“พร้อมตั้งนานแล้วค่ะคุณหมอ รีบบอกมาเถอะก่อนที่ฉันจะเป็นลมไปเสียก่อน” ตอนนี้เริ่มหงุดหงิดคุณหมอคนนี้ซะแล้ว ลีลาอยู่ได้จะบอกก็รีบบอกซะที
“โทษทีครับงั้นฟังให้ดี ๆ หมอขอแสดงความยินดีด้วยครับคุณตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว”
ฉันอึ้ง!!!!!
นั่งเอ๋อแดกอยู่อย่างนั้น มองหน้าคุณหมอตาค้าง ในสมองมันขาวโพลนไปหมดคิดอะไรไม่ออก
“คะ..คุณหมอลองพูดอีกครั้งได้ไหมคะ ฉันได้ยินไม่ถนัด”
“คุณตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว ชัดหรือยังครับ”
“ชัดแล้วค่ะ เต็มสองรูหูเลยค่ะ” ว่าแล้วก็หันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนอย่างเซ็ง ๆ
“ทำใจดี ๆ ไว้นะแกทุกอย่างมันต้องมีทางออก” น้ำเอ่ยพลางตบไหล่ฉันเบา ๆ เพื่อเป็นการปลอบใจ
“ไม่ต้องห่วงพวกฉันจะช่วยเลี้ยงหลานเองนะ” โบ๊ทเอ่ยหลังจากนั้น
“ขอบใจพวกแกมาก แต่ฉัน....ฉันทำให้ป๊ากับม๊าเสียใจ ฮึก” ฉันเอ่ยเสียงสั่นจะร้องไห้ออกมารอมร่อ ทั้งที่พยายามห้ามแล้วแต่มันก็ทำไม่ได้
“ทุกปัญหาย่อมมีทางออก หมอยินดีให้คำปรึกษาตลอดเวลาเมื่อคุณต้องการนะครับ” คุณหมอยื่นนามบัตรให้จากนั้นจึงพูดต่อ “ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะครับ ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ในท้อง เขาจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว หมอเข้าใจว่าการโดนทิ้งมันเจ็บปวดมากแค่ไหน เพราะหมอเองก็เคยโดนทิ้งเหมือนกัน แต่อดีตมันผ่านมาแล้วเราต้องเดินหน้าสู้ต่อไปนะครับ”
เดี๋ยวนะหมอ! ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าโดนทิ้ง
“หมอรู้ได้ไงว่าฉันโดนทิ้งคะ” ฉันจ้องหน้าถาม คำว่าโดนทิ้งไม่มีในสารบบความคิดฉันเลย และมันจะไม่มีวันนั้น
“อ้าว! ก็พวกคุณพูดไปในแนวทางนั้นนี่นา ผมเลยเดาว่าน่าจะใช่” หมอเอ่ยหน้าตาย แถมยังส่งยิ้มหล่อมาให้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
“ฉันทิ้งผู้ชายต่างหากค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ” ฉันยกมือไหว้แล้วรีบลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทันที
หมอบ้าอะไรจะทำให้คนไข้อารมณ์เสียอย่างนี้
“เดี๋ยวคุณ! ไปรับยาก่อนค่อยกลับนะครับ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณหมอเดี๋ยวพวกหนูไปรับให้มันเอง ไปแล้วนะคะ”
ฉันได้ยินเสียงสองคนนั้นพูดคุยกับคุณหมอก่อนจะเดินตามหลังออกมา
“ข้าวรอพวกฉันด้วย!”
