Heartless พ่ายรักมาเฟีย
ผู้ชายในคืนนั้น...
หลายวันต่อมา...
“ พวกแกได้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนป่ะ ? ” ฮันน่าหันมาถามฉันหลังจากที่ฉันขึ้นมานั่งบนที่ขึ้นมานั่งรถส่วนตัวของที่บ้านฮันน่า
“ ไม่อะ เราต้องถ่ายงานชุดนักศึกษากันไม่ใช่หรอไง...” เอวาพูดขึ้นก่อนจะมองหน้าฮันน่าด้วยความสงสัย ไม่ได้ต่างอะไรกับพวกฉันที่ทำหน้าหมางงกัน
“ ก็ใช่ แต่เผื่องานเราเสร็จไวไงจะได้นั่งดื่มกันต่อที่ห้องพี่เฮลไง เพนท์เฮ้าส์พี่เฮลมีสระน้ำส่วนตัวอะ อยากนั่งดื่มกับพวกแกด้วย บรรยากาศคือดีเวอร์....”
“ จะให้พวกฉันนั่งดื่ม ถามพี่แกก่อนมั้ย ? แล้วอีกอย่างเราจะถ่ายงานเสร็จเร็วขนาดนั้นเลยหรอไง นี่ก็จะบ่ายโมงละ...”
“ โอ๊ยย ยังไงวันนี้ก็ถ่ายไม่เสร็จหรอก พวกเราได้ไปห้องพี่ชายฉันเรื่อยๆ แน่นอน...” ฮันน่าหันมาตอบเมอา
น่าจะเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่วันนี้พวกฉันจะได้เห็นพี่ชายคนโตของฮันน่าที่ฮันน่าชอบพูดถึงอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา พวกฉันรู้แค่ว่า พี่เฮล ต้องไปเรียนและโตอยู่ที่อิตาลีตั้งแต่ยังเด็กๆ พึ่งจะกลับมาอยู่ที่ไทยได้ไม่กี่ปีหลังจากคุณปู่ของฮันน่าเสีย
พวกฉันน่ะรับรู้เรื่องราวของพี่เขาจากปากฮันน่ามาตลอดจนเหมือนว่าพวกฉันอยู่ในทุกๆ การเติบโตของพี่เขา ถึงไม่ได้รู้จักก็เหมือนรู้จักพี่เขาไปซะหมดแล้ว เพราะฮันน่าชอบมาเล่าเรื่องราวของพี่ชายตัวเองให้ฟังอยู่บ่อยครั้งจะเหลือก็แต่เห็นหน้าพี่เขาเป็นๆนี่แหละมั้ง เพราะรูปที่ฮันน่าเอามาโชว์ก็เป็นรูปสมัยเด็กๆ ทั้งนั้น
พวกฉันนั่งคุยกันมาตลอดทาง ส่วนใหญ่ก็จะหาเรื่องเม้านู้นนี่นั้นไปเรื่อย บางทีก็วกกลับมาเรื่องฉัน แล้วก็วกไปเรื่องเอวาที่เหมือนว่าช่วงนี้จะมีหนุ่มมาตามจีบ พวกเรานั่งคุยกันเพลินจนลืมมองทางรู้ตัวกันอีกทีก็ตอนที่ลุงคนขับรถขับมาจอดที่หน้าเพนท์เฮ้าส์พี่ชายฮันน่าแล้ว
แต่เดี๋ยวนะที่นี่มัน...
