ตอนที่2(จบตอน)

1168 Words
หากไม่แพงมากก็จะต้องมีค่าทางจิตใจของฮ่องเต้มากหาไม่จะหน้าตาโกรธเคืองเช่นนี้หรือแม้แต่จางกุ้ยเฟยยังไม่กล้าขยับปากเลยด้วยซ้ำมันผิดปกติเกินไปแล้ว ทำให้นางต้องหันไปกระซิบกระซาบถามเอาความกับนางกำนัลคนสนิททันที “ชุดนี้เคยเป็นชุดแต่งงานของอดีตไทเฮาเพคะ ขนาดหลินฮองเฮายังไม่มีวาสนาจะได้สวม” “!!?” ซ่งไฉ่หนิงจำได้ว่าในนิยายที่ตนเองเขียนนั้นไม่มีเรื่องชุดแต่งงานพิเศษเช่นนี้ ทว่าบัดนี้กลับโผล่ขึ้นมาหรือนี่จะเป็นแค่โลกที่เสมือนในนิยายเรื่องจอมใจทรราชเท่านั้น “พบแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ไม่นาน กู้กงกง ขันทีคนสนิทข้างกายฮ่องเต้ซ่งไห่หยางก็วิ่งนำหน้าขันทีกับนางกำนัลวัยรุ่นอีกหกคนเข้ามา สายตาของทุกคนมองไปยังถาดที่นางกำนัลผู้หนึ่งประคับประคองตามหลังขันทีอาวุโสเข้ามาตาไม่กะพริบกันสักคนไม่เว้นแม้แต่ซ่งไฉ่หนิง “ถูกเผาหรือ?” เศษผ้าที่หลงเหลือให้เห็นว่าเป็นสีแดงนั้นเสียหายเพราะถูกเพลิงเผาไปเกือบห้าส่วน ถึงจะสามารถซ่อมแซมได้แต่ชุดแต่งงานที่ถูกเพลิงไหม้ไปแล้วเป็นอัปมงคลไม่ต้องไหม้ถึงห้าส่วนเช่นนี้แค่เพียงหนึ่งส่วนยังไม่ได้เลย ซ่งไฉ่หนิงยิ่งเริ่มมั่นใจว่าเนื้อเรื่องมันชักจะผิดเพี้ยนไปแปลก ๆ หรือเป็นเพราะนางข้ามภพข้ามมิติมาแทนซ่งไฉ่หนิงตัวจริงกันนะ “เป็นผู้ใดกัน?! เป็นผู้ใดมันบังอาจทำเช่นนี้” ฮ่องเต้ซ่งไห่หยางโกรธจนถึงกับหน้ามืดเมื่อเห็นชุดที่ตนเองตั้งใจส่งต่อมันให้กับบุตรสาวที่ตนเองรักใคร่ที่สุดแต่มิอาจแสดงออกให้ผู้อื่นหรือตัวของซ่งไฉ่หนิงนั้นทราบได้ มือแกร่งสั่นสะท้านเมื่อเขาเอื้อมออกไปจับเศษซากของอาภรณ์ที่พระมารดาของเขาเคยย้ำนักย้ำหนาให้เขามอบมันให้กับสตรีซึ่งตนเองรักที่สุดแต่สตรีนางนั้นก็วาสนาน้อยมิอาจได้สวมเขาจึงเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีเพื่อมอบให้กับเลือดเนื้อของนางแต่สุดท้ายก็ถูกเผาเป็นเศษซากอยู่ในมือของเขาจนได้ บุรุษวัยสี่สิบเจ็ดหนาวถึงกับหัวไหล่ตกงองุ้มดูแก่ชรากว่าวัยลงทันตา “ฝ่าบาท...” หลินฮองเฮาไม่กล้าจะเปิดปากและก้าวเข้าไปใกล้มีเพียงจางกุ้ยเฟยที่กล้าหาญเห็นแล้วซ่งไฉ่หนิงก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้องแต่นางก็ไม่อยากสอดมือเข้าไปยุ่งให้ทุกสิ่งในเรื่องผิดเพี้ยนมากไปกว่านี้เลยทำได้แต่นั่งสงบนิ่งมองดูผู้เป็นบิดาโมโหจนตัวสั่นตาแดงก่ำไปหมด “ตามหาคนทำมาให้เจิ้น หากภายในพรุ่งนี้เช้าเจิ้นไม่ได้ประหารคนชำระแค้นที่ชุดนี้ถูกเผาพวกเจ้าจะต้องร่วมกันรับผิดชอบ” ไม่ถูกต้อง! ซ่งไฉ่หนิงอยากจะคัดค้านแต่แค่ขยับปากจงอี้ผิงก็รีบกระตุกแขนเสื้อของนางเอาไว้ หญิงสาวเหลียวกลับไปมองนางกำนัลคนสนิททันทีเพราะไม่พอใจที่อีกฝ่ายมาขัดขวางไม่ให้นางห้ามปรามฮ่องเต้ “อย่าเพคะองค์หญิง ฝ่าบาทตรัสแล้วยากจะแก้ไข” จงอี้ผิงเองก็กระซิบกระซาบเตือนกลับมา ทำให้ซ่งไฉ่หนิงได้สติว่าบิดาของตนเองเป็นถึงฮ่องเต้ เป็นใหญ่ที่สุดในต้าเหลียงถึงไม่ถูกต้องแต่อีกฝ่ายถูกใจผู้ใดจะไปกล้าทัดทานแม้แต่นางที่เป็นบุตรสาวต่อหน้าขุนนางและข้ารับใช้นับร้อยชีวิตนางยิ่งมิอาจสอดแทรกคัดค้านได้เลย ไม่ถูกต้องนั้นมันแน่อยู่แล้วเพราะการสืบหาคนลงมืออย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหากให้เวลาเพียงพรุ่งนี้เช้ามันแน่นอนอยู่แล้วว่าเหล่าองครักษ์และขันทีภายในวังคงหาคนไร้อำนาจไร้พรรคพวกมาเป็นแพะสังเวยความเคียดแค้นให้ฮ่องเต้อยู่แล้วแต่เหนืออื่นใดเหมือนฮ่องเต้จะทรงทราบว่าเป็นฝีมือของผู้ใดแต่เขาต้องการปกป้องคนร้ายผู้นั้นมากกว่าจึงเอ่ยสั่งการเช่นนี้ สุดท้ายซ่งไฉ่หนิงทนไม่ไหวจึงอ้างว่าตนเองจะเป็นลมเพราะตกใจเสียขวัญรวมกับที่นางเพิ่งฟื้นไข้และเหน็ดเหนื่อยกับการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวจึงขอตัวกลับตำหนักไปพักฮ่องเต้เห็นบุตรสาวใบหน้าซีดขาวก็ใจอ่อนอนุญาตให้นางไปพักผ่อนได้ส่วนชุดแต่งงานก็ให้จางกุ้ยเฟยควบคุมคนตัดเย็บขึ้นมาใหม่ ขณะที่หันหลังจากมาซ่งไฉ่หนิงรับรู้ถึงสายตาอำมหิตที่แผดเผามายังด้านหลังของตนเองนางจึงหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับไปมองยังเบื้องหลังก็พบเข้ากับสายตาของพี่สาวเช่นซ่งหลิงจูที่อายุห่างกับนางอยู่สามเดือนมองมาเพียงผู้เดียวเท่านั้นแต่สายตาของหลิงจูกงจู่นั้นก็ไม่แข็งกร้าวพอที่จะทำให้นางรับรู้ได้ถึงความชิงชังจนอยากสังหารกันได้เช่นเมื่อครู่นี่นา …เช่นนั้นยังมีใครเคียดแค้นข้าถึงเพียงนั้นกันเล่า? … ขนบนหลังลำคอพลันลุกซู่เพราะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา หรือเนื้อเรื่องจะเปลี่ยนไปจนนางมิอาจควบคุมหรือรับรู้ถึงภัยร้ายที่จะมาถึงตัวได้แล้วจริง ๆ “องค์หญิง...” “ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ” พอเห็นว่าผู้เป็นนายหยุดฝีเท้านานจงอี้ผิงจึงสะกิดถาม ซ่งไฉ่หนิงหันกายกลับมาแล้วตอบว่าตนเองไม่มีอะไรติดค้างจากนั้นก็ชวนหนึ่งนางกำนัลกับหนึ่งขันทีกลับตำหนักดังเดิม แต่ภายในใจของหญิงสาวนั้นกลับคิดวนเวียนไปมาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นยากจะหยุดได้ เพราะนางยังมีความทรงจำของหญิงสาววัยทำงานอายุสามสิบห้าปีนั้นติดดวงจิตมาเต็มเปี่ยมมันจึงทำให้นางสามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายสังหารอำมหิตเมื่อครู่ได้อย่างแม่นยำ ไหนจะเรื่องขโมยชุดแต่งงานไปเผาแต่ฮ่องเต้ออกตัวปกป้องคนผู้นั้นนี่มันจะอันตรายเกินไปแล้วนะ! คิดไปคิดมาคนที่น่าสงสัยก็มีเพียงหลินซีเหยา แต่หลินซีเหยาที่นางสร้างขึ้นมากับมือเป็นคนดี จิตใจงามมากคุณธรรมแล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะคิดขโมยชุดแต่งงานซ่งไฉ่หนิงไปเผาทำลายเช่นนั้น แล้วหากเป็นหลินซีเหยาฮ่องเต้เหตุใดจึงปกป้องนางด้วยเพราะอีกฝ่ายก็เป็นเพียงบุตรสาวบุญธรรมของฮองเฮาเท่านั้น หากเทียบความสำคัญคาดว่าในใจของฮ่องเต้ซ่งไห่หยางผู้ร้ายในเงามืดจะต้องสำคัญมากว่าบุตรสาวบุญธรรมของฮองเฮาเป็นแน่เพราะดูแล้วชุดแต่งงานดังกล่าวสูงค่าทางจิตใจกับฮ่องเต้ยิ่งนัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD