“ไปพาตัวออกมาจากในห้อง”
เมื่อรถหรูของปรินทร์จอดเทียบท่าตรงบริเวณหน้าบ้านไร่ที่อยู่ห่างไกลความเจริญแบบมากๆ
เนื้อทองก็รีบลงจากรถและรีบวิ่งเข้าห้องนอนของตัวเองในทันที ไม่พูดไม่จาอะไรกับใครทั้งนั้น
ทำเอาปรินทร์ที่ก้าวลงรถตามมาถึงกับอารมณ์ขึ้นเรียกหาคนดูแลบ้านอย่างแดงอ้อยลั่นบ้าน
เขาต้องการตัวเด็กเหลือขอคนนั้นมาจัดการสั่งสอนเดี๋ยวนี้ โดยไม่สนใจว่าเวลานี้มันจะเริ่มมืดค่ำแล้วก็ตาม
เพราะเด็กคนนั้นดูช่างกล้าดีเกินตัวที่ทำให้เขาอารมณ์เสียแบบไม่มีหยุดพักเลยตั้งแต่เจอหน้ากัน
“ค่ะๆ”
แดงอ้อยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรีบวิ่งอย่างกุลีกุจอไปทำตามคำสั่งในทันทีทิ้งงานถักผ้าที่กำลังทำอยู่ไปเลย
เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าปรินทร์จะมาที่นี่พร้อมกับเนื้อทองเด็กสาวที่เธอคอยดูแลอยู่ ทำเอาเธอตกใจไม่น้อยถึงกับแสดงท่าทีลนลานออกไป
นับเป็นการมาเยือนบ้านไร่แห่งนี้ของปรินทร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบจะสิบแปดปี และเป็นการพบกันครั้งแรกของพ่อเลี้ยงและลูกเลี้ยง
สำหรับคนแก่อย่างเธอที่เฝ้ารอวันดีๆแบบนี้มาโดยตลอดก็ทำเอาดีใจปนตื่นเต้นขึ้นมาเลย
แต่ในความดีใจปนตื่นเต้นนั้นมีความกังวลซ่อนอยู่ด้วยเพราะว่าคงต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆไม่อย่างนั้นคนอย่างเนื้อทองไม่มีทางวิ่งหนีไปแบบนั้น
“คุณหนูเปิดประตูค่ะ คุณหนู”
แดงอ้อยเล่นตามน้ำไปก่อนตามคำสั่งพร้อมกับครุ่นคิดไปเรื่อยๆว่ามันกำลังมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ทำไมเด็กสาวที่ภายนอกแข็งแกร่งแต่ภายในน่าสงสารจับใจถึงได้วิ่งหนีมาแบบนั้น
ทั้งที่เด็กสาวนั้นเฝ้ารออยากจะเจอผู้เป็นพ่อมานานแสนนาน ไม่น่าจะแสดงอาการแบบนั้นออกมา
“ไปเอากุญแจสำรองมา”
ปรินทร์ยืนรอดูท่าทีของคนที่กล้าวิ่งหนีเขาไปสักพักโดยยังไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวใดๆกับสิ่งที่ใช้ให้แดงอ้อยทำ
แต่คนภายในห้องกลับเงียบไม่ตอบรับการร้องเรียกใดๆก็ทำเอาเขานั้นอยู่นิ่งๆต่อไปไม่ได้
เขาหันไปเรียกหาบุญส่งให้ไปหยิบกุญแจสำรองของห้องนี้ ที่บุญส่งมีหน้าที่เก็บรักษาไว้ออกมา
“ครับ”
บุญส่งรีบวิ่งไปหยิบกุญแจที่เก็บอยู่ในครัวเอามาให้กับผู้เป็นเจ้านายตามคำสั่ง
รีบร้อนไปมาอย่างลืมไปเลยว่าอายุนั้นหกสิบกว่าแล้ว ทำเอาเหนื่อยหอบแทบขาดใจเมื่อวิ่งกลับมาถึง
“คุณหนู คุณหนู”
ทันทีที่ปรินทร์เปิดห้องนอนของเนื้อทองออก แดงอ้อยก็รีบแทรกตัวเข้าไปในห้องนอนนั้นเป็นคนแรก
เธอรีบเรียกหาเด็กสาวเพื่อจะปกป้องเอาไว้ก่อนที่ปรินทร์จะเข้ามาภายในห้องนอนเล็กๆนี้
แต่มองหาเด็กสาวเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ภายในห้องนอนเล็กนั้นมีแต่ความว่างเปล่า
“ตัวแสบหนีไปจนได้ซินะ”
ปรินทร์ที่เดินเข้าภายในห้องตรงดิ่งไปยังหน้าต่างที่ถูกเปิดอยู่ทันที พร้อมกับก้มหน้าลงไปมองร่องรอยของการหนี
กรามหนาของชายหนุ่มถึงกับขบเข้าหากันแน่นเมื่ออารมณ์ร้อนกำลังปะทุภายในอกแทบระเบิดออกมา
มือหนาทุบลงตรงขอบหน้าต่างอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์ที่กำลังร้อนจนถึงจุดเดือดออกไป
“คุณหนูกระโดดหน้าต่างหนีไปแน่ๆ ทำไงกันดีวะยายแดง”
บุญแอบเดินเข้ามาภายในห้องนอนของเนื้อทองอีกคน แล้วรีบเข้าไปกระซิบกระซาบพูดกับแดงอ้อยด้วยความพยายามให้เงียบที่สุด ไม่ให้ปรินทร์ที่ยังยืนอยู่ตรงหน้าต่างได้ยิน
สถานการณ์ชักเริ่มตึงเครียดเข้าไปทุกทีแล้ว ชักเริ่มมีกลิ่นไม่ดีรุนแรงมากขึ้นทุกที
จนเขากำลังกลัวว่าเนื้อทองกำลังจะเดือดร้อนเพราะความดื้อที่ได้ก่อขึ้นมา
“เงียบก่อน”
แดงอ้อยหันไปตวาดสามีจอมพูดมากของเธอเบาๆเพราะไม่อยากให้ปรินทร์ได้ยินอะไรที่ทำให้ต้องมีความโมโหเพิ่มขึ้นมาอีก
ตอนนี้การทำตัวให้นิ่งไว้เป็นดีที่สุดน่าจะเป็นหนทางเดียวที่พอจะช่วยเนื้อทองเอาไว้ได้
เพราะนั้นเป็นการทำให้ปรินทร์ลดอารมณ์แห่งความโมโหลง และอาจไม่สนใจความดื้อของเนื้อทองอีก
“สั่งให้คนงานในไร่ตามหาเด็กนั้นให้เจอ”
ปรินทร์รีบเดินออกจากห้องนอนของเด็กเหลือขอคนนั้นแล้วเดินออกจากบ้านไป
โดยให้บุญส่งรับคำสั่งจากเขาไปกระจายให้คนงานภายในไร่รับรู้ เพราะเขาต้องการจะเจอตัวเด็กคนนั้นภายในคืนนี้
“สวัสดีครับคุณหนึ่ง”
ชุบคนงานเก่าแก่ประจำโรงเลี้ยงม้าชั้นดีของบ้านไร่ยกมือไหว้ผู้เป็นเจ้านายที่กำลังเดินตรงมาทางเขา
เขาเป็นเพียงคนงานเพียงคนเดียวในโรงเลี้ยงม้าที่รู้จักกับปรินทร์เพราะผู้เป็นเจ้านายคนนี้ไม่เคยมาเหยียบที่ไร่แห่งนี้มาเกือบจะยี่สิบปีแล้ว
แม้กาลเวลาจะผ่านมานานหลายปีที่ไม่เคยเจอหน้าผู้เป็นเจ้านายเลย แต่ปรินทร์ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีแก่ลงเลย ไม่เหมือนเขาที่แก่ลงทุกวันๆจนผมขาวแทบจะหมดหัวแล้ว
“พาทองขาวออกมา”
ปรินทร์เรียกหาม้าตัวใหม่ที่เขาเพิ่งสั่งมาจากต่างประเทศเพื่อมาเป็นพ่อพันธุ์ในการเพาะพันธุ์ม้าชั้นดีขาย
เขาจะขี่มันออกตามล่าเด็กแสบนั้น เพราะถ้าขับรถยนต์ไปอาจจะข้ามจุดที่เด็กนั้นหลบซ่อนตัวอยู่ได้
“ครับ”
ชุบรีบหันไปสั่งลูกน้องอีกทีเพราะเขาแก่เกินกว่าจะไปพาม้าตัวใหญ่นั้นมาเองแล้ว
ร่างกายของเขามันโรยราไปตามวัย ผิดกับผู้เป็นเจ้านายที่ยังดูหนุ่มแน่นราวกับอายุเพิ่งจะยี่สิบต้นๆ
“เธอจะต้องถูกลงโทษอย่างสาสมโดยไม่มีข้อยกเว้นเนื้อทอง”
ร่างหนาแสนกำยำของปรินทร์กระโดดขึ้นหลังม้าในทันทีพร้อมกับสายฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา
เขาควบม้าไปด้านหน้าด้วยความเร็วตามรอยเท้าเล็กๆที่วิ่งหนีออกมาจากบ้าน
“ไอ้รองเท้าบ้า”
เสียงเล็กๆของเนื้อทองกับทะเลาะกับรองเท้านักเรียนของเธอที่กำลังติดดินเหนียวๆอยู่เต็มไปหมดจนเดินต่อไม่ได้
และเธอก็จำต้องถอดรองเท้านั้นทิ้งไปอย่างไม่ใยดีเพราะถ้าขืนใส่มันต่อไปเธอคงหนีไปได้ไม่ไกลแน่นอน
ก็เพราะดินในไร่ที่มีการปลูกพืชมากมายที่เธอก็ไม่รู้จักว่ามันเป็นพืชอะไรด้วยไม่เคยใส่ใจถูกรดน้ำจนแฉะไปทุกพื้นที่และนั่นก็ทำให้ดินพวกนั้นติดรองเท้าของเธอ
และถ้าเธอโดนจับได้ขึ้นมาเธอจะถางพืชบ้าๆพวกนี้ทิ้งจะได้ไม่ต้องมีการรดน้ำอะไรกันอีก ต่อไปเธอจะได้หนีรอดไปได้
“จะมาตกอะไรกันตอนนี้เนี้ย คนยิ่งรีบๆอยู่”
ยังทะเลาะกับดินและรองเท้ายังไม่ทันจะจบดีเม็ดฝนก็โปรยปรายลงมาจากฝากฟ้าอีก
ทำเอาเด็กสาวที่ยังคงใส่ชุดนักเรียนอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นทะเลาะกับฟ้ากับฝนต่ออีก
แต่ถึงจะทะเลาะกับสิ่งรอบตัวไปทั่วๆเธอก็ไม่ลืมที่จะออกวิ่งไปข้างหน้าเพื่อจะไปยังไร่ข้างๆ ที่นั่นมีคนพอจะช่วยเธอได้อยู่
“รอยเท้าครับนาย น่าจะมุ่งหน้าไปทางไร่ลำไยครับ”
คนงานที่ช่วยกันออกตามหาร้องเรียกปรินทร์ที่ขี่ม้ามาหยุดอยู่ใกล้ๆเมื่อเจอเข้ากับรอยเท้าเล็กๆ
รอยเท้านั้นเป็นเท้าเปล่าชัดเจนที่วิ่งผ่าไปตามแปลงปลูกกะหล่ำปลีขนาดใหญ่มุ่งหน้าไปทางส่วนของไร่ลำไย
“เดี๋ยวกูตามต่อเองพาทองขาวไปดูแลด้วย”
ปรินทร์ลงจากหลังม้าแล้วเดินเท้าตามรอยเด็กเหลือขอนั้นไป โดยเขาไปเพียงลำพังไม่ได้ให้คนงานตามไป
เพราะตรงที่เขากำลังเดินไปนั้นมันไม่ใช่แค่ทางเดินไปยังส่วนของไร่ลำไยแต่ยังเป็นทางเดินไปยังท้ายไร่ที่มีพื้นที่ติดกับไร่ของพ่อเลี้ยงกมล
เขาไม่อยากคนอื่นที่นอกเหนือจากคนภายในไร่ของเขาต้องมารับรู้ว่าเขากำลังตามหาเด็กแสบนั้นอยู่
การที่เขาไปเพียงลำพังจะดีกว่า เพราะถ้าแห่กันไปหมดนี้คงต้องมีคนนอกมารับรู้แน่นอน
“ครับคุณหนึ่ง”
คนงานภายในไร่รีบยกขบวนกันเดินกลับไปในทันทีตามคำสั่ง เพราะฝนเริ่มลงเม็ดหนาตาขึ้นมากแล้ว
โดยมีคนงานที่เป็นชายฉกรรจ์สองคนคอยตามปรินทร์ไปห่างๆเพื่อรักษาความปลอดภัยให้
“สองปีก่อนมันยังไม่มีลวดหนามนี่นา ใครมาทำเพิ่มวะ เกะกะชะมัด”
เนื้อทองกึ่งวิ่งกึ่งเดินฝ่าสายฝนมาจนสุดทางเดินของไร่ลำไยถึงกับออกอาการเข่าอ่อนขึ้นมาทันที
เมื่อเธอนั้นมาเจอเข้ากับลวดหนามขึงเอาไว้เต็มไปหมดตรงรอยต่อระหว่างไร่สองไร่
สองปีก่อนเธอเคยมาที่ตรงนี้มันยังไม่มีอะไรแบบนี้เลย แล้วใครกันมาทำลวดหนามขวางเธอเอาไว้แบบนี้
“ฉันสั่งทำเอง”
เสียงหนาของปรินทร์ตอบคำถามที่เด็กสาวกำลังถามอยู่เสียงดังพอสมควรเพราะต้องแข่งกับเสียงฝน
เขานั้นเป็นคนสั่งทำรั้วลวดหนามนั้นขึ้นมาเอง เพราะพ่อเลี้ยงกมลเจ้าของไร่ข้างๆเริ่มทำไร่บุกรุกเข้ามาภายในไร่ของเขา
“งั้นก็เชิญอยู่ดูต่อไปเถอะ”
เนื้อทองปีนขึ้นไปบนรั้วลวดหนามอย่างไม่มีเกรงกลัวว่าจะถูกหนามของลวดเกี่ยวเอาแม้แต่นิด
และเพียงอึดใจเธอก็ขึ้นไปอยู่บนเส้นลวดเส้นบนสุดของรั้ว เพราะทักษะการกีฬาที่ร่ำเรียนมาในชั้นเรียน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ปรินทร์รีบสาวเท้าเดินเร็วเข้ามาหาร่างบางที่กำลังทำตัวเป็นลิงเป็นข้าง พร้อมกับตะโกนเรียกเสียงดังลั่น
“ฝันไปเถอะ โอ๊ย”
ร่างบางกระโดดลงมาจากรั้วลวดหนามลงไปยังไร่ของพ่อเลี้ยงกมล เธอนั้นกลิ้งไม่เป็นท่าลงไปในหลุมขนาดใหญ่ที่มีต้นหญ้าขึ้นปกคลุมอยู่
เธอส่งเสียงร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ในหลุมลึกนั้น