ตอนที่ 5 พบหมอ

2113 Words
สองเดือนต่อมา หลังจากวันนั้นฉันก็ใช้ชีวิตตามปกติสุข คิดซะว่าเรื่องในวันนั้นเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเพียงเท่านั้น จนมาถึงวันนี้เมื่อฉันกับเพื่อนนัดเจอกันที่ร้านอาหารอีสานแห่งหนึ่ง หลังจากที่เราทั้งสามเลิกงานแล้ว “โทษทีว่ะมาสายไปหน่อย” เมื่อมาถึงก็รู้สึกเหนื่อยหอบเล็กน้อย เพราะพยายามเดินเร็วมาเนื่องจากผิดนัดไปเกือบครึ่งชั่วโมง ช่วงนี้งานค่อนข้างเยอะจึงทำเลยเวลาเป็นประจำ แต่ค่าแรงยังคงได้เท่าเดิม (แอบบ่น หุหุ) “ไม่หน่อยแล้วย่ะแค่เกือบครึ่งชั่วโมงเอง” โบ๊ทพูดจาเหน็บแนม ทำหน้าน่าหมั่นไส้ซะเหลือเกิน ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนรักฉันคงกระชากผมขึ้นมาตบซะแล้ว ฮ่าๆ “จ้า...ก็ขอโทษแล้วไงยะ ทีแกมาสายเพราะไปนอนกกผู้ชายพวกฉันยังไม่เห็นบ่นกันเลย” “ก็มันเป็นเหตุสุดวิสัยนี่นา ผู้ชายไม่ปล่อยฉันมาจะมาได้ไงยะ รีบสั่งอาหารกันดีกว่าฉันหิวจนท้องร้องโครกครากแล้วเนี่ย” แหมทีอย่างนี้ทำเป็นเปลี่ยนเรื่องนะยะ “เอ้อ...แล้วพี่ต๋องไม่มาด้วยเหรอแก” ฉันหันไปเอ่ยกับน้ำ “ฉันชวนแล้วแต่ติดงานน่ะ” เราคุยกันไปพร้อมทั้งกำลังเลือกเมนูอาหาร “เออว่ะลืมไปเลยพี่ฟีฟ่าของฉันล่ะเป็นไงบ้าง ตั้งแต่วันนั้นยังไม่ได้เจอกันอีกเลย” ได้ยินอย่างนั้นฉันจะทำหน้าเซ็ง ๆ ก้มลงไปดูเมนูปล่อยให้สองคนนั้นคุยกันต่อ “หลังจากวันนั้นก็เจอกันแค่ครั้งเดียวเอง” “ว่าแต่หล่อ ๆ อย่างนั้นมีแฟนหรือยังยะ ฉันล่ะอยากกินมากกกก หล่อ-ล่ำ-ขาว-ใหญ่ อร้ายยย!!” นางทำสีหน้าราวกับตอนนี้กำลังโดนเขาตอกเสาเข็มก็ไม่ปาน อะไรจะฟินขนาดนั้นยะอีโบ๊ท! “อีห่าดูทำหน้าทำตา ฉันก็ไม่รู้จักเขาดีเท่าไหร่หรอก แต่พี่ต๋องเคยเล่าให้ฟังว่าเจ้าชู้ตัวพ่อ คาสโนว่าขั้นเทพ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนจับได้แต่ก็ไม่เคยขาดผู้หญิง” “อุ๋ยๆ ๆ ๆ อย่างนี้ล่ะฉันชอบท้าทายเว่อร์!!” “หยุดมโน! คนอย่างพี่ฟีฟ่าไม่เอาแกหรอกย่ะ แต่ถ้าเป็นคนอื่นไม่แน่” น้ำว่าพร้อมทั้งปรายตามองมาที่ฉัน แถมยังอมยิ้มอย่างมีเลศนัยอีกต่างหาก “มองฉันอย่างนี้หมายความว่าไงยะ” ฉันเค้นเสียงถาม “หรือว่าพี่ฟีฟ่าสนใจอีข้าว ไม่จริงใช่ไหมวันนั้นยังจะตีกันอยู่เลย อ้อ!!! ฉันลืมไปว่าบ้านติดกันนี่นา อย่างนี้แกต้องเจอหน้าพี่ฟีฟ่าทุกวันเลยอ่ะดิ” โบ๊ททำสีหน้าระรื่นแสดงท่าทีดี๊ด๊าจนออกนอกหน้า “อย่ามโนฉันกับนายนั่นไม่เคยญาติดีกันอยู่แล้วทำไมจะต้องสนใจด้วยล่ะ เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะจะแดกไหมข้าว” “แดกสิยะแต่วันนี้ฉันขอไปบ้านแกด้วยได้ไหมเผื่อจะเจอพี่ฟีฟ่าบ้าง