ได้ยินเสียงเพื่อนเรียกฉันจึงหยุดชะงัก ยืนกอดอกรอพวกมันสองคนด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว ตอนนี้ไม่รู้จะโมโหให้ใครก่อนดี ระหว่างไอ้คนที่ทำให้ฉันต้องเป็นทุกข์อย่างนายฟีฟ่า หรือคุณหมอที่พูดจาหมาไม่แดกนั่น
“วันนี้ไม่ต้องไปบ้านฉันแล้วนะไม่มีอารมณ์รับแขก”
“เออ ๆ ไม่ไปก็ได้แต่แกต้องสัญญานะว่าจะดูแลตัวเองดี ๆ นี่ยาฉันไปเอามาให้” โบ๊ทยื่นถุงยาให้
“ขอบใจละกัน โทษทีที่พูดใส่อารมณ์ ฉันรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกน่ะสิ”
“อย่างนี้ล่ะอารมณ์ของคนท้องมักจะแปรปรวนในช่วงแรก ๆ” น้ำว่า
“ทำอย่างกับแกเคยท้องงั้นล่ะ”
“ไม่เคยท้องแต่ก็เคยอ่านในเน็ตย่ะ เพราะอีกไม่นานฉันก็จะท้องเหมือนกัน”
“ขอบใจพวกแกสองคนนะที่มาเป็นเพื่อน แต่เรื่องนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาด โดยเฉพาะนายนั่น” พูดถึงแล้วก็อยากฆ่าให้ตายซะเหลือเกิน ถ้าเขารู้จะทำหน้ายังไงนะ จะดีใจหรือเสียใจที่มีลูกกับฉัน แต่สำหรับฉันเสียใจมากที่มีลูกกับผู้ชายคนนั้น
“ฉันว่าควรให้พี่ฟีฟ่ารู้นะอย่างน้อยเขาก็เป็นพ่อของลูก หรือว่าแกจะเอาเด็กออกงั้นเหรอ อย่าทำอย่างนั้นเด็ดขาดนะ” น้ำมันคิดเองเออเองจับมือฉันเขย่าแรง ๆ
“ทำไมฉันจะต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ คิด ๆ ดูแล้วเป็นอย่างนี้มันก็ดีเหมือนกันนะ เพราะฉันเองก็ไม่คิดอยากจะมีครอบครัวอยู่แล้ว ฉันจะเลี้ยงลูกเอง” ฉันเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องเดินหน้าสู้ต่อไปอย่างที่คุณหมอหน้าหล่อนั่นบอก
“อ้าว! พ่อของลูกในท้องแกคือพี่ฟีฟ่างั้นเหรอ ไหนบอกว่าเกลียดกันนักหนาทำไมถึงมีอะไรกันล่ะยะ หมดกันผู้ชายที่ฉันหมายปอง” โบ๊ทจ้องหน้าฉันราวกับเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตาย คงจะช็อกที่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นเขา
“สรุปแกห่วงฉันหรือห่วงผู้ชายกันแน่”
“ก็ห่วงแกนั่นล่ะเพียงแต่ฉันสงสัยเฉย ๆ”
“งานเลี้ยงวันนั้นที่แกกลับก่อนไง ไอ้นั่นมันเข้าห้องผิดแล้วก็เกิดเรื่องบ้า ๆ ขึ้น ถ้าวันนั้นแกไม่กลับก่อนฉันคงไม่ต้องมาเครียดอยู่อย่างนี้หรอก” เมื่อพูดถึงก็พาลหาเรื่องเพื่อนซะงั้น
“ฉันขอโทษก็วันนั้นผู้หล่อมากฉันพลาดไม่ได้นี่นา” มันทำหน้าหงอยอย่างสำนึกผิด
“เออ ๆ ช่างเถอะมันเกิดขึ้นแล้วนี่นา เอาเป็นว่าฉันกลับก่อนนะ ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน ๆ รู้สึกกระอักกระอ่วนเต็มที” ฉันไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาลเลยสักนิด มันรู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ
“ขับรถดี ๆ ละกันนึกถึงลูกในท้องให้มาก ๆ” น้ำบอก
“โอเค ๆ ไปละนะ”
ฉันโบกมือลาเพื่อนก่อนจะเดินแยกตัวออกไป
o:::::o o:::::o o::::o
ในระหว่างขับรถกลับบ้านฉันก็คิดเรื่องป๊าไปด้วย กำลังตัดสินใจว่าจะบอกท่านตอนไหนดี จะเกริ่นเข้าเรื่องยังไง หากรู้ว่าพ่อของลูกในท้องคือนายฟีฟ่ามีหวังบ้านอีกหลังได้โดนถล่มแหลกเป็นจุณแน่ ๆ ที่สำคัญฉันกลัวว่าป๊าจะเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตัวด้วยน่ะสิ
ขับรถมาถึงหน้าบ้านก็พบว่าน้องชายสุดที่รักกำลังยืนคุยกับลูกชายคนเล็กของบ้านโน้น ใช่แล้วค่ะ นั่นคือน้องชายของนายฟีฟ่าชื่อยูโร ส่วนน้องชายฉันชื่อเจ้านาย ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน ตอนนี้อยู่มอหกกันแล้ว แปลกไหมล่ะพ่อทะเลาะกันทุกวัน แต่ลูกชายกลับเป็นเพื่อนสนิทกันซะอย่างนั้น
ปี๊บ ๆ ๆ
ฉันบีบแตรรถเพื่อให้คนทั้งสองหลีกทางให้ เพราะตอนนี้ยืนคุยกันอยู่ตรงประตูรั้วทางเข้า ไม่รู้คุยอะไรกันนักหนาถึงมองไม่เห็นว่ารถขับมาจะเลี้ยวเข้าบ้าน เจ้านายเปิดประตูให้จากนั้นก็ยืนคุยกับเพื่อนต่อ
ลงรถแล้วฉันจึงเดินออกมาหาน้องชายเพื่อถามหาป๊ากับม๊า
“สวัสดีครับพี่ข้าว” ยูโรยกมือไหว้ฉันอย่างมีสัมมาคารวะ นิสัยดีต่างจากพี่ชายมากมาย
“สวัสดีจ้ะยูโร คุยกันถึงพริกถึงขิงเลยนะจนลืมดูว่าพี่ขับรถมา”
“ก็นิดหน่อยครับ” ยูโรตอบยิ้ม ๆ
“ว่าแต่ป๊ากับม๊ายังไม่กลับเหรอนาย”
“ยังอ่ะพี่ข้าวสงสัยเย็นโน่นล่ะ ลูกค้าคงเข้าร้านเยอะมั้ง” น้องชายผู้แสนเรียบร้อยและบอบบางของฉันหันมาเอ่ยด้วย
เจ้านายเป็นผู้ชายตัวเล็ก ๆ บอบบางกว่าผู้หญิงอย่างฉันเสียอีก แต่ทว่าเป็นคนที่เรียนเก่งมาก ๆ ได้ที่หนึ่งของห้องมาโดยตลอด ส่วนยูโรจะนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง รายนั้นเป็นผู้ชายห้าว ๆ แมน ๆ ชอบแต่งรถ ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกันได้ยังไง
“ออ...งั้นคุยกันต่อเถอะพี่จะเข้าบ้านแล้ว”
“ครับ”
กำลังจะเดินเข้าบ้านแต่ฉันก็ตาดีเห็นสิ่งผิดปกติที่คอน้องชาย มันคือรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ คล้ายกับรอยคิสมาร์กที่นายฟีฟ่าเคยทำไว้บนตัวฉันเมื่อสองเดือนก่อน
“เอ๊ะ! คอแกไปโดนอะไรมา ทำไมมันเป็นรอยคล้ายกับโดนใครดูดมา” ไม่ว่าเปล่าฉันรีบเดินเข้าไปใกล้ เอื้อมมือจะจับแต่ทว่าอีกฝ่ายรีบจับคอเสื้อนักเรียนปิดไว้ แก้มที่เคยขาวใสแดงก่ำขึ้นมาทันที
“มะ...ไม่มีอะไรหรอกพี่พอดีเกิดอุบัติเหตุที่โรงเรียนนิดหน่อย” น้องชายสุดที่รักไม่ยอมสบตาฉัน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าโกหกคำโต ต้องมีอะไรแน่ ๆ หรือว่ามันกำลังจะมีแฟนงั้นเหรอ
“แกกำลังโกหกพี่ บอกมาซะดี ๆ ว่าใครทำ แกไปมีแฟนตั้งแต่ตอนไหนทำไมพี่ไม่รู้” หากป๊ารู้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ เพราะท่านหวังกับเจ้านายไว้มาก ไม่อยากให้ชิงสุกก่อนห่าม แกทำใครท้องขึ้นมามีหวังอนาคตดับแน่
“มันยังไม่มีแฟนหรอกครับพี่ข้าว วัน ๆ ก็อยู่แต่กับผมถ้ามีผมต้องรู้ดิ” กลายเป็นว่ายูโรตอบแทนซะงั้น รักเพื่อนมากเหลือเกินนะ
“ชะ...ใช่ครับพี่ข้าว ผมยังไม่คิดเรื่องจะมีแฟนเลย ผมรู้ว่าป๊าอยากให้เรียนหมอ ผมไม่ทำให้ป๊าผิดหวังเด็ดขาด”
ได้ยินอย่างนั้นฉันก็เหลือบตามองเด็กทั้งสองคนสลับไปมาอย่างจับผิด พูดยืนยันกันขนาดนี้ก็คงต้องเชื่อแล้วล่ะ อีกอย่างเจ้านายก็ไม่เคยโกหกเลยสักครั้งฉันคงจะคิดมากไปเอง
“พี่จะเชื่อก็ได้ ที่บอกเพราะอยากให้แกตั้งใจเรียนเพราะป๊าหวังกับแกไว้มาก อย่าทำให้ป๊าผิดหวังเหมือน...”
“เหมือนใครพี่” เจ้านายถาม
“ปะ...เปล่าไม่มีอะไรคุยกันต่อเถอะพี่เข้าบ้านละ”
“พี่ข้าวไม่ต้องห่วงนะครับผมจะดูแลมันเอง โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ไม่มีทางเข้าหามันหรอกถ้าผมอยู่ด้วย” ยูโรกล่าว
“ยังไงก็ฝากมันด้วยนะยูโร”
“ครับผมจะดูแลให้ดีเลยล่ะ ไอ้นี่มันว่านอนสอนง่าย ไม่กล้าหือกับผมหรอก” ว่าแล้วยูโรก็ยกมือขึ้นไปลูบกลางกระหม่อมเจ้านายเบา ๆ ราวกับเอ็นดูกันมากซะเหลือเกิน
ดูแล้วทำไมรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ช่างเถอะเด็กผู้ชายสนิทกันมากคงจะแสดงออกประมาณนี้ล่ะมั้ง ตอนนี้สิ่งที่ฉันควรกังวลคือเรื่องตัวเองมากกว่า...ว่าควรจะหาวิธีบอกป๊ายังไงไม่ให้บ้านแตก