ผมแยกจากเธอหลังจากที่เราสองคนรู้จักชื่อของกันและกัน แต่...
อ่าส์! ผมแยกจากเธอที่ไหนกันล่ะ เธอต่างหากที่บอกชื่อเสร็จก็ก้มหัวให้ผมตามมารยาทแล้วก็เดินไป ทิ้งผมให้ยืนเก้อจนสุดท้ายต้องเดินกลับมาหาไอ้ภูผา
“น้องเขาเดินหนีมึงว่ะไอ้คัส”
“...น้องเขาอาย” ผมกลบเกลื่อนด้วยการบอกมันด้วยประโยคนี้ไอ้ภูผาก็แค่เบ้ปากนิดหน่อยแล้วก็ยักไหล่ จากนั้นมันก็สนใจโทรศัพท์ของมันต่อ
ส่วนผมก็นั่งมองเธอแต่มองได้ไม่นานก็ต้องกลับมาสนใจจุดประสงค์ของการเข้ามาอาคารต้องห้ามอย่างห้องสมุด เพราะผมต้องรีบหาข้อมูลเพื่อไปอ้างอิงงานส่งอาจารย์ ส่งไม่ทันโอกาสที่จะจบในเทอมนี้ริบหรี่แน่
MARCUS END
MANMAI TALK
“เธอสะกดเขาให้เดินตามมาหาเธอได้ยังไงกัน”
“ไม่รู้สิ” ฉันตอบอิงอิงที่ฉันลากมาเป็นเพื่อนด้วยความงงไม่ต่างจากเธอสักนิด วันนี้แค่ตั้งใจมาดูลาดเลาเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าจะต้องได้เข้าถึงตัวเขา แล้วอีกอย่างอยากจะมาหาข้อมูลจากห้องสมุดของที่นี่ด้วยเพราะฉันจะเตรียมไว้เสนอการทำวิจัยก็ถือโอกาสดูลาดเลาเสร็จเลยเข้ามาที่นี่ แต่ใครจะคิดว่าฉันจะได้เจอเขาในนี้อีกครั้ง แถมยังเป็นเขาที่เป็นฝ่ายเข้ามาหาฉันเอง
“แล้วมันน่าตลกไหมเธอว่า ไปส่องเขาที่ผับแทบทุกคืนไม่เคยแม้แต่สบตากัน แต่นี่อะไรมาที่มหาลัยดันเดินเข้ามาหาเองเฉยเลย แต่งตัวธรรมดาไม่ได้เซ็กซี่เหมือนตอนไปเที่ยวผับด้วย” อิงอิงกระซิบวิจารณ์เรื่องนี้ต่อ
“ไม่รู้เหมือนกัน” ฉันตอบได้เท่านี้ล่ะค่ะ ฉันเองก็งงมาก อันที่จริงตกใจมากกว่าตอนที่เขาเดินเข้ามาทักมาอาสาช่วยหาหนังสือ แต่โชคดีที่ฉันเก็บอารมณ์ทันก็เลยไม่ทำให้เขารู้ว่าฉันตื่นเต้นหรือตกใจ
“พี่มาร์คัสไม่เคยเข้าหาผู้หญิงก่อนเลยนะ”
“เขาอาจจะเข้าหาคนอื่นแต่เราไม่รู้รึเปล่า” ท่าทางเขาเป็นพวกกินไปเรื่อย ๆ ถ้าอยากกินแล้วผู้หญิงไม่รู้ตัวหรืออ่อยเขาไม่เป็นฉันว่ายังไงซะเขาก็ต้องเขาหาบ้างล่ะ ไม่มีผู้ชายคนไหนนั่งหล่อเป็นเทวดาให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายเข้าหาอยู่ฝ่ายเดียวได้หรอก
“ไม่เคยได้ยิน แต่ก็อาจจะใช่ แต่ช่างเรื่องนั้นเถอะ เอาปัจจุบันดีกว่า แลกเบอร์แลกไลน์รึยัง” อิงอิงพึมพำด้วยความสงสัยเช่นเคยแต่สุดท้ายก็สลัดความสงสัยออกแล้วถามฉันด้วยความตื่นเต้นแทน