ฉันรับรองว่าจะไม่ทำให้แกเดือดร้อน นะๆ ๆ ๆ” ว่าแล้วเพื่อนตัวดีก็นวดแขนฉันอย่างออดอ้อน เฮ้อ! เรื่องผู้ชายมันทำได้ทุกอย่างเลยสินะ “ให้มันไปด้วยเถอะถือว่าสงสารลูกหมาตัวป้อม ๆ อ้วน ๆ” “อีน้ำตบปากตัวเองตามอายุเดี๋ยวนี้ ฉันผอมฉันสวยย่ะ!” เมื่อมีคนว่ามันอ้วนนางจะหันขวับมาจิกตาใส่ทันที เหมือนที่ทำกับน้ำในตอนนี้ “จ้าแกผอมมากกกก พอใจยัง” น้ำลากเสียงยาวประชด โบ๊ทเหลือบตามองอย่างไม่สนใจแล้วหันมาออดอ้อนฉันต่อ “นะเพื่อนข้าวให้เพื่อนไปด้วยนะ” “เออๆ ๆ ไปก็ไปแต่แกห้ามทำตัวตุ้งติ้งต่อหน้าป๊าฉันนะ แกก็รู้ว่าป๊าฉันไม่ชอบแบบนี้” “เออฉันรู้ จะทำตัวให้แมนที่สุดเลยย่ะ” “งั้นตกลงตามนี้ แต่ถ้าแกอยากเจอน้านายนั่นก็หาวิธีเอาเองละกันเพราะฉันจะไม่ช่วย” “ฉันรู้แล้วน่าว่าแกเกลียดเขาจะตาย ทั้งที่บ้านอยู่ติดกันแท้ ๆ น่าจะผูกมิตรกันไว้เฮ้อ” มันบ่นแต่กลับยิ้มไม่ยอมหุบ คงคิดสินะว่าคนอย่างนายนั่นจะมาสนใจ มึงคิดผิดแล้วอีโบ๊ท!!! นั่งรออยู่สักพักอาหารที่สั่งก็ถูกนำมาวางเรียงรายบนโต๊ะ เมนูต้นตำรับอาหารอีสานแท้ ๆ ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ แกงอ่อมเนื้อ ต้มแซ่บ และอื่น ๆ อีกสารพัดเมนูสั่งมาเพื่อสนองความอยากที่ไม่ได้เจอกันนาน กำลังจะลงมือทานกันอยู่แล้วเชียวแต่ทว่ากลับมีบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้นกับฉัน “แหวะ! ทำไมมันเหม็นอย่างนี้เนี่ย” ตักส้มตำขึ้นมากำลังจะเอาเข้าปากอยู่แล้วเชียว แต่ทว่ามันกลับรู้สึกเหม็นจนฉันอยากจะอ้วกออกมา ซึ่งปกติแล้วมันไม่เคยเกิดขึ้นเลย เพราะฉันชอบทานปลาร้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว “แกจะบ้าเหรอเดี๋ยวเขาก็ไล่เราออกจากร้านหรอก ไม่เห็นจะเหม็นอะไรเลยรสชาติเดิมเป๊ะอย่างที่เคยกินนะยะ” เพื่อนสาวร่างท้วมว่าให้ฉัน “แกไม่สบายหรือเปล่าปกติไม่เคยเห็นเป็นอย่างนี้นี่นา” “ก็ไม่นะ อ้วกก! ฉันไม่ไหวแล้วไปห้องน้ำก่อนนะ” ฉันรีบลุกจากเก้าอี้วิ่งไปยังห้องน้ำของทางร้าน เมื่อมาถึงฉันก็สำรอกของเหลวในท้องลงในชักโครกจนหมดไส้หมดพุง ก่อนจะนั่งหมดแรงอยู่บนพื้นห้องน้ำ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่ “ข้าวแกเป็นไงบ้าง” น้ำเดินตามเข้ามาลูบหลังฉันเบา ๆ “ดีขึ้นแล้วล่ะแต่ฉันคงกินข้าวกับพวกแกไม่ไหวแล้วอ่ะ อ้วกก!!” พูดจบแล้วก็ต้องชะโงกหน้าไปที่ชักโครกอีกครั้ง สำรอกออกมาจนแทบไม่มีอะไรเหลือในท้องแล้ว ระหว่างนั้นยัยย้ำก็ใช้มือลูบหลังฉันป้อย ๆ “อ้วกอย่างกับคนแพ้ท้องซะอย่างนั้นล่ะ” ยัยน้ำเอ่ยเบา ๆ อย่างไม่คิดอะไร ประโยคเมื่อครู่ทำให้ฉันนึกเอะใจ ท้องงั้นเหรอ? มันไม่จริงใช่ไหม เรื่องอย่างนี้ต้องไม่เกิดขึ้นกับฉัน “มันจะเป็นไปได้ไหมแก” ฉันเริ่มใจไม่ดีน้ำใส ๆ เริ่มคลอหน่วยตาจวนจะพังลงมาเต็มที “รอบเดือนแกยังมาปกติอยู่ไหม” ฉันพยายามนึกว่ารอบเดือนมาครั้งสุดท้ายเดือนไหนกันแน่ “ไม่มาสองเดือนแล้วอ่ะแก” ฉันตอบเสียงสั่นหัวใจเต้นแรงกลัวว่ามันจะเป็นอย่างที่คิด “ทำใจดี ๆ ไว้นะแกฉันว่าคงใช่แล้วล่ะ ปกติรอบเดือนแกมาครบทุกเดือนอยู่ใช่ไหม” ฉันได้แต่พยักหน้าให้มัน “แค่ครั้งเดียวเองนะจะเป็นไปได้เหรอ” “เอางี้เราไปตรวจโรงพยาบาลกันให้มันรู้กันไปเลย แกจะได้ไม่ต้องเครียดไง บางทีมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้นะ” น้ำพยายามหาทางออกให้ ซึ่งฉันเองก็เห็นด้วยแต่ทว่าหากมันใช่อย่างที่กลัวล่ะ ฉันจะทำยังไงดี “แกต้องไปเป็นเพื่อนฉันนะ ฉันกลัวอ่ะ” “โอเค ๆ ฉันจะไปเป็นเพื่อน คนอย่างแกเคยกลัวอะไรซะที่ไหนกันอย่าทำตัวอ่อนแอสิยะ สูดหายใจเข้าลึก ๆ” ใช่สิ! ฉันไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้วนี่นา แต่ทว่าปัญหาในครั้งนี้มันช่างใหญ่หลวงนัก ขออ่อนแอสักวันนึงเถอะนะเพื่อนรัก ฉันหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกอย่างช้า ๆ ทำอย่างนั้นจนรู้สึกดีขึ้น “ฉันพร้อมแล้วรีบไปกันเถอะ” ฉันจูงมือน้ำกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับเอ่ยถามอะไรบางอย่างเสียก่อน “เดี๋ยว! แล้วอีโบ๊ทล่ะจะบอกมันไหม” “แล้วแกว่าไงล่ะ” ฉันถามกลับเพราะถึงอย่างไรมันก็เพื่อน หากมารู้ทีหลังมีหวังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ ๆ “ควรจะบอกความจริงมันได้แล้วล่ะ สมมติถ้าแกท้องขึ้นมางจริง ๆ หากมันรู้หลังจากนี้คงจะโกรธมากแน่ ๆ” “ไม่ต้องบอกแล้วย่ะฉันได้ยินหมดแล้ว พ่อเด็กเป็นใครบอกฉันมาเดี๋ยวนี้” โบ๊ทปรากฏตัวให้เห็นตรงหน้าประตูห้องน้ำ มันยืนกอดอกส่งสายตาอันดุดันมองมาที่เราทั้งสองคน โดยเฉพาะฉันที่ดูท่าจะเป็นผู้ต้องหารายแรกๆ ที่มันจะสำเร็จโทษ “แกมายืนอยู่ตรงนี้นานแล้วเหรอ” ฉันถามเสียงอ่อยเมื่อเห็นสีหน้าอันจริงจังของมัน นานทีปีหนจะเห็นอย่างนี้ “ก็นานจนรู้ว่าแกท้อง” “ยังไม่ได้ท้องแค่สันนิษฐานเท่านั้นเอง” ฉันตอบไป “แล้วสรุปแกไปมีอะไรกับใคร ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้” “เอ่อ...บอกไปแกก็ไม่รู้จักหรอก จะมายืนคุยอะไรหน้าห้องน้ำรีบไปกันเถอะ” ฉันรีบจูงมือน้ำออกไปก่อนที่โบ๊ทจะถามอะไรไปมากกว่านี้ ไม่นานหลังจากนั้นเราสามคนก็มาถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด โดยแทบไม่ได้แตะต้องอาหารที่สั่งมาเลยสักคำ หลังจากไปเจาะเลือดแล้วฉันก็นั่งรอผลตรวจที่หน้าห้อง โดยมีเพื่อนทั้งสองนั่งประกบข้างคอยให้กำลังใจไม่ห่าง ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่หัวใจยิ่งเต้นแรง รู้สึกกดดันมากเหลือเกิน ภาวนาในใจขอให้ตัวเองไม่ท้อง “คุณขวัญข้าวเชิญพบคุณหมอได้เลยค่ะ” ได้ยินเสียงพยาบาลเรียกชื่อความคิดต่าง ๆ ในหัวก็สลายหายไปจนหมด จากนั้นจึงตั้งสติเพื่อไปฟังผลตรวจที่กำลังจะรู้ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้ว “ให้เพื่อนเข้าไปข้างในด้วยได้ไหมคะ” “ถ้าเป็นความต้องการของคุณก็ได้ค่ะ” ได้ยินอย่างนั้นฉันก็รู้สึกโล่ง อย่างน้อยหากรู้ผลแล้วเกิดอะไรขึ้นเพื่อนทั้งสองจะได้ช่วยพยุงตัวฉันไว้ได้ทันการ “พวกฉันจะอยู่ข้าง ๆ แกเองไม่ต้องเครียดนะ” น้ำเอ่ยให้กำลังใจ “ขอบใจนะ ฉันกลัวว่ามันจะเป็นอย่างที่คิดน่ะสิ” “เอาน่าถ้าท้องขึ้นมาจริง ๆ ฉันจะรับเป็นลูกเองไม่ต้องห่วง” โบ๊ทพูดติดตลกเพื่อให้ฉันคลายความกังวล แต่มันกลับทำให้ฉันเครียดขึ้นกว่าเดินน่ะสิ ถ้าท้องขึ้นมาจริง ๆ จะบอกเรื่องนี้กับป๊ายังไงดี “ถ้างั้นแกต้องแอ๊บแมนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนะยะ” ฉันตอบ นั่นทำให้เราทั้งสามมีรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตรวจพร้อมกัน เข้าไปข้างในแล้วคุณหมอก็ทักทายอย่างเป็นกันเอง แต่ทว่าความตื่นเต้นกลับไม่ลดลงเลยสักนิด ก่อนจะแจ้งผลคุณหมอก็อธิบายเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ให้ฟังอย่างคร่าว ๆ นั่นทำให้ฉันยิ่งคิดว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นไปได้ “สรุปว่าฉันท้องหรือเปล่าคะคุณหมอ” เมื่อคุณหมอพูดจบฉันจึงเริ่มยิงคำถามทันที “ว่าแต่วันนี้แฟนคุณไม่มาด้วยหรอกเหรอครับ หรือว่าเป็นคุณคนนี้” คุณหมอไม่ตอบแต่กลับถามฉันคืน แต่ทว่าคำถามนั่นกลับทำให้ฉันรู้สึกขำ “ว้าย! หนูเป็นเพื่อนค่ะคุณหมอไม่ใช่แฟน” นางรีบปฏิเสธเสียงแข็งกลัวว่าคุณหมอจะเข้าใจผิด ฉันรู้ว่ามันกำลังจ้องจะงาบคุณหมอนั่นเอง เพราะคุณหมอหล่อไม่ใช่น้อยตรงสเปกมันเลยทีเดียว “หมอรู้อยู่แล้วล่ะแค่อยากให้คุณผ่อนคลายบ้างเท่านั้นเอง” “คุณหมอนี่ตลกจังเลยนะคะ คือว่า...ฉันยังไม่มีแฟนหรอกค่ะ” “หืม! ยังไม่มีแฟนแล้วทำไมถึง...” คุณหมอขมวดคิ้วมองหน้าฉันอย่างประหลาดใจ ฉันเองคาดเดาไม่ออกว่าเขากำลังมองฉันในแง่ลบหรือบวกกันแน่ “มันเกิดจากความผิดพลาดค่ะ คุณหมอคงเข้าใจคำว่าพลาดนะคะ” “ผมเข้าใจครับ เพราะคนไข้ผมหลาย ๆ เคสก็เป็นอย่างคุณนี่ล่ะ ตอนนี้คุณพร้อมจะฟังผลแล้วใช่ไหม” คุณหมอหนุ่มสุดหล่อเอ่ยถามอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD