บทนำ
“คุณปภาณิน เชิญด้านในค่ะ”
หญิงสาวเจ้าของชื่อปิดหน้าจอโทรศัพท์ในมือของตนเองลง เมื่ออ่านข่าวกอซซิปของวงสังคมชั้นสูงจบพอดิบพอดี
ชายหนุ่มหญิงสาวคู่ในภาพข่าวกำลังมีข่าวดีกันในเร็ววันนี้ และอาจเป็นปลายปีที่จะมีงานมงคลสมรสยักษ์ใหญ่ปิดท้ายให้ได้ตื่นตาตื่นใจกัน
เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเต็มที ดึงสติมาอยู่กับสิ่งที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่ เสียงขานเรียกนั่นบอกว่าเธอกำลังจะได้พบกับเขาแล้ว หวังว่าครั้งนี้จะไม่เก้อเหมือนเมื่อสองครั้งแรกนั่นหรอกนะ
พฤกษ์ คือชื่อของเขา ที่ซึ่งครองตำแหน่ง Asia CEO Awards สามปีซ้อน นอกจากบริหารงานเก่งฉกาจแล้วเขายังเพิ่งให้ทีมทนายส่งจดหมายทวงหนี้ไปที่บ้านของเธอ พร้อมกำหนดชำระเงินต้นรวมดอกเบี้ยจำนวนสิบสองล้านภายในระยะเวลาสามสิบวัน หลังจากได้อ่านถ้อยความจบเธอรีบมาพบเขาทันทีเพื่อขอเจรจาผ่อนผันหนี้ แล้วก็ช่างตามตัวยากเหลือเกิน จนห้าวันผ่านไปแล้วเธอถึงเพิ่งได้พบเขาอย่างที่ตั้งใจ หวังไว้ไม่น้อยว่าเขาจะยอมเจรจาผ่อนผันช่วยเหลือเธอและครอบครัว
เรื่องราวระหว่างกันเมื่อสิบปีก่อนนั่น เขาน่าจะยังไม่ลืม
หญิงสาวลุกขึ้นยืนตัวตรงแหน็ว หลังเกร็งขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อคิดไปว่ากำลังจะได้พบหน้าเขา ใจของเธอก็เริ่มจะสั่นพอๆกับขาที่ต้องฝืนทรงตัวเอาไว้ไม่ให้ล้มพับลงไปกองที่พื้นเสียก่อน
อาคารปูนชั้นเดียวทอดยาวสู่เบื้องหน้านี้เป็นเพียงสำนักงานเล็กๆแห่งหนึ่งของพฤกษ์เท่านั้น ซึ่งสองที่แรกที่เธอต้องไปรออยู่นานค่อนวันเป็นสำนักงานใหญ่สำหรับกิจการหลักของเขา หลังจากต้องตัดใจเสียงานเสียการไปรอแต่กลับไม่ได้พบเจอตัว เพราะพนักงานเข้ามาแจ้งว่าพฤกษ์มีประชุมด่วน เธอแจ้งกลับว่ารอได้แต่แล้วกลับถูกไล่ให้กลับไปทั้งสองครั้ง
ใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่ครั้งนี้เธอรอเขาเพียงห้าชั่วโมงเท่านั้น แถมยังไม่ถูกไล่ให้กลับแบบสองครั้งแรกอีกด้วย
ขณะเดินตามหลังพนักงานผู้นำทางพร้อมกับความคิดในหัวถึงเขา
พฤกษ์จะเปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่
สิบปีที่ไม่ได้พบหน้ากันเลย เขาจะสูงขึ้นอีกแค่ไหนและจะยังคงยิ้มง่าย เป็นพี่ชายช่างหยอกเย้าอย่างที่เคยไหมนะ แม้จะตามข่าวคราวของเขาอยู่ตลอดแต่ก็เป็นการเห็นทางเดียวผ่านสื่อทั้งนั้น เธอไม่มีโอกาสได้สบตาคมเข้มล้ำลึกของเขาจังๆอีกเลยตั้งแต่ครั้งนั้น
ก่อนกลืนน้ำลายลงคออย่างหนักใจขึ้นมาอีกไม่ได้ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในวันที่เธอตัดสินใจทำลงไป เพราะไม่อยากให้เขากลายเป็นคนไม่เอาไหน
แม่เคยบอกเสมอ หากว่าเธอตั้งใจทำสิ่งดีดีอะไรลงไปแล้วจะได้ผลตอบแทนแบบเดียวกันกลับมา
แล้วความทรงจำพร้อมแววตาอ่อนโยนก็ฉายวาบขึ้น เธอยังจำได้ไม่ลืมเลือนว่าพฤกษ์ชอบพูดหยอกล้อแบบนี้เสมอ
‘ยิ้มหน่อยสิ น้องเหนือ พี่ชอบเวลาเรายิ้มนะรู้ไหม’
‘พี่อยากอยู่กับน้องเหนือแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลย’
‘ขี้บ่นจังเลยนะเราน่ะ เดี๋ยวพี่จะเรียกเราว่าป้าเหนือ’
หญิงสาวคนนำทางพาเธอมาถึงห้องริมสุดที่มีประตูขนาดใหญ่หันมายิ้มให้แบบแกนๆแล้วพูดเสียงกระซิบ
“ท่านเพิ่งคอนเฟอเรนต์เสร็จค่ะ”
ปภาณิณยิ้มตอบรับไปอย่างฝืดฝืนเช่นกัน และไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เธอเป็นพวกไม่สนิทก็จะไม่ค่อยคุยอะไรด้วย หญิงสาวคนนั้นยกมือขึ้นเคาะแผ่นไม้ตรงหน้าสองสามที ถึงได้แว่วเสียงดังจากด้านในเชิงว่าอนุญาตให้เข้ามาได้ จึงเปิดประตู แย้มหน้าเข้าไปบอกก่อน
“คุณปญาณิณค่ะ”
ที่ด้านในไม่มีเสียงตอบรับอันใดกลับมา ปญาณิณเลยยิ่งใจเต้นแรงมากขึ้น ปอดของเธอนั้นดูเหมือนจะไม่ยอมสูบลมเข้าไปข้างในอีกแล้ว เลยเกิดอาการวูบวาบเห็นดาวขึ้นกะทันหัน แล้วฮึดสูดลมแรงๆเข้าปอด กระตุ้นให้พร้อมเผชิญหน้ากับเขา
เธอกำลังจะได้พบกับพฤกษ์แล้วในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้
หญิงสาวคนนำมาหลบทางเป็นเชิงบอกให้เธอก้าวเข้าไปด้านในได้เลย
ปภาณิณเม้มปากเรียกสติตนเอง ก่อนตัดสินใจเดินหน้าจนพ้นประตูไป ก็ให้เย็นยะเยือกสะท้านไปทั้งตัว อาจเป็นอุณหภูมิภายใน
ที่ตั้งไว้ต่ำกว่าปกตินั่นเอง แต่แล้วกลับพบสิ่งที่คิดว่าน่าประหวั่นพรั่นพรึงมากกว่านั้นนั่นคือสายตาคู่คมของเขาที่มองมาอยู่ตลอด
พฤกษ์นั่งไขว้ขาพิงพนักเก้าอี้บัลลังก์ตัวใหญ่มือประสานกันไว้บนหัวเข่าของเขา สายตาที่มองมาราวกับประเมินท่าทีของเธออยู่อย่างไรอย่างนั้น
เสียงปิดประตูดังก้องขึ้นทำลายความเงียบและบรรยากาศชวนอึดอัดนั้น และผู้หญิงคนที่เดินนำทางมานั่นก็หายลับไปแล้วในตอนนี้
ปญาณิณจึงได้แต่ยืนเก้ๆกังๆอย่างไม่รู้จะทำอะไรก่อน พลันเสียงเข้มงวดราบเรียบถามขึ้นอย่างห่างเหิน
“ไม่ทราบว่าต้องการพบผมทำไม”
“คือ...” อึกอักพูดอะไรไม่ออก ทั้งยังเย็นเฉียบที่ปลายมือปลายเท้าสลับร้อนหนาวเหมือนกับกำลังจับไข้
ก่อนหน้าคิดมาแล้วว่าจะเริ่มสนทนากับเขาอย่างไร แต่พอได้พบกันจริงๆ ก็ทำเอาประหม่าเสียจนสติหลุดลอยหายวับไปกับตา ได้แต่ยืนนิ่งเหมือนคนโง่เง่าคนหนึ่ง ประกอบกับสายตากดดันติดเหยียดหยันของเขาที่มองมาก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกอยากจะเป็นลม
พฤกษ์ไม่ได้มีท่าทีเป็นมิตรเลยสักนิดเดียว
เป็นไปได้หรือไม่ ว่าเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้นจะทำให้เขารังเกียจเธอจนไม่อยากแม้แต่จะคุยหรือมองหน้ากันด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะไม่อย่างนั้น เขาคงปฏิเสธไม่ให้เธอเข้าพบเขาไปแล้วล่ะ
คิดเข้าข้างตัวเองแล้วค่อยใจชื้นขึ้นมาได้หน่อยหนึ่ง เผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากอันไม่ต่างไปจากในลำคอเท่าใดนัก ตั้งสติดีดีแล้วว่าออกไปอย่างที่เตรียมตัวมาแล้ว มันขลุกขลักเล็กน้อยแต่ก็จะพยายามให้การเจรจานี้ผ่านไปได้ด้วยดี และเธอไม่ควรแทนตัวอย่างสนิทสนมเหมือนที่ตั้งใจเอาไว้ ในเมื่อเขาเปิดการสนทนาแบบคนไม่เคยคุ้นเคย เธอก็ต้องกระทำตามแบบเขาบ้าง
“คือ...คือดิฉันได้รับจดหมายทวงหนี้แล้วค่ะ” เสียงที่บอกนั่นอ่อยลงจนแทบจับความไม่ได้ แล้วตัดสินใจอย่างหมดหนทาง “หากว่าดิฉันอยากจะขอ...”
“เรื่องนั้นผมสั่งเลขาให้แจ้งรายละเอียดไปแล้วนี่ ไม่ทราบว่ายังต้องการอะไร” เขาว่าเสียงเด็ดขาด สายตามองเธอนั้นเหมือนดาบคมกริบที่พร้อมจะเฉือนเนื้อของเธอออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่ตลอดเวลา
“อยากขอยืดเวลาออกไปสักระยะก่อนได้ไหมคะ”
พฤกษ์มองหน้าเธออึดใจเดียวก่อนปรากฏรอยยิ้มเย็นเยือกขึ้นที่มุมปากข้างหนึ่ง ถามราวกับใจดีแต่เปล่าเลย ปภาณิณรู้สึกได้ในน้ำเสียงเรียบเฉยว่ามันมีอาวุธร้ายซ่อนเร้นข้างในนั้น
“ทำไมผมต้องยืดเวลาออกไปด้วย”
สายตาคู่คมล้ำลึกดูราวกับเจ้าป่าที่พร้อมจะตะครุบเหยื่อ แน่นอนหากว่าพลาด เธอต้องเป็นเหยื่อที่ถูกหมายหัวอยู่แน่ๆ แล้วก็รู้ตัวว่าเธอไม่มีเหตุผลที่ฟังดูดีเลยสักข้อเดียวที่จะไปต่อรองอะไรกับเขา ในเมื่อเคยได้รับการผ่อนปรนแล้วถึงสามครั้ง แต่เพราะสถานะการเงินของครอบครัวที่มีปัญหาติดลบจนดิ่งลงเหวแบบหันหัวกลับได้ยากยิ่ง ทำให้ต้องบากหน้ามาขอเจรจานอกรอบเช่นนี้
และดูเหมือนพฤกษ์เองก็รู้ถึงจุดมืดบอดเกี่ยวกับครอบครัวของเธอดี
“ถือว่าเห็นแก่เหนือเถอะนะคะ...พี่พฤกษ์”
ในที่สุดเธอก็หลุดความพ่ายแพ้ออกมาจนได้ ใช้ความสัมพันธ์อันดีในอดีตอ้อนวอน ทั้งยังมองอย่างรอคอยความหวังจากเขา ชายหนุ่มที่วันนี้ดูสง่างาม แข็งแกร่ง ผิดจากเด็กหนุ่มในวันวานราวคนละคน
“ถ้าจะให้เห็นแก่เด็กผู้หญิงที่ชื่อเหนือ...ก็ได้”
เขาบอกมาพร้อมรอยยิ้มเย็นยะเยือกกว่าเดิม พฤกษ์ตวัดขาข้างที่ไขว้ไว้ลง ดันตัวยืนตรงแล้วปลดกระดุมสูทออกจนเห็นถึงแผงอกกำยำใต้เนื้อผ้าชั้นดีที่ด้านใน สาวท้าวมาหยุดยืนตรงหน้าเธอพร้อมกับเอ่ยปากขึ้น
“แลกกับการเป็นผู้หญิงลับๆของผม”
ในที่สุดความจริงก็กระแทกเข้าหน้าเธออย่างจัง เมื่อเขาไม่ได้เป็นพฤกษ์ที่แสนดีคนเดิมอีกต่อไปแล้ว เขายอมรับข้อเสนอก็จริงแต่มีเงื่อนไขที่ปภาณิณได้ยินแล้วถึงกับนิ่งขึงราวถูกแช่แข็งด้วยความเย็นที่เย็นจัด วินาทีนี้เองที่ร่างกายของเธอชาไปหมดรวมไปถึงหัวใจดวงเล็กๆที่เต้นรออย่างมีความหวัง
ผู้หญิงลับๆของเขาอย่างนั้นหรือ
ปภาณิณทวนคำเขาแล้วเม้มปากแน่นอย่างขุ่นเคือง หากเขายื่นข้อเสนอออกมาแบบนี้แสดงว่าเขาเองก็จำเธอได้ฝังใจไม่ต่างกัน
คงจำได้แม่นเลยสินะว่าเธอเกลียดผู้หญิงลับๆพวกนั้นและสาบานกับฟ้าฝนเอาไว้ว่าชาตินี้ทั้งชาติอาจรวมถึงชาติอื่นๆด้วย เธอจะไม่มีวันยอมเป็นผู้หญิงลับๆของใครโดยเด็ดขาด!