ฉันกวาดสายตามองไปยังเพนท์เฮ้าส์ตรงหน้าด้วยแววตาตกตะลึง หัวใจมันเริ่มเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เรี่ยวแรงที่มีก่อนหน้าค่อยๆหายไปทีละนิดมันเหมือนกับว่าฉันไม่มีแรงที่จะก้าวขาลงจากรถด้วยซ้ำ
ฉันยังคงมองไปที่เพนท์เฮ้าส์ตรงหน้าโดยที่ไม่สามารถละสายตาไปไหน ภายในใจก็ภาวนาขอให้เป็นแค่การมาผิดที่แต่มันกับไม่ใช่
เพนท์เฮ้าส์ที่ฮันน่าพาฉันมา มันคือที่เดียวกันกับที่ฉันนอนกับผู้ชายแปลกหน้าในวันนั้น มันคือสถานที่เดียวกันแบบไม่ผิดเพี้ยน...ฉันกุมมือตัวเองเข้าหากันก่อนจะรีบละสายตาจากเพนท์เฮ้าส์ตรงหน้าพลางคิดไปว่ามันคงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก
ฉันกับผู้ชายคนนั้นคงไม่ได้บังเอิญเจอกันอีกง่ายๆ
“ ไปพวกแก ลงได้...” ฮันน่าหันมาพูดกับพวกฉันก่อนจะนำพวกฉันลงจากรถ
ให้ตายเถอะ ! พระเจ้าเกลียดอะไรฉันหรือเปล่าถึงให้ฉันกลับมายังสถานที่นี้อีกครั้ง
ทุกก้าวของฉันที่เดินเข้ามายังด้านในมันยิ่งตอกย้ำว่าสถานที่นี้มันคือสถานที่เดียวกันกับคืนในวันนั้นจริงๆ
“ โลกคงไม่ใจร้ายกับฉันแบบนั้น...”
“ เราคงไม่บังเอิญเจอกันง่ายแบบนั้นแน่...” ฉันพึมพำกับตัวเองคล้ายคนละเมอ บอกตามตรงฉันกังวลไม่น้อยเลย มันเป็นความรู้สึกที่ภายในใจมันหวิวๆแปลกๆ มือไม้มันเย็นไปหมด...
ฉันกังวลแม้กระทั่งผู้ชายที่ยืนรอลิฟท์อยู่กับพวกฉันจะใช่เขาคนนั้นหรือเปล่าเพราะฉันจำหน้าเขาไม่ได้จำได้แค่ลักษณะของแผ่นหลังแค่นั้น แล้วก็จำรอยสักรูปอะไรสักอย่างที่เอวด้านขวาของเขา...
“ แกบ่นอะไรอ่ะริชา เป็นอะไรเปล่า...”
“ ปะ เปล่าวา...ฉันแค่บ่นอะไรไปเรื่อย...” ฉันตอบปัดเอวาไปก่อนจะเลิกกังวลถึงผู้ชายในคืนนั้น พยายามช่างมันเพราะฉันเองก็จำเขาไม่ได้ เขาเองก็คงจำฉันไม่ได้เช่นกัน...
ฮันน่าพาฉันมายังชั้นบนสุดของเพนท์เฮ้าส์ก่อนจะเดินนำพวกฉันไปตามทาง...ยิ่งฉันเดินไปตามทางมากเท่าไหร่...ภาพในวันนั้นก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวฉัน ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศรอบๆทางเดิน หรือแม้แต่สิ่งของตกแต่งมันใช่สถานที่เดียวกันทั้งหมด...
หรือมันอาจจะเป็นเหมือนกันทุกๆ ชั้นก็ได้ ฉันอาจจะคิดมากเกินไป...
“ ถึงละ...ไม่รู้พี่เฮลตื่นยัง...” ฉันมองประตูบานใหญ่ตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นรัวไม่หยุด มันเต้นรัวซะจนเหมือนคนกำลังตีกลองอยู่เลยจริงๆ ฉันรู้สึกเหมือนแข้งขาตัวเองเริ่มไม่มีแรงยังไงยังงั้น
ฉันพยายามมองโลกในแง่ดีแต่นาทีนี้มันมองไม่ออกแล้ว...เพราะไม่ว่าจะเป็นมุมห้องหรือแม้แต่สีบานประตูมันเหมือนกับห้องในวันนั้นทั้งหมดเลย...
ฮันน่ากดกริ่งหน้าห้องเพื่อเรียกคนด้านในให้เปิดประตูออก...จังหวะที่ฮันน่ากดกริ่งฉันแทบอยากจะวิ่งหนีออกไปซะเดี๋ยวนั้นเลย...ฉันไม่อยากอยู่ไม่อยากอยู่ตรงนี้เลย...
หัวใจฉันมันก็ยังคงเต้นโครมครามไม่หยุด...มือไม้มันเย็นเฉียบพร้อมกับกำเข้าหากันแน่น
“ ริชาแกเป็นไรอะ ทำไมดูหน้าซีดจัง...”
