“พี่ไปกินเป็นเพื่อนดีไหม”
“คะ?”
“พี่ไปกินเป็นเพื่อน กินคนเดียวเหงาแย่”
“...ชีกอรึเปล่าคะเนี่ย”
“ไม่หรอก ไม่ได้ชีกอ แค่อยากกิน...ข้าวเป็นเพื่อนครับ”
เขาตอบด้วยเสียงละมุนมากเลยค่ะ แต่สาบานเถอะว่าที่พูดมาไม่ได้แฝงอะไรเลย สาบานสิว่าตั้งใจจะพูดว่าอยากกินข้าว ไม่ได้อยากพูดว่าอยากกินฉัน
ถ้าฉันใสซื่อไร้เดียงสา และไม่เคยเห็นเขาผละจากผู้หญิงที่สวยมาก ๆ คนนั้น ไปกินตับผู้หญิงอีกคนในห้องน้ำ สิ่งที่เขาแสดงในวันนี้ฉันคงคิดว่าเขาเป็นผู้ชายอบอุ่นนิสัยดีเหมือนเจ้าชายแน่ ๆ
แต่บังเอิญว่าเคยเห็นโหมดร่านกับตาต่ำของเขามาแล้วไงคะ ก็เลยรู้ว่าที่เขาแสดงออกก็แค่แสดงละครอยากกินฉันไม่ต่างจากคนอื่นนั่นแหละ
“ฮ่า ๆๆ พี่มาร์คัสดูแอบเจ้าชู้นะคะ” ฉันหัวเราะทำใสซื่อเหมือนไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นพฤติกรรมของเขา แกล้งทำเป็นแซวเล่น ๆ ใส่ ทั้งที่ความจริงในใจคือฉันแอบเหน็บเขาจริง ๆ
“พี่เหรอครับ?” เขาชี้ตัวเองแล้วก็ทำหน้าอึ้งใส่ฉัน ทำไมยะ ไม่เคยเจอผู้หญิงว่าตรง ๆ แบบนี้รึไง
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มใสซื่อ ทีแรกก็หวาดหวั่นการเข้าหาเขา แต่พอได้ใกล้ชิดในระยะเวลาสั้นๆ ก็รู้สึกว่าน่าจะสนุกดีนะคะ ดูเขา...ไม่ได้มีแค่นี้หรอก เขาแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นแน่นอน ท่าทางเขาจะยากกว่าคนอื่นเหมือนกัน
“ฮ่า ๆๆ ไม่หรอก ถ้าเราไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ”
“ล้อเล่นค่ะ ถ้างั้นมิ้นท์ขอเลี้ยงพี่มาร์คัสเป็นการตอบแทนที่ช่วยมิ้นท์หาหนังสือวันนี้นะคะ”
“พี่ไม่ถนัดให้ผู้หญิงเลี้ยงน่ะสิครับ ถ้าเราอยากตอบแทนก็ขอเป็นกินข้าวเป็นเพื่อนพี่ก็แล้วกันพี่ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย” เขาเสนอฉันด้วยท่าทางสบาย ๆ
“ค่ะ เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ” ฉันตอบตกลงด้วยรอยยิ้มทั้งที่ความจริงอยากเบะปากใส่ใจแทบขาดเพราะฉันเห็นนายนั่งกินข้าวกับเพื่อนในโรงอาหารตั้งแต่ยังไม่เที่ยงตรงอีกย่ะ
ไม่อยากจะพูดอะไรนอกจาก...ตอแหล~
ฉันออกจากห้องสมุดพร้อมกับเขา ฮอตมากเลยแต่ไม่ใช่ฉันนะคะหมายถึงคนข้าง ๆ ต่างหาก เดินไปด้วยกันฉันโดนจิกจนผิวแทบจะพลุนได้อยู่แล้ว สายตาแร้งทึ้งมากเลยล่ะสาว ๆ คณะนี้
“ถึงแล้วครับ” เขาพาฉันเดินมาที่โรงจอดรถ มาถึงก็เจอ Supercar สีเหลืองสวยเท่ห์โดดเด่นมาแต่ไกลเลยค่ะ
“ที่จริงเรากินอะไรง่าย ๆ ในโรงอาหารก็ได้นะคะ” ฉันอยากเข้าหาเขาก็จริง แต่ฉันก็ไม่ได้พร้อมจะออกไปไหนสองต่อสองกับเขาตั้งแต่แรก แถมยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยสักอย่าง ฉันไม่พร้อมฉัน...กลัวพลาด
“ในนี้ไม่ค่อยมีอะไรอร่อยครับ คนจอแจด้วย ไปเถอะพี่ไม่พาไปทำอะไรไม่ดีหรอก แค่จะพาไปร้านประจำใกล้ ๆ นี่เองครับ” เขายิ้มให้ ยิ้มสุภาพเชียวค่ะ แถมยังเปิดประตูรถให้ฉันด้วย
เหอะ! มันเป็นบุคลิกที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกฟันผู้หญิงแน่นอน ฉันเคยเห็นหรอกไอ้ท่าทางก้อร่อก้อติกของนาย เห็นบ่อยด้วย
“ขอบคุณค่ะ” ถึงจะหมั่นไส้แต่ฉันก็ได้แต่เก็บมันไว้ในใจ ในเมื่อสิ่งที่หวังมันมากกว่าความหมั่นไส้ ขอบคุณแล้วก็ขยับขึ้นไปนั่งรถเขา รถบ้าอะไรก็ไม่รู้ มันก็สวยอยู่หรอกค่ะ แต่เวลาจะนั่งนี่ลำบากสุด ๆ เตี้ยเกินไป แต่ก็ช่างเถอะนะม่านไหม มีโอกาสได้นั่งก็นั่งไปเถอะเพราะชาตินี้ทั้งชาติจะได้นั่งอีกรึเปล่าก็ไม่รู้
“เราชอบอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า” ตอนนี้ฉันกับเขาเดินทางมาถึงร้านอาหารเรียบร้อยแล้วค่ะ เป็นร้านมีชื่อที่อยู่ในซอย การเข้าออกลำบากแต่คนมากันเยอะเชียว มีแต่รถหรูราคาแพงบ่งบอกฐานะของคนมากินทั้งนั้น
“อืม...มิ้นท์ เลือกไม่ถูกเลยค่ะ” ฉันมองเมนูที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด อ่านออกค่ะไม่ใช่อ่านไม่ออก แต่มันเป็นเมนูที่ฉันเลือกไม่ถูกจริง ๆ
“สั่งได้ตามสบายเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจพี่” เขายิ้มให้ฉันก็เลยหลุบตามองเมนูอาหารอีกครั้ง ไอ้อยากกินก็อยากอยู่นะคะ แต่ตัดใจสั่งไม่ลงสักเมนู แพง ๆ ทั้งนั้น บางจานเกือบจะได้ค่าเช่าห้องของฉันทั้งเดือนอยู่แล้ว อยากกินแต่เสียดาย ถึงไม่ใช่เงินฉันก็ตามเถอะ ฉันก็รู้สึกเสียดายอยู่ดี
“...” สั่งไม่ลงและฉันคงทำไม่ได้ ฉันไม่ได้นึกถึงเงินในกระเป๋าของเขา แต่ฉันนึกถึงตัวเอง ฉันกินอาหารมื้อแพง ๆ ไม่ลง ฉันเสียดายเงิน กินไปก็คงคิดถึงตอนตัวเองลำบากที่แม้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยัแทบไม่มีเงินจะซื้อกิน
“พี่สั่งให้ไหมครับ” เหมือนเขาจะสังเกตฉันมั้งคะก็เลยถาม
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฉันตอบรับ แล้วก็ปิดเมนู ไม่ต้องเห็นราคา ไม่ต้องรับรู้อะไร อาหารมาก็กินไปไหน ๆ ก็มาแล้วม่านไหม มีเหตุผลบางอย่างที่เธอต้องกินจำเอาไว้แค่นี้แล้วก็กินซะ
“โอเคครับ ปกติเราชอบอะไรครับ เนื้อ หมู ไก่ ปลา เนื้อแกะ หรือพวกอาหารทะเล”
“ไก่ดีกว่าค่ะ” มันน่าจะเป็นเมนูที่ถูกที่สุด ฉันเห็นเมนูเนื้อเป็นเนื้อออสเตรเลีย หมูก็เป็นหมูดำคุโรบูตะ ปลาสารพัดปลาแพง ๆ เนื้อแกะนี่ก็แพงแถมกินไม่เป็นอีกต่างหาก ซีฟู๊ดอย่าพูดถึงเลยค่ะปูอลาสก้า กุ้งล็อบสเตอร์ทั้งนั้น ไก่นี่แหละ ไม่มีไก่นำเข้าหรอก คุณภาพดีสุดก็ซีพีกับเบทาโกรล่ะวะม่านไหม
“โอเคครับเดี๋ยวพี่สั่งให้ แต่ถ้าไม่ถูกใจเราสั่งใหม่ได้เลยนะ” เขายิ้มให้ฉันแล้วก็จัดการสั่งอาหารให้ สั่งมาตั้ง 4 – 5 เมนู พอสั่งเสร็จเขาก็ยิ้มให้
“เราเรียนปีไหนแล้วครับพี่ยังไม่ได้ถามเลย”
“นั่นสิคะ เข้ามาทักก็แทนตัวว่าพี่เลย เผื่อมิ้นท์รุ่นเดียวกันหรือเป็นรุ่นพี่จะทำยังไงดีคะเนี่ย”
“ฮ่า ๆๆ ไม่เป็นรุ่นพี่หรอกอย่างมากก็แค่รุ่นเดียวกัน แล้วตกลงเราเรียนอยู่ปีไหนแล้วครับ”
“ปี 3 ค่ะ”
“ถ้างั้นก็ยังเป็นพี่อยู่ครับ” พอฉันตอบเขาก็ฉีกยิ้ม ฉันก็รู้หรอกน่าในเมื่อฉันสืบประวัตินายมาแล้ว ก็แค่แกล้งทำเป็นคุยไม่ให้รู้สึกอึดอัดแล้วก็ให้นายรู้สึกว่าฉันเป็นผู้หญิงไม่น่าเบื่อเท่านั้นแหละ
“พี่มาร์คัสเรียนปี 4 เหรอคะ”
“ครับ” ฉันก็ถามไปอย่างนั้นล่ะค่ะไม่ได้อยากรู้จักเขามากมายหรอก อันที่จริงจะบอกว่าไม่อยากรู้ไม่ได้เพราะความจริงฉันไปสืบประวัติเขามาบ้างเหมือนกัน แต่ที่สืบไม่ได้อยากรู้จักเขาค่ะ ฉันก็แค่อยากรู้ข้อมูลของเขาเพื่อตัวฉันเอง
หลังจากนั้นเขาก็ชวนคุยต่อ คุยเก่งเลยค่ะ อาหารมาเร็วกว่าที่คิดบททสนทนาก็เลยไม่เยอะเท่าไหร่ กินไปคุยไป โชคดีที่ฉันไม่ได้คิดพิศวาสเขาฉันก็เลยไม่ได้รู้สึกประหม่าอะไร เขาถามอะไรมาก็ตอบ หรือถ้ามีช่องว่างให้ชวนคุยได้ฉันก็ชวนคุย ตามอย่างที่ฉันเรียนรู้มาเพื่อใช้ในเส้นทางนี้โดยเฉพาะ
...เส้นทางที่ฉันเลือกและคิดว่ามันจะต่อชีวิตฉันได้จนกว่าจะเรียนจบมีงานทำ ทางที่เรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าไม่ดี ไม่ดีมาก ๆ แต่ก็จะทำ เพราะฉันไม่มีใครให้พึ่งนอกจากตัวฉันเอง