“ไปรถหยงนะ” ชายหนุ่มบอก พลางก้าวตรงไปยังที่จอดรถส่วนตัวของเจ้าของตลาด ใกล้ๆกับสำนักงานของผู้เป็นพ่อ ซึ่งเถ้าแก่ฮงมักจะแวะเวียนเข้ามาที่ตลาดแห่งนี้อาทิตย์ละสองสามครั้ง เพื่อดูแลความเรียบร้อยของผู้เช่าแผงค้า น้ำ ไฟ ตลอดจนพนักงานที่จ้างเอาไว้ทำความสะอาด รวมทั้งยามที่คอยตรวจตราให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย
“เดินไปก็ได้…ไม่ไกลเท่าไร หน้าปากซอยแค่นี้เอง” หญิงสาวบอก
“หยงไม่อยากให้เสียเวลา…เดี๋ยวต้องรีบกลับมาช่วยน้ายุพาเก็บร้านไม่ใช่หรือ” เขายกเหตุผลขึ้นมาอ้าง ที่จริงหยงห่วงเรื่องเวลาของตัวเองมากกว่า ไม่อยากให้เวลาที่ควรจะได้ใช้ร่วมกันบนโต๊ะก๋วยเตี๋ยวต้องมาหมดไปกับการเดินทาง
ครู่เดียวรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีขาวคันใหญ่ ก็ถอยออกจากลานจอดรถ แล้วขับเคลื่อนออกไปช้าๆ
“ขนมตาลขนมใส่ไส้อร่อยๆจ้า” ยุพาร้องเรียกลูกค้าเป็นระยะๆ ใช้เวลาไม่นาน ขนมตาลและขนมใส่ไส้เต็มกระจาด ก็พร่องหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนแจกฟรี
ด้วยฝีมือทำขนมของยุพาซึ่งเป็นที่รับรู้โดยทั่วกันว่ารสชาติความอร่อยเป็นเลิศ ไม่เป็นรองใคร ยุพาทำขนมได้หลายอย่าง จึงไม่แปลกที่บ่อยครั้งมักจะมีคนมาขอสูตรลับจากเธอ ซึ่งยุพาก็ตอบออกไปตามตรงว่าเธอไม่มีสูตรลับอะไร ที่ขนมใส่ไส้ของเธอเป็นที่ถูกอกถูกใจลูกค้า ก็เพราะเธอไม่เคยออมวัตถุดิบ ขนมแต่ละห่อจึงถึงพร้อมด้วยรสชาติของกะทิ แป้ง น้ำตาล แม้ตระหนักดีว่ากำไรจากขนมแต่ละห่อจะไม่มากนัก ทว่ายุพาก็ไม่ใช่แม่ค้าที่คิดจะเอารัดเอาเปรียบลูกค้า ต่างจากแม่ค้าบางรายที่นิยมห่อขนมด้วยใบตองหนาเตอะ แต่พอแกะห่อออกมา จึงได้รู้ว่ามีเนื้อขนมอยู่เพียงน้อยนิด
เมื่อก้าวเข้ามาในร้านก๋วยเตี๋ยว หยงขยับเก้าอี้ให้มินตรานั่ง ตัวเองค่อยนั่งทีหลัง พร้อมๆกับหยิบเมนูส่งให้หญิงสาว
“ขอบใจจ้ะ” มินตรานึกชื่นชมในความเป็นสุภาพบุรุษของหยง ที่แสดงออกกับเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย
“เอาเส้นหมี่ลูกชิ้นน้ำใสเหมือนเดิมหรือเปล่า” หยงถามขึ้นมาก่อนที่มินตราจะสั่ง เขาไม่เคยลืมว่าเธอชอบอะไร คำว่า ‘เหมือนเดิมหรือเปล่า?’ ก็บอกเป็นนัยว่าเขารู้ใจเธอ
“แน่ะ…รู้อีก” เธอว่า
“เกี่ยวกับมิน…หยงรู้ทุกอย่างแหละ” กล่าวจบก็อมยิ้ม สีหน้าดูระรื่นขึ้นทันใด
“ช่วงหลังเราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ” หยงกล่าวต่อ มินตรารู้สึกได้ในน้ำเสียงตัดพ้อของเขา ทั้งที่ความจริงก็เกิดจากตัวหยงเอง ที่ต้องเข้าไปเรียนในกรุงเทพฯ เทอมสุดท้ายหยงต้องเรียนหนักจนแทบไม่มีเวลากลับบ้าน หลายๆครั้งที่เถ้าแก่ฮงต้องโทรไปตาม
“ถ้าอยากเจอมิน ก็แค่แวะมาที่ตลาด” หญิงสาวตอบ
หลายปีที่ผ่านมา มินตราก็ช่วยแม่ขายของอยู่ในตลาดแห่งนั้น และคงจะยังดำเนินต่อไป ตราบเท่าที่ครอบครัวยังต้องอาศัยตลาดแห่งนี้เป็นที่ค้าขาย
“พูดยังกับว่าเบื่อตลาดแห่งนี้ยังงั้นแหละ” หยงว่า รู้สึกได้ถึงความเหนื่อยหน่ายที่ซ่อนซุกอยู่ในน้ำเสียงของหญิงสาว ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่ขายของมานาน ทั้งความร้อนจากไอแดด ฝุ่นควันจากรถราที่สัญจรไปมาไม่ขาดสาย
“มินไม่อยากให้แม่เหนื่อยมาก ตอนนี้ก็เรียนจบแล้ว คิดว่าตัวเองควรจะแบ่งเบาภาระครอบครัวได้มากกว่าการมาช่วยแม่ขายขนม” มีความสลดเจืออยู่ในน้ำเสียง มินตรารู้ดีว่ายุพาผู้เป็นแม่ก็เริ่มอ่อนล้า แม้ยุพาจะไม่เคยเอ่ยออกมาให้เธอได้ยินเลยสักครั้งว่าเหนื่อยหรือท้อ หากบางครั้งมินตราก็รู้สึกได้เอง ถึงความระทดท้อที่วูบไหวอยู่เบื้องหลังประกายตาของแม่ ทุกครั้งที่เธอเห็นแม่ยกหลังมือขึ้นปาดสายเหงื่อที่รินไหล ความเจ็บแปลบก็เกิดขึ้นที่ใจทุกครั้ง ว่าเธอควรจะช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้มากกว่านี้
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะ…ที่เรียนจบแล้ว” หยงกล่าวยิ้มๆ ล้วงสิ่งของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตน กำซ่อนเอาไว้ในมือ
หยงนึกในใจว่าช่วงที่ผ่านๆมา หากตัวเองตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้ ไม่เกเรจนต้องหยุดเรียนไปสองปี ป่านนี้ก็คงเรียนจบไล่เลี่ยกับมินตรา
ตอนวัยรุ่น หยงมีความคึกคะนองไปตามประสาผู้ชาย ด้วยความอยากรู้อยากลอง ทำให้หลงไปคบเพื่อนเกเรจนเกือบพาไปเสียผู้เสียคน ดีที่กลับตัวได้ทัน ก่อนจะถลำเข้าสู่ห้วงอบายที่เพื่อนชายหลายคนหลงเข้าไปในวังวนของมัน ทั้งยาเสพติดและการพนันจนยากที่จะถอนตัวกลับ
หยงไม่แน่ใจว่ามินตราจะรู้ตัวหรือเปล่า ว่าหลังจากที่ได้รู้จักกัน คำชี้แนะหลายๆอย่างของมินตรา ช่วยดึงเขาออกมาจากอบายมุขทั้งหลายที่เขาเกือบถลำเข้าไปหามันด้วยความอ่อนต่อโลก
ด้วยความที่หยงเกิดมาในครอบครัวคนจีนที่มีฐานะ เงินกงสีที่เตี่ยของเขาได้รับมา มากพอที่จะใช้จ่ายได้อย่างสุขสบายไปทั้งชาติ หยงเติบโตอยู่บนกองเงินกองทอง ราวกับแต่ละก้าวของชีวิตรองโรยเอาไว้ด้วยกลีบกุหลาบ ชีวิตแทบไม่เคยสัมผัสกับด้านที่เรียกว่าความยากจนข้นแค้น และความมีพร้อมนี้เองที่ทำให้บางครั้ง หยงดูเป็นคนขาดความเพียรพยายาม
บุคลิกภาพของหยงดูเป็นคนใจดีและใจเย็นราวกับสายน้ำ จนหลายๆครั้งก็ดูเรื่อยเอื่อยเฉื่อยชา ความมั่งมีและชีวิตที่เติบใหญ่ขึ้นมาอย่างคุณหนู ท่ามกลางการประคบประหงมห้อมล้อมของผู้คนรอบข้าง ทำให้หยงสูญเสียลักษณะของความเป็นผู้ชายสู้ชีวิต ซึ่งในบางครั้งมินตราก็รู้สึกว่าหยงเฉื่อยฉาที่จะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในหลายๆสิ่งที่ลงมือทำ
มินตราคิดว่าหากหยงไม่ได้เกิดมาท่ามกลางกองเงินกองทองของเตี่ยอย่างเช่นทุกวันนี้ เขาก็อาจจะดึงศักยภาพและพรสวรรค์ของตัวเองที่ซ่อนอยู่ ออกมาใช้อย่างถึงที่สุด
มินตราอดที่จะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับหยงไม่ได้ เขาสุขสบายจนแทบไม่เคยต้องใช้ความพยายามไขว่คว้าเพื่อที่จะได้อะไรมาสักอย่าง ต่างจากเธอที่บางครั้งต้องดิ้นรนแทบสุดแรงชีวิต เพื่อจะมีชีวิตอยู่ให้ได้ในโลกที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ
“จะรับปริญญาเมื่อไร” ชายหนุ่มถาม
“กลางปีหน้า” หญิงสาวตอบพลางเชยใบหน้าขึ้นมองเขา