“ ไม่สบายหรอ..” ทั้งเอวากับเมอาต่างหันมาถามฉัน ฉันควรตอบเพื่อนไปว่ายังไงดีละ...
“ โอเคแก ฉันโอเคมาก...”
แอดดด...
เสียงบานประตูสีเข้มถูกเปิดออกอย่างช้าๆ พร้อมกับร่างสูงที่ยืนพิงบานประตูห้อง...ราวกับทุกอย่างรอบตัวฉันหยุดหมุนอีกครั้งสายตาฉันยังคงจับจ้องไปที่ร่างสูงตรงหน้า...เหมือนกับว่าฉันกำลังโดนมนต์สะกดเอาไว้ไม่ให้ละสายตาไปจากพี่เขาได้...
ถ้าให้พูดแบบไม่อาย พี่เฮล หล่อเหมือนรูปปั้นอย่างไงอย่างงั้น รูปหน้าพี่เขามันสมบูรณ์แบบมากซะจนฉันบรรยายออกมาไม่ได้ แล้วไหนจะรูปร่างสูงใหญ่ของพี่เขาที่มันส่งให้พี่เขาดูสง่ากว่าเดิม...
“ เปิดช้าจังละพี่เฮล...” เสียงฮันน่าทำให้ฉันได้สติ ฉันรีบละสายตาไปจากพี่เฮลทันที หัวใจของฉันก็ยังคงเต้นรัวไม่หยุด...
บ้าจริง...
“ เปิดให้เข้าก็ดีละ...” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นนิ่งๆ ฉันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่เขาอีกเลยได้แต่แสร้งมองไปทางอื่นแทน...
“ ถ้าไม่เปิดน่าก็จะกดกริ่งอยู่แบบนี้แหละ...แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อให้มันเรียบร้อยเนี้ย...”
“ ถ้าจะพูดมากก็กลับไป...”
“ ไม่กลับค่ะ...” ฮันน่าพูดแค่นั้นก่อนจะเดินแทรกตัวเข้าไปยังด้านในห้อง ตามด้วยเมอากับเอวาที่เดินตามไปอย่างกล้าๆกลัวๆ...
คงจะมีแต่ฉันที่มันก้าวขาไม่ออกเพราะยิ่งฉันมองเข้าไปในห้องคำตอบที่ฉันกลัวมันยิ่งชัดเจน....
“ ไม่เข้าหรอ ?” เสียงของคนตัวสูงทำให้ฉันละสายตาจากภายในห้องแล้วเงยหน้าไปมองเขาแทน และนั่นก็ทำให้ฉันกับพี่เขาสบตากันอย่างจัง...
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก...
ยิ่งพอฉันสบตากับพี่เขาหัวใจฉันมันยิ่งเต้นแรงขึ้นไม่หยุด...
“เข้า... เข้าค่ะ...” ฉันพูดพร้อมกับหลบสายตาพี่เขาแล้วรีบเดินแทรกตัวเข้ามาภายในห้องทันที ยิ่งเดินเข้ามาภายในห้องฉันยิ่งได้คำตอบชัดเจนแบบที่ปฎิเสธอะไรไม่ได้อีก
ห้องนี้มันคือห้องเดียวกันกับวันนั้น...
แล้วผู้ชายในวันนั้นคือพี่เฮลอย่างนั้นหรอ
“ อืม...กินไรมายัง ?..” ฉันมองตามร่างสูงที่เดินไปถามฮันน่าด้วยท่าทีนิ่งเงียบไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงหรือแม้แต่แววตาของพี่เขามันดูสุขุมแล้วก็น่าเกร็งขามไปพร้อมๆกัน....
“ กินกันมาบ้างแล้ว แต่ก็แอบหิวอยู่อะ...”
“ หิวก็โทรลงไปให้แม่ครัวทำอะไรขึ้นมาให้กินแล้วกัน...”
“ ได้ค่า ว่าแต่พวกน่าทำงานตรงนี้ได้ช่ะ ? ”
“ นั่งไปแล้วจะถามทำไม ? ”
“ ถามให้พี่เฮลอารมณ์เสียเล่นๆไง...”
“ เลอะเทอะไม่เลิก...” พี่เฮลพูดขึ้นนิ่งๆ ก่อนจะเดินไปหยิบบุหรี่ในซองขึ้นมาหนึ่งมวน และทันทีที่ฉันเห็นด้านหลังของพี่เขา...
รอยสักนั้นมัน...ไม่จริงใช่มั้ย ?!?
ฉันนิ่งอึ้งมองรอยสักที่เอวด้านขวาของพี่เขาตาค้าง ทุกอย่างมันบังเอิญเกินไปไหม...
ผู้ชายในคืนนั้น คือพี่เฮลจริงๆ...
“ นี่พี่เฮล! ช่วยไปใส่เสื้อนอนให้มันเรียบร้อยหน่อยได้ไหม...”
“ ทำไม ?”
“ ก็ไม่อายเพื่อนฮันน่าบ้างหรอไง น่ารู้ว่าพี่เฮลหุ่นดีแต่ก็ควรไปใส่เสื้อหน่อยมั้ยอะ...” ฮันน่าพูดพร้อมกับพยักพเยิดหน้ามาทางฉัน...ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูกและยิ่งไปกันใหญ่เมื่อพี่เฮลปรายสายตามองมาที่ฉันสายตาที่พี่เขาใช้มองฉันมันเป็นสายตาที่ฉันเองก็มองไม่ออกว่าพี่เขากำลังคิดอะไร...แต่มันเป็นสายตาที่ทำให้ฉันรอยผ่าวไปทั้งหน้า.
“ ไม่เป็นไรค่ะ เอาที่พี่เฮลสะดวกเลยดีกว่า...”
“ แกพวกฉันไม่เป็นไร...” ทั้งเมอากับเอวาต่างกระซิบข้างๆ หูฮันน่า ต่างจากฉันที่ยังคงนั่งตัวแข็งไม่ขยับไปไหน...
“ โอ๊ยย พวกแกอะ...” ฮันน่าเอ่ยออกมาอย่างขัดใจ พี่เฮลยิ้มขำนิดๆ ก่อนที่สายตาพี่เขาจะเลื่อนมามองฉันอีกครั้งก่อนที่พี่เขาจะหันหลังไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงห้องโถง
และจังหวะที่พี่เขาหันหลังพอฉันได้เห็นแผ่นหลังของพี่เขาชัดๆ...ภาพบางอย่างก็ซ้อนทับขึ้นมาในหัวของฉัน...
ภาพในคืนนั้นมัน...
“ ไม่ริชา ไม่...” ฉันบอกกับตัวเองก่อนจะสะบัดหน้าไปมาเพื่อให้ภาพในวันนั้นมันหายไปจากหัว
“ ไม่อะไรของแกอีกแล้วริชา...วันนี้แกเป็นไรอ่า...แปลกๆอะ”
“ แกพูดคนเดียวตั้งแต่มาถึงแล้วนะริชา...”
“ เอ่อ ฉะ ฉันมีเรื่องในหัวให้คิดนะ เราเริ่มทำงานกันดีกว่า...” ฉันพยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากเพื่อนก่อนจะรีบหยิบกล้องขึ้นมาวางแล้วก็เปิดโน๊ตบุ๊คเพื่อเตรียมทำงาน
“ งั้นเดี๋ยวฉันขอไปดูโลเคชั่นถ่ายงานก่อนนะ เดี๋ยวเดินกลับมา...”
“ ฉันไปด้วยๆ...”
“ ฉันด้วยแก ”
“ งั้นเดี๋ยวฉันไปด้วย...” ฉันรีบพูดขึ้นทันทีก่อนจะเตรียมลุกขึ้น แต่ทว่าฮันน่าก็พูดขึ้นมาก่อน
“ แกเตรียมเปิดข้อมูลเลย พวกฉันไปเลือกมุมถ่ายกันไม่นานหรอก พอได้มุมเราจะได้เดินไปถ่ายกันเลย...” ฮันน่าพูดขึ้นยิ้มๆ ก่อนจะรีบเดินไปฉันได้แต่มองตามเพื่อนเพื่อนไปด้วยแววตาละห้อย...ฉันไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้โดยมีพี่เฮลยืนอยู่...
