต่ก็พอจับใจความได้โดยเฉพาะคำว่า ‘เพื่อน’ ที่บีบีใช้บอกสถานะผม “เพื่อน!?” ผมตะคอกค่อนข้างดังแข่งกับเสียง EDM “วัน ไปคุยกันข้างนอก” บีบีรีบลุกขึ้นมาดึงแขนผมออกไป ผมสลัดหลุดทันที แต่ไม่รู้ว่าออกแรงเยอะไปหรือว่าบีบีทรงตัวไม่ดีเอง เซใส่โต๊ะกวาดเอาแก้วกับเครื่องดื่มล้มคว่ำไปด้วย ทำเอาโต๊ะข้างๆ ที่เดิมทีก็มองอยู่แล้วกลับยิ่งมองแรงมากขึ้น เหมือนผมใช้กำลังกับผู้หญิง ผมมองบีบีที่ถูกเหล้าราดเต็มแขน เนื้อตัวด้านบนเคล้ากับน้ำแข็งแล้วตกใจ ไม่คิดว่าแค่สลัดเบาๆ จะทำให้อีกฝ่ายมีสภาพเละเทะแบบนี้ “เฮ้ย ทำอะไรวะ” คนที่นั่งข้างบีบีซึ่งก็คือน้องไอ้ไนท์ลุกพรวดขึ้นมาประจันหน้าผมอย่างไว มันจ้องผมด้วยแววตาดุดัน “คุยกันดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องใช้กำลัง” “หา!” กูใช้กำลัง? ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะโว้ย กูแค่สลัดเบาๆ เมื่อกี้มึงไม่เห็นเหรอว่าบีบี... แม่งเอ๊ย ไม่อยากพูดแบบนี้เลยว่ะว่าบีบีล้มลงไปเอง ผมมองตอบสายตาไอ้เวรไลท์อย่างไม่รู้จะพูดกับแม่งยังไงดี แต่ช่างหัวแม่งเหอะ มันจะมองผมยังไงผมไม่สน สิ่งเดียวที่ผมสนตอนนี้คือมันกับบีบีเป็นอะไรกัน “ได้... มึงอยากคุยดีๆ งั้นก็ตอบกูมามึงเป็นอะไรกับบีบี” ไอ้เวรไลท์ชะงัก มองไปที่สีหน้าหวาดหวั่นของบีบีที่แสดงออกชัดเจนว่ากำลังกลัวผมและพร้อมที่จะโผเข้าสู่อ้อมกอดของไอ้ไลท์ทุกเมื่อเพื่อความปลอดภัย “แล้วมึงเกี่ยวอะไรด้วย” ไอ้เวรไลท์ย้อนถาม ใบหน้ากับท่าทางดูเก๊กยิ่งกว่าไอ้ไนท์อีก “เกี่ยว... เพราะบีบีน่ะแฟนกู” ผมประกาศกร้าวแต่กลับไม่ได้รู้สึกภูมิใจอะไรเลย “แฟน?” ไอ้ไลท์เลิกคิ้ว หันไปมองบีบีเป็นเชิงถาม แต่บีบีกลับส่ายหน้าน้ำตาคลอ “....” ผมหน้าชาวาบ จุกอกพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะถูกเทดื้อๆ แบบนี้ “บีเหมือนจะไม่ได้คิดแบบนั้นนะ” ไอ้เวรไลท์ยิ้มเยาะ สีหน้าและแววตามันกวนส้นตีนสัสๆ ผมข่มอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านเอาไว้ “บี พูดอะไรบ้าง อย่าเงียบ” ผมหันไปจ้องบีบี คำพูดไอ้เวรไลท์มันไม่ได้มีความหมายสำหรับผมเลย “วันกลับไปก่อน” บีบีมองผมอย่างขับไล่ไสส่ง “บีก็ต้องกลับไปคุยกันให้รู้เรื่อง” ผมยื่นมือออกไปดึงแขนบีบีแต่อีกฝ่ายเบี่ยงหลบ แล้วไอ้ไลท์ก็เข้ามาขวางมันปัดมือผมออก ออกโรงปกป้องบีบีเต็มที่ “คิดจะทำอะไร หยุดได้แล้ว” “มึงหลบ! กูจะคุยกับบีให้รู้เรื่อง” “บีไม่มีอะไรจะคุยกับวันแล้ว” บีบีตะโกนสวนกลับมาท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของโต๊ะข้างๆ “ได้ยินแล้วก็ไปซะ อย่ามายุ่งกับบีอีก” ไลท์ย้ำ “บี สรุปจะเอาไง” ผมจ้องบีบีตาไม่กะพริบ ไม่สนว่าไอ้ไลท์มันจะพูดอะไร “....” บีบีไม่ตอบ “เฮ้ย! บอกว่าพอได้แล้ว ผู้หญิงเขาไม่คุยโว้ย” “บี!” พลั่ก! ผมจะถลันเข้าไปหาบีบีแต่ถูกไอ้ไลท์ผลักไหล่จนกระเด็นเสียหลักไปชนขอบโต๊ะข้างๆ ข้าวของบนโต๊ะสะเทือนครืนพร้อมกับเสียงกรีดร้องตกใจดังลั่น ไอ้สัส! ไม่ใช่ผมสำออย ผลักนิดผลักหน่อยแล้วลื่นนะโว้ยแต่เมื่อกี้แม่งผลักเต็มแรงเลยนี่หว่า ไหล่ผมยังรู้สึกชาไม่หายเลยเนี่ย ถูกเปิดมาแบบนี้แล้วจะให้กูอยู่เฉยๆ ได้ไงวะ ไม่สนใจผู้หญิงแล้ว ซัดแม่ง! “มึงจะเอาเหรอวะ” ผมพุ่งผลักอกไอ้เวรไลท์เต็มแรง มันไม่ทันได้ป้องกันตัวถลาถอยไปชนกับโต๊ะด้านหลังดังโครม “เวรเอ๊ย! อยากมีเรื่องใช่ไหม” ไอ้ไลท์รุดหน้าเข้ามา ผมที่รออยู่ก่อนแล้วเหวี่ยงหมัดสวนทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD