ตอนที่ 4 Heartless : ผู้ชายในคืนนั้น

2978 Words
Heartless พ่ายรักมาเฟีย ผู้ชายในคืนนั้น... หลายวันต่อมา... “ พวกแกได้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนป่ะ ? ” ฮันน่าหันมาถามฉันหลังจากที่ฉันขึ้นมานั่งบนที่ขึ้นมานั่งรถส่วนตัวของที่บ้านฮันน่า “ ไม่อะ เราต้องถ่ายงานชุดนักศึกษากันไม่ใช่หรอไง...” เอวาพูดขึ้นก่อนจะมองหน้าฮันน่าด้วยความสงสัย ไม่ได้ต่างอะไรกับพวกฉันที่ทำหน้าหมางงกัน “ ก็ใช่ แต่เผื่องานเราเสร็จไวไงจะได้นั่งดื่มกันต่อที่ห้องพี่เฮลไง เพนท์เฮ้าส์พี่เฮลมีสระน้ำส่วนตัวอะ อยากนั่งดื่มกับพวกแกด้วย บรรยากาศคือดีเวอร์....” “ จะให้พวกฉันนั่งดื่ม ถามพี่แกก่อนมั้ย ? แล้วอีกอย่างเราจะถ่ายงานเสร็จเร็วขนาดนั้นเลยหรอไง นี่ก็จะบ่ายโมงละ...” “ โอ๊ยย ยังไงวันนี้ก็ถ่ายไม่เสร็จหรอก พวกเราได้ไปห้องพี่ชายฉันเรื่อยๆ แน่นอน...” ฮันน่าหันมาตอบเมอา น่าจะเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่วันนี้พวกฉันจะได้เห็นพี่ชายคนโตของฮันน่าที่ฮันน่าชอบพูดถึงอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา พวกฉันรู้แค่ว่า พี่เฮล ต้องไปเรียนและโตอยู่ที่อิตาลีตั้งแต่ยังเด็กๆ พึ่งจะกลับมาอยู่ที่ไทยได้ไม่กี่ปีหลังจากคุณปู่ของฮันน่าเสีย พวกฉันน่ะรับรู้เรื่องราวของพี่เขาจากปากฮันน่ามาตลอดจนเหมือนว่าพวกฉันอยู่ในทุกๆ การเติบโตของพี่เขา ถึงไม่ได้รู้จักก็เหมือนรู้จักพี่เขาไปซะหมดแล้ว เพราะฮันน่าชอบมาเล่าเรื่องราวของพี่ชายตัวเองให้ฟังอยู่บ่อยครั้งจะเหลือก็แต่เห็นหน้าพี่เขาเป็นๆนี่แหละมั้ง เพราะรูปที่ฮันน่าเอามาโชว์ก็เป็นรูปสมัยเด็กๆ ทั้งนั้น พวกฉันนั่งคุยกันมาตลอดทาง ส่วนใหญ่ก็จะหาเรื่องเม้านู้นนี่นั้นไปเรื่อย บางทีก็วกกลับมาเรื่องฉัน แล้วก็วกไปเรื่องเอวาที่เหมือนว่าช่วงนี้จะมีหนุ่มมาตามจีบ พวกเรานั่งคุยกันเพลินจนลืมมองทางรู้ตัวกันอีกทีก็ตอนที่ลุงคนขับรถขับมาจอดที่หน้าเพนท์เฮ้าส์พี่ชายฮันน่าแล้ว แต่เดี๋ยวนะที่นี่มัน... ฉันกวาดสายตามองไปยังเพนท์เฮ้าส์ตรงหน้าด้วยแววตาตกตะลึง หัวใจมันเริ่มเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เรี่ยวแรงที่มีก่อนหน้าค่อยๆหายไปทีละนิดมันเหมือนกับว่าฉันไม่มีแรงที่จะก้าวขาลงจากรถด้วยซ้ำ ฉันยังคงมองไปที่เพนท์เฮ้าส์ตรงหน้าโดยที่ไม่สามารถละสายตาไปไหน ภายในใจก็ภาวนาขอให้เป็นแค่การมาผิดที่แต่มันกับไม่ใช่ เพนท์เฮ้าส์ที่ฮันน่าพาฉันมา มันคือที่เดียวกันกับที่ฉันนอนกับผู้ชายแปลกหน้าในวันนั้น มันคือสถานที่เดียวกันแบบไม่ผิดเพี้ยน...ฉันกุมมือตัวเองเข้าหากันก่อนจะรีบละสายตาจากเพนท์เฮ้าส์ตรงหน้าพลางคิดไปว่ามันคงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก ฉันกับผู้ชายคนนั้นคงไม่ได้บังเอิญเจอกันอีกง่ายๆ “ ไปพวกแก ลงได้...” ฮันน่าหันมาพูดกับพวกฉันก่อนจะนำพวกฉันลงจากรถ ให้ตายเถอะ ! พระเจ้าเกลียดอะไรฉันหรือเปล่าถึงให้ฉันกลับมายังสถานที่นี้อีกครั้ง ทุกก้าวของฉันที่เดินเข้ามายังด้านในมันยิ่งตอกย้ำว่าสถานที่นี้มันคือสถานที่เดียวกันกับคืนในวันนั้นจริงๆ “ โลกคงไม่ใจร้ายกับฉันแบบนั้น...” “ เราคงไม่บังเอิญเจอกันง่ายแบบนั้นแน่...” ฉันพึมพำกับตัวเองคล้ายคนละเมอ บอกตามตรงฉันกังวลไม่น้อยเลย มันเป็นความรู้สึกที่ภายในใจมันหวิวๆแปลกๆ มือไม้มันเย็นไปหมด... ฉันกังวลแม้กระทั่งผู้ชายที่ยืนรอลิฟท์อยู่กับพวกฉันจะใช่เขาคนนั้นหรือเปล่าเพราะฉันจำหน้าเขาไม่ได้จำได้แค่ลักษณะของแผ่นหลังแค่นั้น แล้วก็จำรอยสักรูปอะไรสักอย่างที่เอวด้านขวาของเขา... “ แกบ่นอะไรอ่ะริชา เป็นอะไรเปล่า...” “ ปะ เปล่าวา...ฉันแค่บ่นอะไรไปเรื่อย...” ฉันตอบปัดเอวาไปก่อนจะเลิกกังวลถึงผู้ชายในคืนนั้น พยายามช่างมันเพราะฉันเองก็จำเขาไม่ได้ เขาเองก็คงจำฉันไม่ได้เช่นกัน... ฮันน่าพาฉันมายังชั้นบนสุดของเพนท์เฮ้าส์ก่อนจะเดินนำพวกฉันไปตามทาง...ยิ่งฉันเดินไปตามทางมากเท่าไหร่...ภาพในวันนั้นก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวฉัน ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศรอบๆทางเดิน หรือแม้แต่สิ่งของตกแต่งมันใช่สถานที่เดียวกันทั้งหมด... หรือมันอาจจะเป็นเหมือนกันทุกๆ ชั้นก็ได้ ฉันอาจจะคิดมากเกินไป... “ ถึงละ...ไม่รู้พี่เฮลตื่นยัง...” ฉันมองประตูบานใหญ่ตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นรัวไม่หยุด มันเต้นรัวซะจนเหมือนคนกำลังตีกลองอยู่เลยจริงๆ ฉันรู้สึกเหมือนแข้งขาตัวเองเริ่มไม่มีแรงยังไงยังงั้น ฉันพยายามมองโลกในแง่ดีแต่นาทีนี้มันมองไม่ออกแล้ว...เพราะไม่ว่าจะเป็นมุมห้องหรือแม้แต่สีบานประตูมันเหมือนกับห้องในวันนั้นทั้งหมดเลย... ฮันน่ากดกริ่งหน้าห้องเพื่อเรียกคนด้านในให้เปิดประตูออก...จังหวะที่ฮันน่ากดกริ่งฉันแทบอยากจะวิ่งหนีออกไปซะเดี๋ยวนั้นเลย...ฉันไม่อยากอยู่ไม่อยากอยู่ตรงนี้เลย... หัวใจฉันมันก็ยังคงเต้นโครมครามไม่หยุด...มือไม้มันเย็นเฉียบพร้อมกับกำเข้าหากันแน่น “ ริชาแกเป็นไรอะ ทำไมดูหน้าซีดจัง...” “ ไม่สบายหรอ..” ทั้งเอวากับเมอาต่างหันมาถามฉัน ฉันควรตอบเพื่อนไปว่ายังไงดีละ... “ โอเคแก ฉันโอเคมาก...” แอดดด... เสียงบานประตูสีเข้มถูกเปิดออกอย่างช้าๆ พร้อมกับร่างสูงที่ยืนพิงบานประตูห้อง...