แต่เหมือนพระเจ้าอาจจะได้ยินคำร้องขอภายในใจฉัน ถึงดลใจให้พี่เฮลเดินหายเข้าไปยังอีกห้องนึง
“ หายใจสะดวกขึ้นมาหน่อย...” ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องยิ่งมองก็ยิ่งใช่ ฉันอยากจะร้องไห้ออกมาเลยจริงๆ
เป็นพี่เฮลจริงๆ อย่างงั้นหรอ...แต่ดูจากท่าทางพี่เขาแล้วมันเหมือนว่าพี่เขาเองก็จำฉันไม่ได้...สายตาที่พี่เขาใช้มองฉัน มันเหมือนพี่เขาเองก็ไม่รู้จักฉันมาก่อน...
ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะพี่เขาจำฉันไม่ได้ ฉันเองก็จะทำเป็นลืมพี่เขาไป...
“ โอ๊ยยย...เลิกคิดสักทีเถอะ...” ฉันพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะหลับตาลงเอนหัวพิงพนักโซฟา ฉันไม่อยากคิด ไม่อยากนึกถึงคืนนั้นแล้ว...
“ เลิกคิดอะไร ?” แต่แล้วเสียงทุ่มต่ำก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน ฉันลืมตาขึ้นก่อนจะเบิกตากว้างมองพี่เขาด้วยความตกใจ เพราะตอนนี้พี่เฮลกำลังยืนมองฉันอยู่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
อีกแล้ว ใจฉันมันเต้นแรงอีกแล้ว
“ เอ่อเปล่าค่ะ...ระ ริชาบ่นไปเรื่อย...”
“ งั้นหรอ ?”
“ ใช่ค่ะ...”
“ ก็ดี...” พี่เฮลพูดแค่นั้นก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากตัวเองนิดๆ และนั่นก็ทำให้คิ้วฉันขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ...
ก็ดีของพี่เขาคืออะไร ? ฉันรู้สึกแปลกๆและไม่เป็นตัวเองเอามากๆเวลาโดนพี่เฮลจ้องมองแบบนี้
สายตาของพี่เขา ท่าทาง หรือแม้แต่รอยยิ้มของพี่เขามันทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ
แปลกมากๆ...
ฉันนั่งอยู่ในห้องด้วยความอึดอัด และย้ำว่าอึดอัดมาก…จนความอึดอัดหายไปก็ตอนที่เพื่อนๆ กลับเข้ามาด้านใน
หายใจสะดวกแล้วฉัน...
พอเพื่อนมาพวกฉันก็เริ่มทำงานกลุ่มทันทีทุกคนช่วยกันจัดมุมที่จะถ่ายสินค้าที่จะทำเป็นโปรดักส์ส่งอาจารย์ แล้วก็ลองถ่ายตามุมต่างๆไปเรื่อยๆ ต้องยอมรับว่ามุมทุกมุมภายในเพนท์เฮ้าส์ของพี่เฮลสามารถถ่ายงานได้ทั้งหมดเลย
แต่พอถ่ายงานกันไปได้สักพักโทรศัพท์ฉันก็ดันแบตหมดขึ้นมาตอนที่พี่รัณโทรเข้าหาฉัน
บ้าจริง ละเมื่อคืนฉันดันลืมชาร์จแบตอีก...
“ พี่เฮลยืมสายชาร์จหน่อยดิ แบตโทรศัพท์ริชามันหมดอะ...” ฮันน่าเดินนำฉันเข้ามายืมสายชาร์จแบตจากร่างสูงที่พึ่งเดินลงมาจากห้องด้านบน และรอบนี้พี่เขาอยู่ในชุดสูทสีเข้มยิ่งทำให้พี่เขาดูดีแล้วก็ดูน่าเกรงขามขึ้นไปอีก
“ ในห้องอะ ไปหยิบดิ...”
“ หยิบให้หน่อยไม่ได้หรอ ฮันน่ากำลังถ่ายงานกันอยู่...”
“ งั้นก็ให้เพื่อนเราขึ้นมาเอาเอง...” ฉันเลื่อนสายขึ้นไปมองพี่เฮลด้วยความงงงัน...และพี่เฮลเองก็กำลังมองมาที่ฉันด้วยสายตานิ่งๆ
ให้ตายสิ ทำไมพี่เขาต้องพูดอะไรที่มันกำกวมแบบนี้ด้วยอะ...
“ งั้นริชาแกขึ้นไปกับพี่เฮลได้มั้ย...”
“ เอ่อ ดะ ได้...งั้นพี่เฮลบอกห้องมาก็ได้ค่ะเดี๋ยวริชาไปหยิบเอง...เผื่อพี่ต้องรีบไปธุระ...” ฉันรีบหาข้ออ้างทันที เพราะดูจากการแต่งตัวของพี่เขาแล้วพี่เขาน่าจะรีบไปที่ไหนสักที
“ ห้องนอนชั้นสองเลี้ยวขวา...”
“ ค่ะ...” ฉันเดินมาตามทางที่พี่เขาบอก ภายในใจมันก็วูบไหวไม่หยุดเพราะตั้งแต่ฉันเดินขึ้นบันไดมาทุกอย่างบนนี้มันยิ่งตอกย้ำฉันเข้าไปอีก...
ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่ประตูห้องนอนพี่เขา ก่อนจะค่อยๆเปิดประตูห้องนอนเข้าไปด้วยใจที่เต้นรัวยิ่งกว่ากลองแต๊ก...และพอฉันเห็นภายในห้องนอนของพี่เฮล ภาพทุกอย่างในวันนั้นมันย้อนกลับเข้ามาในหัวฉันทันที
“ ใช่จริงด้วย...” ฉันพูดออกมาเบาๆ สมองโล่งไปหมด
ฉันพยายามหลอกตัวเองด้วยคำที่ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่พี่เขาหรอกตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาภายในเพนท์เฮ้าส์ แต่ตอนนี้นาทีนี้ฉันปฏิเสธไม่ได้อีกแล้ว...
แล้วพี่เขาจำฉันได้หรือเปล่า
เขาจะรู้ไหมว่าผู้หญิงในคืนนั้นมันคือฉัน...
ฉันคิดด้วยหัวใจที่เต้นรัว ท่าทางของพี่เฮลเขานิ่งมากนิ่งจนฉันเองก็เดาไม่ถูกว่าพี่เขาจำได้หรือไม่ได้
ฉันเลิกคิดก่อนจะรีบเดินไปหาสายชาร์จแบตโทรศัพท์แต่มันอยู่ตรงไหนฉันก็ไม่รู้...และยิ่งฉันเข้าไปใกล้เตียงพี่เขา ภาพในวันนั้นมันก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวฉัน
“ เลิกคิดริชา แกเลิกคิดเลยนะ...” ฉันบอกตัวเอง แต่มันก็หยุดคิดไม่ได้สักที
“ เจอไหม ?” แต่แล้วเสียงทุ้มต่ำด้านหลังก็ทำให้ฉันสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ ฉันหันไปมองพี่เฮลก่อนจะก้าวถอยหลังอย่างลืมตัว
“ มะ ไม่ค่ะ ไม่เจอ...”
“ ริชาไม่แน่ใจว่ามันอยู่ตรงไหน...” ฉันอยากจะตีปากตัวเองจริงๆ ไม่รู้จะพูดอึกอักทำไมนัก...พี่เฮลไม่ตอบอะไรฉัน สิ่งที่เขาทำคือเดินไปหยิบสายชาร์จออกมาจากลิ้นชักหัวเตียงนอนแล้วยื่นมาตรงหน้าฉัน
“ ขอบคุณค่ะ..” ฉันรับสายชาร์จมาก่อนจะขอบคุณพี่เขาแล้วจะเดินออกไปจากห้องนี้
“ เดี๋ยว...”
“ คะ...”
“ ไม่ได้ลืมอะไรอีกใช่ไหม ?”
“ คะ ?” ฉันขมวดคิ้วอย่างลืมตัวที่พี่เขาถามแบบนั้น มันหมายความว่าไง หรือพี่เขาจำฉันได้ O_O!
“ เธอลืมเอาหัวชาร์จไปด้วย ”
“ อะ อ๋อ...ขอบคุณค่ะ...” ฉันโล่งใจทันทีเมื่อได้ยินพี่เขาพูดออกมาแบบนั้น ฉันรีบรับหัวชาร์จจากมือพี่เขามาก่อนจะรีบเดินออกมาจากห้องนอนพี่เขา
แบบนี้ก็แปลว่าพี่เขาก็จำฉันไม่ได้ใช่ไหม...
โล่งอกไปที...