“เปล่า” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ เสียดายอยู่เหมือนกันแต่เขาไม่ขอจะให้ฉันเป็นฝ่ายขอรึยังไงล่ะ ทำแบบนั้นก็เป็นการอ่อยอยากได้เขาไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นน่ะสิคะ
“อะไรอ่ะ เสียดาย” อิงอิงทำหน้าเซ็งใส่ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าความจริงแล้วในใจฉันมันเซ็งกว่าอีก
“เขาไม่ขอนี่ จะให้ขอก็ยังไง ๆ อยู่”
“เฮ้อ! แต่ไม่เป็นไร ระหว่างนี้นั่งสวย ๆ ให้เขาสนใจ ยังมีโอกาสต่อจนกว่าเขาจะเดินออกจากที่นี่”
“อื้ม” ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ ยังไม่หมดหวังหรอก
“แต่ตอนนี้เธอต้องอยู่คนเดียวแล้วนะ ถึงเวลาที่ฉันต้องไปตามนัดแล้ว” อิงอิงบอกฉันพร้อมกับโชว์หน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงเวลาให้ฉันดู
“ถึงเวลาต้องไปแล้วเหรอ” ฉันเศร้านิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก วันนี้อิงอิงมีนัดฉันโทรไปขอให้มาเป็นเพื่อนก็ดีเท่าไหร่แล้ว
“อยู่คนเดียวไปก่อน เดี๋ยวจะอ้อนขอน้ำหอมจากพี่กายมาฝาก ไปแล้วนะจ้ะม่านไหมคนสวย”
“จ้า โชคดีนะ” ฉันยิ้มพร้อมกับลาอิงอิงที่กำลังหยิบกระเป๋า เราลากันนิดหน่อยอิงอิงก็เดินออกไปทิ้งให้ฉันอยู่ในห้องสมุดท่ามกลางผู้คนแปลกหน้าคนเดียว
ฉันนั่งอยู่คนเดียวนานมาก แต่ก็ไม่ได้โฟกัสที่ผู้ชายคนนั้นหรอกนะคะเพราะแอบมองก็เห็นเขากับเพื่อนของเขาที่หล่อดูดีไม่แพ้กันกำลังนั่งเปิดหนังสือท่าทางจะค้นคว้าข้อมูลอะไรอยู่เหมือนกันฉันก็เลยรีบหาข้อมูลงานของตัวเองบ้าง แต่หายังไงก็ไม่รู้สุดท้ายหาเพลินเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเขากับเพื่อนของเขาก็หายไปจากโต๊ะที่เคยนั่งแล้ว
หายไปไหนล่ะม่านไหม หายได้ยังไง ปลาอุส่าห์จะติดเบ็ดทำไมเผลอให้เหยื่อหนีไปได้ แล้วจะทำยังไงต่อล่ะทีนี้
โคตรเซ็งเลยค่ะ จะมีโอกาสได้เจอเขาในสถานที่แบบนี้อีกไหมก็ไม่รู้ จังหวะกำลังจะได้อยู่แล้วเชียว
ครืด~
“ถ้าเป็นพี่นั่งในห้องสมุดคนเดียวคงหลับไปนานแล้ว”
“...คะ?” ในขณะที่กำลังเซ็งบ่นคนเดียวอยู่ในใจเสียงลากเก้าอี้ตัวข้าง ๆ ก็ดังพร้อมกับเสียงหล่อทุ้ม
