ตอนที่๔ เริ่มต้นไล่ล่า

1116 Words
น่าเจ็บใจยิ่งนัก ยิ่งคิดยิ่งอับอาย อับอายเหลือจะกล่าว นางจะทำอย่างไรดี ในขณะที่เฉินเจียวเหมยยังคงนั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องราวของตนเองอยู่นั้นเสียงประตูโรงหมอพลันเปิดออกเสียงดัง เฉินเจียวเหมยไม่เสียเวลาหันหลังไปมอง นางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปทางหลังโรงหมอในทันที บุคคลที่เข้ามาในโรงหมอแห่งนี้ถึงกับงุนงง เขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่ต้องการมาหาซื้อยาไปกินแค่เพียงเท่านั้น ไยท่านหมอต้องหนีเขาไป เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ แล้วจะหยิบยาไปต้มกินเองได้หรือไม่กัน ชาวบ้านท่านนั้นได้แต่ครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจในชีวิตของตนเอง เฉินเจียวเหมยที่ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีมาทางด้านหลังของโรงหมอเป็นผลสำเร็จแล้วนั้น นางจึงหยุดยืนเพื่อให้ตัวเองได้หายใจออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเหลือกำลัง อา... ไม่ดีแน่ หากยังเป็นอย่างนี้อยู่ไม่ดีแน่ๆ ชีวิตอันแสนจะอิสรเสรีและสงบสุขของนาง ต้องหายไปจากชีวิตน้อยๆ นี้ อย่างไม่ต้องสงสัย นางควรจะทำอย่างไรดี นางจะลืมเรื่องคืนนั้นไปได้หรือไม่ นางควรลืมมันเสีย อย่าได้ใส่ใจ นางต้องไม่ใส่ใจ นางต้องลืมมัน ลืมมันให้จงได้ ลืมมันไป... เมื่อเฉินเจียวเหมยคิดได้อย่างนั้นแล้ว นางจึงยืนตั้งสติ ทำสมาธิ แล้วเพียงหลับตา หญิงสาวยืนหลับตาพิงกำแพงหลังโรงหมออยู่อย่างนั้น นางยังคงกำหนดลมหายใจเข้าออกอยู่อย่างนั้น เพื่อที่จะได้ตั้งจิตภาวนา ให้นางได้ลืมเลือนมันเสีย เรื่องในคืนนั้น นางต้องการจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในคืนนั้น คืนนั้นทั้งคืนนั่น กับบุรุษแปลกหน้าผู้นั้น นางจะต้องลืมเขาให้จงได้ เฉินเจียวเหมยเพียงหลับตาพลางคิด ใบหน้ารูปงามของเขาที่กำลังขยับอยู่ใกล้ๆ นางในคืนนั้น ดวงตาคมกริบทอประกายร้อนแรงใส่หน้านางในคืนนั้น จมูกของเขาที่โน้มเข้ามาหานางพร้อมๆ กับริมฝีปากสีแดงสดของเขาที่โน้มเข้ามาหาใบหน้าของนางนั้น เขาโน้มเข้ามา โน้มเข้ามา แล้วจูบนาง... อา... ใช่... เขาจูบนาง... อย่างนี้ล่ะ... เฉินเจียวเหมยยังคงหลับตาพลางคิดถึงภาพระหว่างนางกับบุรุษแปลกหน้าที่กำลังแนบชิดเบียดเสียดกันไปมาทั้งใบหน้า ทั้งเรือนร่าง แต่ทว่า... นางเพียงแค่คิดเท่านั้น แล้วทำไม... ทำไมมันถึงรู้สึกสมจริงเยี่ยงนี้ ความอุ่นซ่านอย่างนี้ ริมฝีปากแนบชิดอย่างนี้ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้หญิงสาวจึงลืมตา และนางก็ได้เจอ บุรุษผู้นั้นกำลังจูบนาง เขาจูบนางอยู่! เมื่อไหร่กัน! เฉินเจียวเหมยถึงกับตาโตในขณะที่ริมฝีปากของนางกำลังถูกจ้าวจิ่นหลงกดจูบอย่างไม่ยั้งอยู่ตรงกำแพงหลังโรงหมอแห่งนี้ เขากำลังจูบนาง จูบนานแล้วหรือไม่ จูบนางตั้งแต่เมื่อไหร่ ไยนางถึงรู้สึกคุ้นชิน ไม่สิ! ไยนางถึงไม่รู้ตัว ได้อย่างไรกัน จ้าวจิ่นหลงที่เดินเข้ามายังโรงหมอแล้วเห็นไหล่บางๆ ของสตรีนางนี้กำลังยืนพิงกำแพงหลับตาอยู่คล้ายกับว่ากำลังรอเขาอยู่กระนั้น เขาจึงไม่รอช้า รีบเดินเข้ามาหานางแล้วตอบสนองนางในทันที เขาก้มหน้าจูบนางอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะที่นางเพียงหลับตาให้เขาจูบ เขาก็จูบ เขาจูบนางอยู่หลายที รสชาติดีไม่เบา จ้าวจิ่นหลงยังคงก้มหน้าก้มตากดจูบเฉินเจียวเหมยอยู่อย่างนั้น เฉินเจียวเหมยที่เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าถูกบุรุษเจ้าของใบหน้าที่นางกำลังนึกถึงอยู่ กำลังกระทำการอย่างย่ามใจ นางจึงรีบบิดใบหน้าของนางให้เบือนหนี ในขณะที่มือของนางรีบดันแผงอกของเขาให้ออกห่าง แต่นี่... คนหรือรากไม้กัน ไยถึงแน่นเหนียวหนึบหนับอย่างนี้ ไย... ผลัก ไม่ ออก.... ตรงกำแพงหลังโรงหมอแห่งหนึ่ง บัดนี้กำลังมีหนึ่งบุรุษกับหนึ่งสตรีกำลังยืนกระทำการบางอย่างอยู่ตรงริมกำแพงนั่น พวกเขากำลังมีพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ควรให้ใครได้พบเห็น ใบหน้าของพวกเขากำลังแนบชิดเบียดเสียด ริมฝีปากของพวกเขากำลังแทรกซึมล้วงลึก เรือนร่างของพวกเขากำลังเข้าข่ายคลอเคลียพัลวัน จ้าวจิ่นหลงยังคงกดจูบเฉินเจียวเหมยโดยไม่สนใจฝ่ามือเรียวสวยของนางที่กำลังผลักดันแผงอกของเขาแต่อย่างใด สองฝ่ามือของเขาเพียงจับอยู่กับสองพวงแก้มของนาง นิ้วเรียวยาวของเขาเพียงโอบกุมใบหน้านวลเนียนของนางเอาไว้ เพื่อที่นางจะได้ไม่สามารถเบือนใบหน้าและริมฝีปากของนางหนีริมฝีปากของเขาได้แต่อย่างใด “อื้อ...” เสียงอู้อี้ของเฉินเจียวเหมยยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่จ้าวจิ่นหลงยังคงกดจูบนางอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน การจูบยังคงดำเนินอยู่ครู่ใหญ่ ฝ่ามือร้อนกรุ่นที่จับกุมสองพวงแก้มเริ่มเปลี่ยนเป็นโอบกอดลูบไล้ไปตามเรือนร่างไปตามลำตัว เฉินเจียวเหมยเริ่มที่จะหมดแรงต่อต้านใดๆ มือที่ผลักแผงอกของเขาก็เริ่มที่จะหมดแรงผลักดันเขาให้ออกไป ด้วยเพราะว่าปลายลิ้นดุดันของเขากำลังกระตุ้นอารมณ์ของนาง ไม่สิ ไม่ใช่! การกระทำของเขากำลังทำให้นางหายใจไม่ออก นั่นจึงทำให้นางอ่อนแรงลงจนเกือบจะหมดแรงต่อต้านเขา นางหาได้เคลิบเคลิ้มคล้อยตามปลายลิ้นของเขาไม่ เฉินเจียวเหมยเริ่มเรียกสติของตนที่กำลังจะเตลิดเปิดเปิงให้กลับมาเพื่อคิดการแก้ไขสถานการณ์จากการถือสิทธิ์กินเต้าหู้นางอย่างเอร็ดอร่อยของบุรุษน่าตายผู้นี้ นางควรทำอย่างไรดี แกล้งสลบเลยดีกว่า เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว เฉินเจียวเหมยจึงปล่อยฝ่ามือออกจากแผงอกของเขา ปล่อยลำแขนลงข้างลำตัว ทิ้งร่างบอบบางของตนลงบนพื้นเบื้องล่าง ทำท่าทางคล้ายกับว่ากำลังสลบไสลหมดสติไปกลางอากาศ แต่ทว่า...ไยร่างของนางไม่ถึงพื้นเสียที ไยริมฝีปากของนางยังไม่ได้รับอิสระ ไยเขายังไม่รับรู้ว่านางสลบไปแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD