ดวงใจองครักษ์เถื่อน
ตอนที่ 4
(งามที่สุดในสามโลก)
ทุกวันหยุดจากการเรียนหนังสือ องค์หญิงจัสทีน่าต้องเข้าเฝ้าเสด็จย่า เพื่อเรียนรู้งานอิสตรี แต่ช่างไม่เข้าทีกับองค์หญิงเอาเสียเลย หล่อนชอบยิงปืนหรือขี่ม้ามากกว่าการที่ต้องมานั่งพับเพียบเรียบร้อยเช่นนี้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ครั้นจะแสร้งป่วยการเมือง มุขนี้คงใช้ไม่ได้ผล เพราะผู้เป็นย่ารู้ทันจนหมดเปลือก เลยต้องแบกสังขารมาเรียนรู้งานอย่างจำใจ
"นั่งอย่างกุลสตรีราชนิกูล นั่งงาม ๆ เหมือนย่าสิหลาน" เสียงของผู้เป็นย่าทักท้วง เมื่อหลานสาวเพียงคนเดียวนั้นนัางขัดสมาธิเยี่ยงชายชาตรี ทั้งที่กำลังเรียนร้อยมาลัยถวายพระผู้เป็นเจ้า
"งามสุดในสามโลกแล้วเพคะเสด็จย่า" องค์หญิงจัสทีน่าโต้แย้ง
"งามตรงไหนกัน" และนั่นจึงทำให้ผู้เป็นย่าย้อนถาม
"ตรงนี้ไงเพคะ" หล่อนก็ยังโต้แย้งร่ำไป มือก็ฝักใฝ่ร้อยดอกไม้ไปพลาง ทำทุกอย่างที่ย่าสอน แต่มองหาความสวยงามนั้นไม่มี
"หลานนี่นะทำไมไม่เหมือนกุลสตรีเอาเสียเลย ซนยิ่งกว่าผู้ชาย จาห์เนียยังเรียบร้อยกว่าอีก แล้วไปเรียนไม่ได้ก่อวีรกรรมอะไรอีกใช่ไหม?" พระนางถึงกับวางมือจากสิ่งที่ทำ หันหน้ามองไปยังหลานสาวด้วยความรู้สึกหน่ายใจ
"ไม่เลยเพคะ หลานตั้งใจเรียนและเป็นเด็กดี" องค์หญิงจัสทีน่าหันมาฉีกยิ้มกว้าง เอ่ยอย่างแก้ตัวในสิ่งที่ตรงกันข้าม
"อย่างนั้นรึ" พระนางย้อนถามอย่างไม่คิดเชื่อ สายตาเพ่งพิศอย่างจับสังเกตหลานสาว ที่แต่ละวันสรรหาเอาแต่ความปวดหัวมาให้ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่
มันต้องมี!
"เพคะ ถ้าเสด็จย่าไม่ทรงเชื่อถามฮะมีสได้เลยเพคะ" องค์หญิงจัสทีน่ายืนยัน ตบท้ายด้วยการหาพรรคพวก ที่เล่นเอาฮะมีสที่คอยอารักขาอยู่ด้านหลังถึงกับตั้งตัวไม่ทัน
"เป็นอย่างที่องค์หญิงพูดไหมฮะมีส"
"เอ่อ...พ่ะย่ะค่ะ" เขาเลยจำต้องยอมเห็นตาม ทั้งที่มันไม่เป็นความจริง องค์หญิงมีวีรกรรมที่โรงเรียนทุกวันแบบไม่มีซ้ำ
"เป็นอย่างนั้นก็ดีแล้ว ราชินีจะได้ไม่ปวดหัว" พระนางว่าอย่างเห็นตาม แม้จะมองออกว่าหลานสาวนั้นพูดปด นั่นคงเพราะไม่อยากโดนตำหนิ "หลานไม่โกหกพูดปดก็ดีแล้ว เพราะถ้าหลานโกหกเพื่อให้ตัวเองดูดี หากวันไหนที่ความจริงเปิดเผย หลานจะกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น และคำพูดต่อไปในครั้งหน้าจะไม่มีใครเชื่อถือหลานอีก"
(หลานไม่ได้พูดปดนะเพคะ แค่หลานพูดไม่หมดเท่านั้นเอง เป็นเด็กดีจริง ๆ นะเพคะในเวลาเรียนหนังสือหลานตั้งใจมาก แค่แอบปีนกำแพงไปซื้อไอติมเองค่ะเสด็จย่า) เป็นสิ่งที่องค์หญิงเอ่ยในใจ ใบหน้าภายนอกยังฉีกยิ้มกว้างอย่างสดใส
"หลานไม่ได้ทำตัวให้เสด็จแม่ทรงปวดพระเศียรหรอกเพคะเสด็จย่า"
"น้อยไปสิย่าว่า...เอาล่ะมาเรียนร้อยดอกไม้ต่อ จะได้เป็นไว ๆ ขนาดจาห์เนียเป็นชายยังร้อยได้สวยงาม ตอนนี้ไปซ้อมยิงปืนกับท่านปู่แล้วล่ะ"
"หลานก็ทำสวยงามเช่นกัน เสด็จย่ารอชมได้เลยเพคะ"
"ย่าจะรอดูนะ"
สิบนาทีผ่านไป องค์หญิงจัสทีน่าผู้มั่นอกมั่นใจในการร้อยดอกไม้ เริ่มที่จะนั่งทรงตัวไม่อยู่ เอนซ้ายทีขวาทีด้วยอาการตาปรือ จนนางกำนัลนั้นต้องคอยเฝ้าระวังประคับประคอง ไม่ให้องค์หญิงร่วงหล่น มือขวาถือเข็มอันยาว มือซ้ายจับดอกไม้สอดใส่ ครั้นจะเข็มร้อยดอกไม้ในมือก็ต้องพยายามเบิกตาให้มองเห็น สภาพพวงดอกไม้ขององค์หญิงจัสทีน่าตอนนี้ ยากนักที่ใครจะเทียบเท่า ในความงดงามที่หาไม่ได้
"องค์หญิงนั่งดี ๆ" เสียงของผู้เป็นย่าเอ่ยขึ้น แม้จะไม่เงยหน้ามองชัดเจน ก็รู้ว่าหลานสาวนั้นไม่ปกติสุข
"ดีแล้วเพค่ะ" ตอบรับเสียงเอ่ย ก็การร้อยดอกไม้เป็นอะไรที่น่าเบื่อสำหรับองค์หญิงเสียเหลือเกิน
"นั่งให้มันตรง ๆ" พระนางเอ่ยขึ้น มือและสายตาสัมพันธ์กันกับการร้อยพวงดอกไม้ที่สวยงาม ฝีมือปราณีตละเมียดละไม
"หลานนั่งไม่ตรงตรงไหนเพคะ ตรงกว่านี้ก็เสาไฟฟ้าแล้วเพคะ" ตอบผู้เป็นย่าด้วยอาการตาปรือง่วงนอน การฝึกฝนวันนี้ขององค์จะรอดไปถึงกำหนดหรือไม่ แค่ตอนนี้พระนางก็เริ่มจะไมเกรนขึ้นอยู่แล้ว
"ยังจะพูดเล่นอีก องค์หญิงเป็นถึง..."
ตุบ!! พระนางพูดยังไม่จบประโยคตามที่ตั้งใจ หลานสาวคนเดียวที่พยายามฝึกฝน ก็ร่วงหล่นนอนหงายหลัง นางกำนัลรับตัวไว้แทบไม่ทัน นั่นทำเอาพระนางส่ายหัวระอา ยกมือนวดขมับให้ผ่อนคลาย
"พาองค์หญิงกลับขึ้นห้องเถอะไป...วันนี้ก็คงต้องพอแค่นี้แล้วล่ะ...ไปเถอะซาดียะห์เราก็ปวดหัวอยากนอนพัก"
"เพคะพระนาง"