ราวกับทุกอย่างรอบตัวฉันหยุดหมุนอีกครั้งสายตาฉันยังคงจับจ้องไปที่ร่างสูงตรงหน้า...เหมือนกับว่าฉันกำลังโดนมนต์สะกดเอาไว้ไม่ให้ละสายตาไปจากพี่เขาได้... ถ้าให้พูดแบบไม่อาย พี่เฮล หล่อเหมือนรูปปั้นอย่างไงอย่างงั้น รูปหน้าพี่เขามันสมบูรณ์แบบมากซะจนฉันบรรยายออกมาไม่ได้ แล้วไหนจะรูปร่างสูงใหญ่ของพี่เขาที่มันส่งให้พี่เขาดูสง่ากว่าเดิม... “ เปิดช้าจังละพี่เฮล...” เสียงฮันน่าทำให้ฉันได้สติ ฉันรีบละสายตาไปจากพี่เฮลทันที หัวใจของฉันก็ยังคงเต้นรัวไม่หยุด... บ้าจริง... “ เปิดให้เข้าก็ดีละ...” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นนิ่งๆ ฉันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่เขาอีกเลยได้แต่แสร้งมองไปทางอื่นแทน... “ ถ้าไม่เปิดน่าก็จะกดกริ่งอยู่แบบนี้แหละ...แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อให้มันเรียบร้อยเนี้ย...” “ ถ้าจะพูดมากก็กลับไป...” “ ไม่กลับค่ะ...” ฮันน่าพูดแค่นั้นก่อนจะเดินแทรกตัวเข้าไปยังด้านในห้อง ตามด้วยเมอากับเอวาที่เดินตามไปอย่างกล้าๆกลัวๆ... คงจะมีแต่ฉันที่มันก้าวขาไม่ออกเพราะยิ่งฉันมองเข้าไปในห้องคำตอบที่ฉันกลัวมันยิ่งชัดเจน.... “ ไม่เข้าหรอ ?” เสียงของคนตัวสูงทำให้ฉันละสายตาจากภายในห้องแล้วเงยหน้าไปมองเขาแทน และนั่นก็ทำให้ฉันกับพี่เขาสบตากันอย่างจัง... ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก... ยิ่งพอฉันสบตากับพี่เขาหัวใจฉันมันยิ่งเต้นแรงขึ้นไม่หยุด... “เข้า... เข้าค่ะ...” ฉันพูดพร้อมกับหลบสายตาพี่เขาแล้วรีบเดินแทรกตัวเข้ามาภายในห้องทันที ยิ่งเดินเข้ามาภายในห้องฉันยิ่งได้คำตอบชัดเจนแบบที่ปฎิเสธอะไรไม่ได้อีก ห้องนี้มันคือห้องเดียวกันกับวันนั้น... แล้วผู้ชายในวันนั้นคือพี่เฮลอย่างนั้นหรอ “ อืม...กินไรมายัง ?..” ฉันมองตามร่างสูงที่เดินไปถามฮันน่าด้วยท่าทีนิ่งเงียบไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงหรือแม้แต่แววตาของพี่เขามันดูสุขุมแล้วก็น่าเกร็งขามไปพร้อมๆกัน.... “ กินกันมาบ้างแล้ว แต่ก็แอบหิวอยู่อะ...” “ หิวก็โทรลงไปให้แม่ครัวทำอะไรขึ้นมาให้กินแล้วกัน...” “ ได้ค่า ว่าแต่พวกน่าทำงานตรงนี้ได้ช่ะ ? ” “ นั่งไปแล้วจะถามทำไม ? ” “ ถามให้พี่เฮลอารมณ์เสียเล่นๆไง...” “ เลอะเทอะไม่เลิก...” พี่เฮลพูดขึ้นนิ่งๆ ก่อนจะเดินไปหยิบบุหรี่ในซองขึ้นมาหนึ่งมวน และทันทีที่ฉันเห็นด้านหลังของพี่เขา... รอยสักนั้นมัน...ไม่จริงใช่มั้ย ?!? ฉันนิ่งอึ้งมองรอยสักที่เอวด้านขวาของพี่เขาตาค้าง ทุกอย่างมันบังเอิญเกินไปไหม... ผู้ชายในคืนนั้น คือพี่เฮลจริงๆ... “ นี่พี่เฮล! ช่วยไปใส่เสื้อนอนให้มันเรียบร้อยหน่อยได้ไหม...” “ ทำไม ?” “ ก็ไม่อายเพื่อนฮันน่าบ้างหรอไง น่ารู้ว่าพี่เฮลหุ่นดีแต่ก็ควรไปใส่เสื้อหน่อยมั้ยอะ...” ฮันน่าพูดพร้อมกับพยักพเยิดหน้ามาทางฉัน...ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูกและยิ่งไปกันใหญ่เมื่อพี่เฮลปรายสายตามองมาที่ฉันสายตาที่พี่เขาใช้มองฉันมันเป็นสายตาที่ฉันเองก็มองไม่ออกว่าพี่เขากำลังคิดอะไร...แต่มันเป็นสายตาที่ทำให้ฉันรอยผ่าวไปทั้งหน้า. “ ไม่เป็นไรค่ะ เอาที่พี่เฮลสะดวกเลยดีกว่า...” “ แกพวกฉันไม่เป็นไร...” ทั้งเมอากับเอวาต่างกระซิบข้างๆ หูฮันน่า ต่างจากฉันที่ยังคงนั่งตัวแข็งไม่ขยับไปไหน... “ โอ๊ยย พวกแกอะ...” ฮันน่าเอ่ยออกมาอย่างขัดใจ พี่เฮลยิ้มขำนิดๆ ก่อนที่สายตาพี่เขาจะเลื่อนมามองฉันอีกครั้งก่อนที่พี่เขาจะหันหลังไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงห้องโถง และจังหวะที่พี่เขาหันหลังพอฉันได้เห็นแผ่นหลังของพี่เขาชัดๆ...ภาพบางอย่างก็ซ้อนทับขึ้นมาในหัวของฉัน... ภาพในคืนนั้นมัน... “ ไม่ริชา ไม่...” ฉันบอกกับตัวเองก่อนจะสะบัดหน้าไปมาเพื่อให้ภาพในวันนั้นมันหายไปจากหัว “ ไม่อะไรของแกอีกแล้วริชา...วันนี้แกเป็นไรอ่า...แปลกๆอะ” “ แกพูดคนเดียวตั้งแต่มาถึงแล้วนะริชา...” “ เอ่อ ฉะ ฉันมีเรื่องในหัวให้คิดนะ เราเริ่มทำงานกันดีกว่า...” ฉันพยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากเพื่อนก่อนจะรีบหยิบกล้องขึ้นมาวางแล้วก็เปิดโน๊ตบุ๊คเพื่อเตรียมทำงาน “ งั้นเดี๋ยวฉันขอไปดูโลเคชั่นถ่ายงานก่อนนะ เดี๋ยวเดินกลับมา...” “ ฉันไปด้วยๆ...” “ ฉันด้วยแก ” “ งั้นเดี๋ยวฉันไปด้วย...” ฉันรีบพูดขึ้นทันทีก่อนจะเตรียมลุกขึ้น แต่ทว่าฮันน่าก็พูดขึ้นมาก่อน “ แกเตรียมเปิดข้อมูลเลย พวกฉันไปเลือกมุมถ่ายกันไม่นานหรอก พอได้มุมเราจะได้เดินไปถ่ายกันเลย...” ฮันน่าพูดขึ้นยิ้มๆ ก่อนจะรีบเดินไปฉันได้แต่มองตามเพื่อนเพื่อนไปด้วยแววตาละห้อย...ฉันไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้โดยมีพี่เฮลยืนอยู่... แต่เหมือนพระเจ้าอาจจะได้ยินคำร้องขอภายในใจฉัน ถึงดลใจให้พี่เฮลเดินหายเข้าไปยังอีกห้องนึง “ หายใจสะดวกขึ้นมาหน่อย...” ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องยิ่งมองก็ยิ่งใช่ ฉันอยากจะร้องไห้ออกมาเลยจริงๆ เป็นพี่เฮลจริงๆ อย่างงั้นหรอ...แต่ดูจากท่าทางพี่เขาแล้วมันเหมือนว่าพี่เขาเองก็จำฉันไม่ได้...สายตาที่พี่เขาใช้มองฉัน มันเหมือนพี่เขาเองก็ไม่รู้จักฉันมาก่อน... ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะพี่เขาจำฉันไม่ได้ ฉันเองก็จะทำเป็นลืมพี่เขาไป... “ โอ๊ยยย...เลิกคิดสักทีเถอะ...” ฉันพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะหลับตาลงเอนหัวพิงพนักโซฟา ฉันไม่อยากคิด ไม่อยากนึกถึงคืนนั้นแล้ว... “ เลิกคิดอะไร ?” แต่แล้วเสียงทุ่มต่ำก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน ฉันลืมตาขึ้นก่อนจะเบิกตากว้างมองพี่เขาด้วยความตกใจ เพราะตอนนี้พี่เฮลกำลังยืนมองฉันอยู่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง อีกแล้ว ใจฉันมันเต้นแรงอีกแล้ว “ เอ่อเปล่าค่ะ...ระ ริชาบ่นไปเรื่อย...” “ งั้นหรอ ?” “ ใช่ค่ะ...” “ ก็ดี...” พี่เฮลพูดแค่นั้นก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากตัวเองนิดๆ และนั่นก็ทำให้คิ้วฉันขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ... ก็ดีของพี่เขาคืออะไร ? ฉันรู้สึกแปลกๆและไม่เป็นตัวเองเอามากๆเวลาโดนพี่เฮลจ้องมองแบบนี้ สายตาของพี่เขา ท่าทาง หรือแม้แต่รอยยิ้มของพี่เขามันทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ แปลกมากๆ... ฉันนั่งอยู่ในห้องด้วยความอึดอัด และย้ำว่าอึดอัดมาก…จนความอึดอัดหายไปก็ตอนที่เพื่อนๆ กลับเข้ามาด้านใน หายใจสะดวกแล้วฉัน... พอเพื่อนมาพวกฉันก็เริ่มทำงานกลุ่มทันทีทุกคนช่วยกันจัดมุมที่จะถ่ายสินค้าที่จะทำเป็นโปรดักส์ส่งอาจารย์ แล้วก็ลองถ่ายตามุมต่างๆไปเรื่อยๆ ต้องยอมรับว่ามุมทุกมุมภายในเพนท์เฮ้าส์ของพี่เฮลสามารถถ่ายงานได้ทั้งหมดเลย แต่พอถ่ายงานกันไปได้สักพักโทรศัพท์ฉันก็ดันแบตหมดขึ้นมาตอนที่พี่รัณโทรเข้าหาฉัน บ้าจริง ละเมื่อคืนฉันดันลืมชาร์จแบตอีก... “ พี่เฮลยืมสายชาร์จหน่อยดิ แบตโทรศัพท์ริชามันหมดอะ...” ฮันน่าเดินนำฉันเข้ามายืมสายชาร์จแบตจากร่างสูงที่พึ่งเดินลงมาจากห้องด้านบน และรอบนี้พี่เขาอยู่ในชุดสูทสีเข้มยิ่งทำให้พี่เขาดูดีแล้วก็ดูน่าเกรงขามขึ้นไปอีก “ ในห้องอะ ไปหยิบดิ...” “ หยิบให้หน่อยไม่ได้หรอ ฮันน่ากำลังถ่ายงานกันอยู่...” “ งั้นก็ให้เพื่อนเราขึ้นมาเอาเอง...” ฉันเลื่อนสายขึ้นไปมองพี่เฮลด้วยความงงงัน...และพี่เฮลเองก็กำลังมองมาที่ฉันด้วยสายตานิ่งๆ ให้ตายสิ ทำไมพี่เขาต้องพูดอะไรที่มันกำกวมแบบนี้ด้วยอะ... “ งั้นริชาแกขึ้นไปกับพี่เฮลได้มั้ย...” “ เอ่อ ดะ ได้...งั้นพี่เฮลบอกห้องมาก็ได้ค่ะเดี๋ยวริชาไปหยิบเอง...เผื่อพี่ต้องรีบไปธุระ...” ฉันรีบหาข้ออ้างทันที เพราะดูจากการแต่งตัวของพี่เขาแล้วพี่เขาน่าจะรีบไปที่ไหนสักที “ ห้องนอนชั้นสองเลี้ยวขวา...” “ ค่ะ...” ฉันเดินมาตามทางที่พี่เขาบอก ภายในใจมันก็วูบไหวไม่หยุดเพราะตั้งแต่ฉันเดินขึ้นบันไดมาทุกอย่างบนนี้มันยิ่งตอกย้ำฉันเข้าไปอีก... ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่ประตูห้องนอนพี่เขา ก่อนจะค่อยๆเปิดประตูห้องนอนเข้าไปด้วยใจที่เต้นรัวยิ่งกว่ากลองแต๊ก...และพอฉันเห็นภายในห้องนอนของพี่เฮล ภาพทุกอย่างในวันนั้นมันย้อนกลับเข้ามาในหัวฉันทันที “ ใช่จริงด้วย...” ฉันพูดออกมาเบาๆ สมองโล่งไปหมด ฉันพยายามหลอกตัวเองด้วยคำที่ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่พี่เขาหรอกตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาภายในเพนท์เฮ้าส์ แต่ตอนนี้นาทีนี้ฉันปฏิเสธไม่ได้อีกแล้ว... แล้วพี่เขาจำฉันได้หรือเปล่า เขาจะรู้ไหมว่าผู้หญิงในคืนนั้นมันคือฉัน... ฉันคิดด้วยหัวใจที่เต้นรัว ท่าทางของพี่เฮลเขานิ่งมากนิ่งจนฉันเองก็เดาไม่ถูกว่าพี่เขาจำได้หรือไม่ได้ ฉันเลิกคิดก่อนจะรีบเดินไปหาสายชาร์จแบตโทรศัพท์แต่มันอยู่ตรงไหนฉันก็ไม่รู้...และยิ่งฉันเข้าไปใกล้เตียงพี่เขา ภาพในวันนั้นมันก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวฉัน “ เลิกคิดริชา แกเลิกคิดเลยนะ...” ฉันบอกตัวเอง แต่มันก็หยุดคิดไม่ได้สักที “ เจอไหม ?” แต่แล้วเสียงทุ้มต่ำด้านหลังก็ทำให้ฉันสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ ฉันหันไปมองพี่เฮลก่อนจะก้าวถอยหลังอย่างลืมตัว “ มะ ไม่ค่ะ ไม่เจอ...” “ ริชาไม่แน่ใจว่ามันอยู่ตรงไหน...” ฉันอยากจะตีปากตัวเองจริงๆ ไม่รู้จะพูดอึกอักทำไมนัก...พี่เฮลไม่ตอบอะไรฉัน สิ่งที่เขาทำคือเดินไปหยิบสายชาร์จออกมาจากลิ้นชักหัวเตียงนอนแล้วยื่นมาตรงหน้าฉัน “ ขอบคุณค่ะ..” ฉันรับสายชาร์จมาก่อนจะขอบคุณพี่เขาแล้วจะเดินออกไปจากห้องนี้ “ เดี๋ยว...” “ คะ...” “ ไม่ได้ลืมอะไรอีกใช่ไหม ?” “ คะ ?” ฉันขมวดคิ้วอย่างลืมตัวที่พี่เขาถามแบบนั้น มันหมายความว่าไง หรือพี่เขาจำฉันได้ O_O! “ เธอลืมเอาหัวชาร์จไปด้วย ” “ อะ อ๋อ...ขอบคุณค่ะ...” ฉันโล่งใจทันทีเมื่อได้ยินพี่เขาพูดออกมาแบบนั้น ฉันรีบรับหัวชาร์จจากมือพี่เขามาก่อนจะรีบเดินออกมาจากห้องนอนพี่เขา แบบนี้ก็แปลว่าพี่เขาก็จำฉันไม่ได้ใช่ไหม... โล่งอกไปที...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD