ตอนที่ 10

1222 Words
“มิน…” เขาเรียกชื่อเธอ แม้น้ำเสียงจะแผ่วเบาจนเกือบจะเป็นกระซิบกระซาบ หากคำนั้นก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เขาเค้นมันออกมาจากหัวใจ “อะไรหรือ…” หญิงสาวย่นหน้าผาก มองตาเขา จากนั้นก็ลดสายตาไปมองกล่องกำมะหยี่สีแดงสด รูปหัวใจ ที่อยู่ในมือของเขา รู้ได้ทันทีว่าเขากำลังจะแสดงบางอย่างให้เธอประหลาดใจ “หยงมีของจะให้” กล่าวพร้อมกับเผยสิ่งของที่ซ่อนอยู่ในมือ                 “อย่าบอกนะว่า…” มินตราอุทานลั่น คิ้วโค้งขมวดมุ่นด้วยความฉงน ทว่าไม่ทันที่หยงจะได้กล่าวอะไรมากไปกว่านั้น  ด้วยความตกใจ มินตรารีบชิงถามตัดหน้า “เนื่องในโอกาสอะไร” “โอกาส…” หยงทวนคำถาม พร้อมๆกับครุ่นคิดว่าจะตอบอย่างไรดี “ใช่…โอกาสอะไร” เธอถามอีก น้ำเสียงเต็มไปด้วยอารมณ์คาดคั้น รู้สึกไม่พอใจ เมื่อหยงกำลังจะก้ามข้ามเส้นบางๆที่กั้นขวางอยู่ระหว่างคำว่า ‘มิตรภาพ’ กับ ‘ความรัก’ “อย่าคิดมากน่ะ…คิดเสียว่าเนื่องในโอกาสที่อยากให้” หยงเสไปอีกทาง ตอบเขินๆ รู้ดีว่าคำพูดที่ตอบไปไม่ตรงกับความตั้งใจเอาไว้แต่แรก มินตราจ้องมองแหวนทองสุกปลั่งที่อยู่ในมือของเขา ประมาณด้วยสายตา คิดว่ามูลค่าคงไม่ตำกว่าหนึ่งบาท ทว่าด้วยความที่เป็นทองตัน ขึ้นรูปได้อย่างวิจิตรงดงาม จึงทำให้ขนาดของมันดูไม่เทอะทะ เมื่อเทียบกับลำนิ้วน้อยๆของเธอ “ไม่…มินรับเอาไว้ไม่ได้” เธอส่ายหน้า “งั้นก็คิดเสียว่าหยงให้เป็นของขวัญเนื่องในโอกาสที่มินเรียนจบ” ชายหนุ่มพยายามหาวาระ เมื่อประเมินเอาจากสีหน้าและท่าทีของมินตรา คิดว่าอย่างไรเสียเธอคงไม่รับแน่ๆ “ขอบใจนะ…แต่ขอโทษที่มินไม่อาจจะรับไว้ได้” เธอยืนกราน แววตาดูอึดอัดขึ้นมาในทันที เมื่อต้องพยายามหาเหตุปฏิเสธน้ำใจจากเขา “ทำไมต้องคิดมากด้วยล่ะ…ทำไมเพื่อนจะให้ของขวัญเพื่อนไม่ได้” หยงหน้าเจื่อน หัวคิ้วขมวดมุ่นตั้งคำถามกับคนตรงหน้า “ในฐานะเพื่อนใช่ไหม?” มินตราเลิกคิ้ว ถามย้ำ ไม่อยากให้หยงเสียน้ำใจ “ใช่…” เขาพยักหน้า “แล้วไม่รู้สึกว่ามันออกจะแปลกๆหรอกหรือ” “แปลกยังไง” หยงเอียงคอถาม “เพื่อนแบบไหน…ที่เขาให้แหวนกัน” มินตราคิดว่าคำพูดของเธออาจสะกิดให้หยงฉุกคิดขึ้นมาบ้าง “ก็เพื่อนแบบหยงนี่แหละ…ได้โปรดรับไว้ ถ้าไม่อยากให้เพื่อนคนนี้เสียใจ” “มินจะบอกอะไรให้…เพื่อนเขาไม่ให้แหวนกันหรอกนะ” หญิงสาวกล่าวไปตามความรู้สึก “งั้นก็ยอมเป็นแฟนหยงสิ จะได้ไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะรับเอาไว้” เขารีบทึกทัก “บ้า…อีกแล้วนะ ลืมไปแล้วหรือว่าครั้งหนึ่ง มินเคยบอกแล้วว่าหยงคือเพื่อนที่แสนดี และจะเป็นไปตลอด…กระทั่งตอนนี้” “แล้ววันข้างหน้าล่ะมิน?...มันไม่มีโอกาสบ้างเชียวหรือ ที่จะพัฒนาไปมากกว่าเพื่อน” แววความหวังผุดขึ้นมาในดวงตาของคนถาม “มินเสแสร้งไม่ได้…ความรู้สึกของมินที่มีต่อหยง มันเกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ว่าหยงคือเพื่อนที่แสนดี…และไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้” เธอจ้องตาเขาขณะกล่าว เหมือนจะบอกว่าดวงตาโกหกไม่ได้ “ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมันได้…แม้แต่วันเวลาใช่ไหม?” ผิวขาวบนใบหน้าของชายหนุ่ม ซีดลงไปอีก เมื่อกล่าวมาถึงตอนนี้ “ใช่” มินตราตอบออกไปตามตรง คิดว่าความจริงซึ่งอาจเจ็บปวดเพียงชั่วขณะในนาทีนี้ ดีกว่าต้องให้หยงแบกความทุกข์ใจเอาไว้ถึงวันข้างหน้าซึ่งอาจจะเจ็บกว่า “เคยได้ยินไหม…น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน” ชายหนุ่มเปรียบเปรย “แต่ใจมินไม่ใช่หิน…หรือไม่ก็อาจจะแกร่งกว่าหิน” เธอแย้ง   “ขอบใจที่พูดออกมาตรงๆ…ตรงมากจนไม่เหลือความหวังอะไรเอาไว้ให้กับหยงเลย” น้ำเสียงของชายหนุ่มตัดพ้อออกมาด้วยความน้อยใจ “ขอบใจมาก…ที่เข้าใจมิน” เธอเอื้อมมือเรียวไปกุมหลังมือของเขา รู้สึกขอบคุณหยง เพราะตลอดช่วงเวลาที่คบหากัน หยงให้เกียรติเธอมาโดยตลอด ไม่เคยล่วงเกินเธอเลยสักครั้ง หยงรู้สึกเป็นสุข ในช่วงสั้นๆที่อุ้งมือเธอสัมผัสหลังมือเขา หญิงสาวคงไม่รู้หรอกว่าความอุ่นซ่านลงไปถึงหัวใจของเขา “เค้าเรียกว่าตบหัวแล้วลูบหลัง” หยงทำหน้าง้ำ น้ำเสียงดีขึ้น จากนั้นก็คว้ามือของมินตราที่บีบหลังมือของตนเบาๆอยู่ในขณะนั้น “เฮ้ย!” หญิงสาวอุทานลั่น พยายามจะชักมือกลับ ทว่าช้ากว่ามือของหยง มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่แหวนทองสุกปลั่งวงนั้นถูกสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอเป็นที่เรียบร้อย “เอาคืนไปหยง” เธอส่ายหน้า ทำท่าว่าจะถอดแหวนคืนเขา “ถ้าไม่รับแต่โดยดี…หยงจะตะโกนบอกรัก จะคุกเข่าให้คนทั้งร้านมอง” ไม่เพียงแค่ขู่ หากยังขยับจะทำตามที่พูดจริงๆ “บ้า!...อย่าทำแบบนั้นนะ เอ่อ…รับก็ได้ แต่แค่เพื่อนเท่านั้นนะ” มินตรารีบบอก เพราะเสียงของหยงที่เริ่มดังขึ้น ทำให้คนทั้งร้านหันมองมาทางโต๊ะของเธอกับเขาเป็นตาเดียวกัน “อือๆ…” หยงรีบพยักหน้า ยิ้มจนตาหยี ความสุขท้นท่วมอยู่บนใบหน้า ริมฝีปากประดับรอยยิ้มรื่น ชื่นใจที่หญิงสาวตรงหน้ายอมรับแหวนเอาไว้ในที่สุด มินตราจ้องมองดูแหวนที่หยงเพิ่งสวมให้ด้วยมือของเขาเอง นึกตำหนิหยงอยู่ในใจว่าหากของขวัญที่เขาให้ สามารถเปลี่ยนไปเป็นตุ๊กตาหมีสักตัวหรือดอกไม้สักช่อ เธอคงรู้สึกดีกว่าแหวนซึ่งมีนัยเป็นรูปหัวใจวงนี้ ชั่วอึดใจจากนั้น ก๋วยเตี๋ยวสองชามก็ถูกเสริฟลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเส้นหมี่ขาวลวกที่เจืออยู่กับกลิ่นกระเทียมเจียวจางๆ ช่างหอมจับใจ ยั่วน้ำลายคนหิวเป็นที่สุด “มินไม่เกรงใจละนะ” กล่าวจบเธอก็เอื้อมหยิบช้อนจากกล่องใส่ช้อน หยงยื่นตะเกียบให้ จากนั้นก็นั่งมองหญิงสาวกินก๋วยเตี๋ยวล่วงหน้าไปก่อนด้วยความเอร็ดอร่อย “กินได้แล้ว…เดี๋ยวเส้นอืดหมด” เธอว่า ช้อนสายตาขึ้นมองเขา หยงคิดในใจว่าเส้นก๋วยเตี๋ยวที่อืด ไม่ต่างอะไรกับหัวใจของเขาที่อิ่มพองไปด้วยความรู้สึก ไม่คิดว่าบางครั้งความสุขของเขาก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆ จากการนั่งมองคนที่รักกินก๋วยเตี๋ยว “กินซะก่อน…เดี๋ยวไม่อร่อย” มินตราคะยั้นคะยอชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้งด้วยน้ำเสียงและแววตา “ตอนนี้ไม่ว่าจะกินอะไรก็อร่อยหมดแหละ” หยงกล่าวยิ้มๆ จากนั้นก็เริ่มกินก๋วยเตี๋ยวที่เส้นของมันเริ่มอืดอยู่ในชาม เขาไม่ได้เติมเครื่องปรุงเลยสักนิด หากสีหน้านั้นก็บ่งบอกว่าอร่อยจริงๆ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD