EP : 4

1361 Words
ผมแยกจากเธอหลังจากที่เราสองคนรู้จักชื่อของกันและกัน แต่... อ่าส์! ผมแยกจากเธอที่ไหนกันล่ะ เธอต่างหากที่บอกชื่อเสร็จก็ก้มหัวให้ผมตามมารยาทแล้วก็เดินไป ทิ้งผมให้ยืนเก้อจนสุดท้ายต้องเดินกลับมาหาไอ้ภูผา “น้องเขาเดินหนีมึงว่ะไอ้คัส” “...น้องเขาอาย” ผมกลบเกลื่อนด้วยการบอกมันด้วยประโยคนี้ไอ้ภูผาก็แค่เบ้ปากนิดหน่อยแล้วก็ยักไหล่ จากนั้นมันก็สนใจโทรศัพท์ของมันต่อ ส่วนผมก็นั่งมองเธอแต่มองได้ไม่นานก็ต้องกลับมาสนใจจุดประสงค์ของการเข้ามาอาคารต้องห้ามอย่างห้องสมุด เพราะผมต้องรีบหาข้อมูลเพื่อไปอ้างอิงงานส่งอาจารย์ ส่งไม่ทันโอกาสที่จะจบในเทอมนี้ริบหรี่แน่ MARCUS END MANMAI TALK “เธอสะกดเขาให้เดินตามมาหาเธอได้ยังไงกัน” “ไม่รู้สิ” ฉันตอบอิงอิงที่ฉันลากมาเป็นเพื่อนด้วยความงงไม่ต่างจากเธอสักนิด วันนี้แค่ตั้งใจมาดูลาดเลาเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าจะต้องได้เข้าถึงตัวเขา แล้วอีกอย่างอยากจะมาหาข้อมูลจากห้องสมุดของที่นี่ด้วยเพราะฉันจะเตรียมไว้เสนอการทำวิจัยก็ถือโอกาสดูลาดเลาเสร็จเลยเข้ามาที่นี่ แต่ใครจะคิดว่าฉันจะได้เจอเขาในนี้อีกครั้ง แถมยังเป็นเขาที่เป็นฝ่ายเข้ามาหาฉันเอง “แล้วมันน่าตลกไหมเธอว่า ไปส่องเขาที่ผับแทบทุกคืนไม่เคยแม้แต่สบตากัน แต่นี่อะไรมาที่มหาลัยดันเดินเข้ามาหาเองเฉยเลย แต่งตัวธรรมดาไม่ได้เซ็กซี่เหมือนตอนไปเที่ยวผับด้วย” อิงอิงกระซิบวิจารณ์เรื่องนี้ต่อ “ไม่รู้เหมือนกัน” ฉันตอบได้เท่านี้ล่ะค่ะ ฉันเองก็งงมาก อันที่จริงตกใจมากกว่าตอนที่เขาเดินเข้ามาทักมาอาสาช่วยหาหนังสือ แต่โชคดีที่ฉันเก็บอารมณ์ทันก็เลยไม่ทำให้เขารู้ว่าฉันตื่นเต้นหรือตกใจ “พี่มาร์คัสไม่เคยเข้าหาผู้หญิงก่อนเลยนะ” “เขาอาจจะเข้าหาคนอื่นแต่เราไม่รู้รึเปล่า” ท่าทางเขาเป็นพวกกินไปเรื่อย ๆ ถ้าอยากกินแล้วผู้หญิงไม่รู้ตัวหรืออ่อยเขาไม่เป็นฉันว่ายังไงซะเขาก็ต้องเขาหาบ้างล่ะ ไม่มีผู้ชายคนไหนนั่งหล่อเป็นเทวดาให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายเข้าหาอยู่ฝ่ายเดียวได้หรอก “ไม่เคยได้ยิน แต่ก็อาจจะใช่ แต่ช่างเรื่องนั้นเถอะ เอาปัจจุบันดีกว่า แลกเบอร์แลกไลน์รึยัง” อิงอิงพึมพำด้วยความสงสัยเช่นเคยแต่สุดท้ายก็สลัดความสงสัยออกแล้วถามฉันด้วยความตื่นเต้นแทน “เปล่า” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ เสียดายอยู่เหมือนกันแต่เขาไม่ขอจะให้ฉันเป็นฝ่ายขอรึยังไงล่ะ ทำแบบนั้นก็เป็นการอ่อยอยากได้เขาไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นน่ะสิคะ “อะไรอ่ะ เสียดาย” อิงอิงทำหน้าเซ็งใส่ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าความจริงแล้วในใจฉันมันเซ็งกว่าอีก “เขาไม่ขอนี่ จะให้ขอก็ยังไง ๆ อยู่” “เฮ้อ! แต่ไม่เป็นไร ระหว่างนี้นั่งสวย ๆ ให้เขาสนใจ ยังมีโอกาสต่อจนกว่าเขาจะเดินออกจากที่นี่” “อื้ม” ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ ยังไม่หมดหวังหรอก “แต่ตอนนี้เธอต้องอยู่คนเดียวแล้วนะ ถึงเวลาที่ฉันต้องไปตามนัดแล้ว” อิงอิงบอกฉันพร้อมกับโชว์หน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงเวลาให้ฉันดู “ถึงเวลาต้องไปแล้วเหรอ” ฉันเศร้านิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก วันนี้อิงอิงมีนัดฉันโทรไปขอให้มาเป็นเพื่อนก็ดีเท่าไหร่แล้ว “อยู่คนเดียวไปก่อน เดี๋ยวจะอ้อนขอน้ำหอมจากพี่กายมาฝาก ไปแล้วนะจ้ะม่านไหมคนสวย” “จ้า โชคดีนะ” ฉันยิ้มพร้อมกับลาอิงอิงที่กำลังหยิบกระเป๋า เราลากันนิดหน่อยอิงอิงก็เดินออกไปทิ้งให้ฉันอยู่ในห้องสมุดท่ามกลางผู้คนแปลกหน้าคนเดียว ฉันนั่งอยู่คนเดียวนานมาก แต่ก็ไม่ได้โฟกัสที่ผู้ชายคนนั้นหรอกนะคะเพราะแอบมองก็เห็นเขากับเพื่อนของเขาที่หล่อดูดีไม่แพ้กันกำลังนั่งเปิดหนังสือท่าทางจะค้นคว้าข้อมูลอะไรอยู่เหมือนกันฉันก็เลยรีบหาข้อมูลงานของตัวเองบ้าง แต่หายังไงก็ไม่รู้สุดท้ายหาเพลินเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเขากับเพื่อนของเขาก็หายไปจากโต๊ะที่เคยนั่งแล้ว หายไปไหนล่ะม่านไหม หายได้ยังไง ปลาอุส่าห์จะติดเบ็ดทำไมเผลอให้เหยื่อหนีไปได้ แล้วจะทำยังไงต่อล่ะทีนี้ โคตรเซ็งเลยค่ะ จะมีโอกาสได้เจอเขาในสถานที่แบบนี้อีกไหมก็ไม่รู้ จังหวะกำลังจะได้อยู่แล้วเชียว ครืด~ “ถ้าเป็นพี่นั่งในห้องสมุดคนเดียวคงหลับไปนานแล้ว” “...คะ?” ในขณะที่กำลังเซ็งบ่นคนเดียวอยู่ในใจเสียงลากเก้าอี้ตัวข้าง ๆ ก็ดังพร้อมกับเสียงหล่อทุ้ม “พี่นั่งเป็นเพื่อน” “คะ?” ฉันพูดประโยคอื่นเป็นนะคะ แต่ฉันกำลังงง เพิ่งบ่นว่าปลาหายแต่ที่ไหนได้ปลากลับมาอยู่ใกล้ ๆ ซะได้ วันนี้มันวันอะไรของเธอม่านไหม ทำไมมันดีแบบนี้ “พี่นั่งเป็นเพื่อน” เขาย้ำคำเดิมพร้อมกับนั่งลงข้างฉัน “เอ่อ...ค่ะ” ฉันดึงสติตัวเองแล้วก็มองเขาจากนั้นก็รู้สึกตัวว่ารอบข้างมีสายตามากมายหลายสิบคู่มองมาที่โต๊ะนี้ “เห็นเพื่อนเราไปนานแล้ว แต่พอดีพี่ช่วยเพื่อนหางานอยู่เลยไม่ได้เข้ามาทักครับ” “อ่อ เพื่อนรีบไปทำธุระน่ะค่ะ ” อย่าตื่นเต้นม่านไหม อย่าแสดงอาการตื่นเต้นอะไรทั้งนั้น ทำตัวให้เป็นปกติแล้วก็รีบดึงคิดแผนต่อไปก่อน “ครับ หางานอะไรพี่ช่วยไหม” “อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ ได้งานครบแล้วกำลังจะเอาไปซีร็อกซ์ค่ะ” “ครับ ถ้างั้นพี่พาไป” เขาบอกฉันก็เลยยิ้มขอบคุณ ไม่ปฏิเสธหรอกค่ะ ปฏิเสธให้โง่ทำไมโอกาสดี ๆ มาถึงที่แล้ว ทั้งที่คิดว่าต้องกลับบ้านมือเปล่าอยู่แล้วแต่ปลามาให้จับเต็มมือซะขนาดนี้ใครปล่อยไปก็โง่เกินทน ฉันเดินเคียงข้างเขาไปที่โซนของร้านถ่ายเอกสารที่มีบริการอยู่ภายในห้องสมุด โชคดีเหมือนกันนะคะที่เขาพามาเพราะห้องสมุดที่นี่ใหญ่มาก ถ้าฉันมาคนเดียวอาจจะหาร้านถ่ายเอกสารไม่เจอก็ได้ เดินมาก็มีคนมองให้ความสนใจตลอดเวลา มีทั้งสายตาอยากรู้อยากเห็นแล้วก็สายตามองจิกจากผู้หญิงหลายสิบคู่ “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ถ้าไม่ได้พี่มาร์คัสป่านนี้คงยังนั่งงงอยู่ในกองหนังสือ” หลังจากที่ฉันกับเขาไปซีร็อกซ์เอกสารเสร็จก็เอาหนังสือไปคืน ระหว่างทางฉันก็ชวนคุยอีกรอบ “ยินดีครับ แล้วจะไปไหนต่อกลับมหาลัยเลยรึเปล่า” “ไม่แล้วล่ะค่ะวันนี้ไม่มีเรียนแล้วคงไปหาอะไรกินหน่อย” ฉันตอบให้เป็นปกติที่สุด ไม่ให้เขารู้ว่าฉันอ่อย “กินคนเดียว” “คงต้องอย่างนั้นล่ะค่ะ เพื่อนกลับไปแล้วนี่คะ” ฉันตอบยิ้ม ๆ ไม่แน่ใจว่ามันจะดูอ่อยไหม แต่คงไม่หรอกมั้งก็เขาเป็นฝ่ายถามก่อนนี่ “ถ้างั้นพี่ไปกินเป็นเพื่อนดีไหม” “คะ?” “พี่ไปกินเป็นเพื่อน กินคนเดียวเหงาแย่” “...ชีกอรึเปล่าคะเนี่ย” ฉันแกล้งทำเป็นมองหน้าเขาแล้วถามทีเล่นทีจริง เขาก็เลยยิ้มอ่อน ๆ มาให้ “ไม่หรอก ไม่ได้ชีกอ แค่อยากกิน...ข้าวเป็นเพื่อนครับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD