เมื่อถึงช่วงค่ำหลังจากทานมื้อเย็นเสร็จแล้ว ป๊ากับม๊าก็นั่งดูทีวีด้วยกันในห้องนั่งเล่น ฉันจึงใช้โอกาสนี้เดินเข้าไปหา ทำทีเป็นนั่งลงบนพื้นเกาะขาม๊าแล้วซบแก้มอย่างออดอ้อน
“ทำไมวันนี้มาแปลก ปกติไม่เห็นจะอ้อนม๊าอย่างนี้เลย” ม๊าเอื้อมมือมาลูบกลางกระหม่อมฉันเบา ๆ ในขณะสายตายังคงจ้องมองหน้าจอทีวี
“แปลกตรงไหนม๊า หนูแค่อยากอ้อนม๊าบ้างก็เท่านั้นเอง” ฉันว่าพร้อมทั้งเหลือบตามองดูหน้าป๊าว่าตอนนี้อยู่ในอารมณ์ไหน แต่ก็ต้องตกใจจนสะดุ้งเมื่อท่านหันมามองหน้าฉันราวกับรู้ตัว
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย สีหน้าแกมันมีพิรุธ บอกมาซะดี ๆ ว่าไปทำอะไรไว้”
ได้ยินอย่างนั้นฉันก็ตัวชา หัวใจเต้นแรงจนต้องพรูลมออกจากปากเพื่อระบายความตื่นเต้น ยังคงกอดขาม๊าไว้อยู่อย่างนั้นเพราะกลัวว่าป๊าจะดุให้
“ถ้าหนูบอกแล้วห้ามโวยวายเด็ดขาดนะ”
“ทำไมต้องโวยวายล่ะด้วยหรือว่าแกท้อง” ว่าแล้วป๊าก็ขำเบา ๆ หันไปสนใจหน้าจอทีวีต่อ
ฉันกลืนนี้ลายลงคืออย่างฝืด ๆ ป๊าพูดแล้วขำอย่างนี้แสดงว่าท่านคงไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับฉันจริง ๆ สินะ รู้อย่างนี้ยิ่งกดดันเข้าไปใหญ่
“มีอะไรก็รีบบอกมาสิอีกไม่นานป๊ากับม๊าจะขึ้นนอนแล้วนะ” ม๊าเอ่ยกับฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกครั้ง
“ป๊า ม๊า คือหนู...ท้อง” ฉันตัดสินใจบอกความจริงไป ก่อนจะก้มหน้ารอรับการลงทัณฑ์จากป๊า
สำหรับม๊าแล้วท่านใจดีไม่เคยดุด่าว่ากล่าวจึงพอยังวางใจได้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็รู้สึกผิดที่ทำให้ท่านผิดหวัง การท้องก่อนแต่งมันเป็นเรื่องเสื่อมเสียสำหรับลูกผู้หญิงอยู่แล้ว แต่ทว่าท้องกับผู้ชายที่ไม่ได้เป็นแฟนยิ่งน่าขายหน้าเข้าไปใหญ่
“แกล้อป๊าเล่นใช่ไหม เพิ่งรู้ว่าเป็นคนตลกก็วันนี้ล่ะ” ป๊าหันมามองยังคงขำไม่หยุด
“หนูไม่ได้ล้อเล่นหนูท้องจริง ๆ นะป๊า ท้องได้สองเดือนแล้วด้วย” ฉันกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง สื่อให้ท่านรู้ว่าตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องตลกอีกแล้ว
“แกพูดจริงเหรอข้าว!” ม๊าถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เห็นสีหน้าม๊าแล้วก็รู้สึกผิดมากเหลือเกิน
“จริงค่ะม๊า ฮึก หนูขอโทษหนูผิดไปแล้ว หนูไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น” ฉันก้มกราบแทบเท้าม๊าขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร ห๊ะ! บอกฉันมาเดี๋ยวนี้” ป๊าลุกตึงตังขึ้นจากโซฟาจ้องเขม็งมายังฉันด้วยความโมโหร้าย ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยเห็นท่านโกรธหนักขนาดนี้มาก่อน
“ฮึก...หนูไม่อยากพูดถึงเขาอีกแล้ว หนูตัดสินใจจะเลี้ยงลูกเอง” ฉันตอบกลับด้วยน้ำตา
“นังลูกไม่รักดีแค่ท้องก่อนแต่งก็น่าอับอายมากพอแล้ว นี่ยังท้องไม่มีพ่ออีกงั้นเหรอ มันน่าฆ่าให้ตายเสียจริง ๆ” ว่าแล้วป๊าก็เดินตรงมาหาฉันแต่ทว่าม๊ารีบลุกขึ้นมาขวางไว้เสียก่อน
“ใจเย็น ๆ สิคะคุณอย่าทำอะไรลูกเลยนะ ตอนนี้ข้าวมันกำลังท้องกำลังไส้อยู่นะ เด็กในท้องก็หลานคุณนะคะ” แม่พยายามหาเหตุผลมาอ้างเพื่อให้ป๊ายอมลดดีกรีความโมโหลงบ้าง แต่ทว่ากลับไม่ทำให้ท่านใจเย็นลงเลยสักนิด
“มันท้องแล้วยังมีหน้ามาปกป้องผู้ชายคนนั้นอีก จะไม่ให้ฉันโกรธได้ยังไงกัน” ป๊าพยายามผลักตัวม๊าออกให้พ้นทาง
“ม๊าหลีกไป! หนูทำผิดก็ต้องโดนลงโทษ” ฉันยังคงนั่งอยู่ที่เดิมรอรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น
“แกรีบขึ้นห้องไปก่อนเร็ว ม๊าไม่ยอมให้แกต้องเจ็บตัวเด็ดขาด”
“จะปกป้องมันทำไม มันทำให้ตระกูลเราขายขี้หน้าขนาดนี้”
“พี่ข้าวเกิดอะไรขึ้น!” เจ้านายรีบวิ่งลงมาจากชั้นบนเมื่อได้ยินเสียง จากนั้นรีบเข้าไปห้ามป๊าไว้อีกคน “ป๊าจะเย็น ๆ สิครับ”
“จะให้ฉันใจเย็นได้ยังไงกันก็พี่สาวแกมันท้องไม่มีพ่อ” ป๊าชี้นิ้วมาที่ฉันราวกับเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรงซะอย่างนั้น
“ท้อง! พี่ข้าวท้องได้ไง” เจ้านายตะลึงเมื่อรู้ความจริง
“ฮือๆ ๆ จะฆ่าจะแกงก็เอาเลยค่ะป๊า แต่หนูจะไม่ยอมบอกว่าพ่อของเด็กคือใคร หนูจะเลี้ยงลูกด้วยตัวของหนูเอง” ฉันยังคงยืนยันคำพูดเดิม แสดงจุดยืนที่ชัดเจนให้ป๊ารู้
“ถ้าแกไม่บอกก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าป๊าอีก ถ้าแกเห็นผู้ชายคนนั้นดีกว่าคนที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยก็เอาเลย ให้ชาวบ้านชาวช่องเขานินทาว่าไอ้ป้อมันเลี้ยงลูกไม่ได้เรื่อง จนท้องไม่มีพ่ออย่างนี้” เมื่อเห็นน้ำตาป๊าฉันก็ยิ่งรู้สึกผิด ป๊าไม่เคยอ่อนแอให้เห็นแต่มาวันนี้ฉันเป็นคนทำให้ท่านร้องไห้ ฉันมันเลวเกินกว่าจะเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ
“ป๊าหนูขอโทษ ฮือๆ ๆ ที่ไม่อยากบอกเพราะหนูกลัวว่าถ้าป๊ารู้แล้วจะยิ่งเสียใจกว่านี้อีก” ฉันยอมบอกเหตุผลให้ท่านรู้ ว่าต้องปิดเรื่องพ่อของลูกเพราะกลัวว่าท่านจะไม่สบายใจ แต่มาถึงตอนนี้แล้วการจะบอกหรือไม่ ผลก็ไม่ต่างกันเลยสักนิด ท่านมีสิทธิ์จะรู้ความจริงเพราะฉันคือลูกสาวของท่าน
“จะมีอะไรที่ทำให้ฉันเสียใจไปมากกว่านี้อีกงั้นเหรอ ถ้าแกไม่บอกแสดงว่าแกรักมันมากกว่าฉันรู้ไว้ด้วย”
“บอกมาเถอะข้าวอย่างน้อยป๊ากับม๊าจะได้อุ่นใจว่าแกไม่ได้ไปมั่วผู้ชายจนตั้งท้อง”
“ผู้ชายคนนั้นคือ...คือ...” ฉันไม่อยากเอ่ยชื่อนี้ให้ป๊าได้ยินเลย เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น
“คือใครก็รีบบอกมาสิวะ หรือต้องให้ฉันก้มลงกราบขอร้องแกห๊ะ!”
“นายฟีฟ่าลูกชายเฮียกรไงล่ะป๊า!!!” ฉันกลั้นใจหลับตาแล้วตะโกนบอกทุกคนในบ้าน จากนั้นก็หลั่งน้ำตาออกมาเป็นสาย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยร้องไห้หนักหน่วงอย่างนี้มาก่อนเลย
“วะ...ว่าไงนะ! ลูกไอ้กรงั้นเหรอ แกไปชอบพลอกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่” เมื่อรู้ว่าเป็นนายฟีฟ่าป๊าก็แทบล้มทั้งยืน
“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะป๊า มีอะไรกันแค่ครั้งเดียวตอนไปงานแต่งเพื่อน หนูเมาเขาก็เมาเลยเกิดเรื่องขึ้น ก็หนูบอกแล้วไงว่าไม่อยากบอกรู้แล้วป๊าก็โกรธหนักเข้าไปใหญ่”
“ฉันไม่ยอมให้ไอ้ลูกบ้านนั้นมาหยามเกียรติลูกสาวฉันฟรี ๆ แน่” ว่าแล้วป๊าก็เดินดุ่ม ๆ จะออกไปนอกบ้าน
“คุณจะไปไหนคะนั่น” แม่ตะโกนถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ก็จะไปเอาเรื่องไอ้สารเลวนั่นยังไงล่ะ” เราสามคนมองหน้ากันแล้วรีบเดินตามหลังออกไปโดยเร็ว ว่าแล้วไงต้องมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น
เดินออกไปก็พบว่าตอนนี้ป๊ากำลังยืนอยู่รั้วบ้านเฮียกรแล้ว ตะโกนเสียงดังจนเพื่อนบ้านในละแวกได้ยินกันถ้วนหน้า ป๊าจะประจานลูกสาวตัวเองหรือไงคะเนี่ย แง ๆ เวลาโมโหก็เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น
“ไอ้กรมึงโผล่หัวออกมาจากบ้านเดี๋ยวนี้ เอาไอ้ลูกชายตัวดีมึงออกมาด้วย มึงได้ยินไหมวะไอ้กร!”
“ใครมันมาโหวกเหวกโวยวายเสียงดังหน้าบ้านกูวะ อ้อ! ไอ้เหี้ยป้อนี่เอง ค่ำมืดดึกดื่นมึงยังตามมาหาเรื่องกูอีกเหรอวะไอ้หมาบ้า” เฮียกรเดินออกมาพร้อมกับลูกเมียอย่างพร้อมหน้า
หนึ่งในนั้นก็คือนายฟีฟ่าที่เอาแต่จ้องมองมาที่ฉันเชิงตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นฉันร้องไห้ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่
“ไอ้ลูกชายตัวดีมึงอยู่ไหน!”
“ป๊าพอได้แล้วหนูอายชาวบ้านจะแย่แล้ว” ฉันเดินเข้าไปดึงแขนป๊าให้ออกห่างจากรั้วบ้าน
“ไอ้คนบ้านนี้สิควรอาย ทำลูกคนอื่นท้องแล้วไม่รับผิดชอบ มึงยังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่าวะ” พ่อชี้หน้านายฟีฟ่า
นั่นทำให้เขาหน้าเหวอทันที ขมวดคิ้วจนเป็นปมจ้องมองมาที่ฉันอย่างงงวย
“มึงว่าไงนะลูกกูไปทำใครท้องงั้นเหรอ หรือไอ้ยูโรไปทำไอ้เจ้านายท้อง ฮ่าๆ ๆ” เฮียกรยังคงพูดติดตลกเพราะไม่เชื่อสิ่งที่ป๊าพูด ท่านคงคิดเหมือนอย่างที่ป๊าฉันคิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะบ้านเราไม่ถูกกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“กูขอเอาเลือดปากมึงออกก่อนเถอะ ยังจะมาพูดเป็นเรื่องตลกอยู่อีก” ป๊าสลัดแขนฉันแล้วจะปีนรั้วบ้านเข้าไป
“ป๊าพอได้แล้ว พอสักทีเถอะ ฮือๆ ๆ” ฉันกับน้องชายพยายามดึงตัวท่านไว้
“ฉันต้องลากคอให้มันมารับผิดชอบแกให้ได้ ไอ้หน้าตัวเมียทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบ”
ประโยคนั้นทำให้เขารีบเดินมาเปิดรั้วบ้าน แล้วเดินตรงมาหาฉันทันที คงรู้ตัวแล้วสินะว่าทำอะไรไว้บ้าง แต่จะให้โทษเขาฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้เพราะวันนั้นเราเองก็เมากันทั้งคู่