“พี่นั่งเป็นเพื่อน”
“คะ?” ฉันพูดประโยคอื่นเป็นนะคะ แต่ฉันกำลังงง เพิ่งบ่นว่าปลาหายแต่ที่ไหนได้ปลากลับมาอยู่ใกล้ ๆ ซะได้ วันนี้มันวันอะไรของเธอม่านไหม ทำไมมันดีแบบนี้
“พี่นั่งเป็นเพื่อน” เขาย้ำคำเดิมพร้อมกับนั่งลงข้างฉัน
“เอ่อ...ค่ะ” ฉันดึงสติตัวเองแล้วก็มองเขาจากนั้นก็รู้สึกตัวว่ารอบข้างมีสายตามากมายหลายสิบคู่มองมาที่โต๊ะนี้
“เห็นเพื่อนเราไปนานแล้ว แต่พอดีพี่ช่วยเพื่อนหางานอยู่เลยไม่ได้เข้ามาทักครับ”
“อ่อ เพื่อนรีบไปทำธุระน่ะค่ะ ” อย่าตื่นเต้นม่านไหม อย่าแสดงอาการตื่นเต้นอะไรทั้งนั้น ทำตัวให้เป็นปกติแล้วก็รีบดึงคิดแผนต่อไปก่อน
“ครับ หางานอะไรพี่ช่วยไหม”
“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ ได้งานครบแล้วกำลังจะเอาไปซีร็อกซ์ค่ะ”
“ครับ ถ้างั้นพี่พาไป” เขาบอกฉันก็เลยยิ้มขอบคุณ ไม่ปฏิเสธหรอกค่ะ ปฏิเสธให้โง่ทำไมโอกาสดี ๆ มาถึงที่แล้ว ทั้งที่คิดว่าต้องกลับบ้านมือเปล่าอยู่แล้วแต่ปลามาให้จับเต็มมือซะขนาดนี้ใครปล่อยไปก็โง่เกินทน
ฉันเดินเคียงข้างเขาไปที่โซนของร้านถ่ายเอกสารที่มีบริการอยู่ภายในห้องสมุด โชคดีเหมือนกันนะคะที่เขาพามาเพราะห้องสมุดที่นี่ใหญ่มาก ถ้าฉันมาคนเดียวอาจจะหาร้านถ่ายเอกสารไม่เจอก็ได้ เดินมาก็มีคนมองให้ความสนใจตลอดเวลา มีทั้งสายตาอยากรู้อยากเห็นแล้วก็สายตามองจิกจากผู้หญิงหลายสิบคู่
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ถ้าไม่ได้พี่มาร์คัสป่านนี้คงยังนั่งงงอยู่ในกองหนังสือ” หลังจากที่ฉันกับเขาไปซีร็อกซ์เอกสารเสร็จก็เอาหนังสือไปคืน ระหว่างทางฉันก็ชวนคุยอีกรอบ
“ยินดีครับ แล้วจะไปไหนต่อกลับมหาลัยเลยรึเปล่า”
“ไม่แล้วล่ะค่ะวันนี้ไม่มีเรียนแล้วคงไปหาอะไรกินหน่อย” ฉันตอบให้เป็นปกติที่สุด ไม่ให้เขารู้ว่าฉันอ่อย
“กินคนเดียว”
“คงต้องอย่างนั้นล่ะค่ะ เพื่อนกลับไปแล้วนี่คะ” ฉันตอบยิ้ม ๆ ไม่แน่ใจว่ามันจะดูอ่อยไหม แต่คงไม่หรอกมั้งก็เขาเป็นฝ่ายถามก่อนนี่
“ถ้างั้นพี่ไปกินเป็นเพื่อนดีไหม”
“คะ?”
“พี่ไปกินเป็นเพื่อน กินคนเดียวเหงาแย่”
“...ชีกอรึเปล่าคะเนี่ย” ฉันแกล้งทำเป็นมองหน้าเขาแล้วถามทีเล่นทีจริง เขาก็เลยยิ้มอ่อน ๆ มาให้
“ไม่หรอก ไม่ได้ชีกอ แค่อยากกิน...ข้าวเป็นเพื่อนครับ”