“หยุดดิ้นสักที” สั่งเสียงก้าวร้าวทิ้งวอร์คเกอร์ช่วยเดินกัดฟันเดินด้วยตัวเองดึงแขนวารสากลับเข้าบ้านทว่าหล่อนฝืนกายไว้พลอยดึงกายเขาให้เกือบล้มตามไปด้วย
“คุณเมฆ!”
ตกใจหนักเข้ามาประคองเขาไว้ได้ทัน ถึงโกรธยังไงก็ยังรักและเป็นห่วงเขามากอยู่ดี
“...”
เขากัดฟันกรอด เอ่ยสั่งพลางชี้นิ้วประกอบ
“ไปตรงนั้นหน่อย”
ไม่ตอบรับแต่พยุงเขาไปยังเคาร์เตอร์บาร์ตามคำสั่ง รอเขานั่งลงย้อนกลับไปหยิบวอร์คเกอร์ช่วยเดินมาแล้วจะจากไป
“อย่าไปได้ไหมสา...”
“...”
“เรื่องตอนบ่ายขอโทษ อย่าไปเลยนะ”
จับมือนุ่มนิ่มไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เรื่องนี้เขาผิดเต็มๆ ไม่อยากให้วารสาออกไปข้างนอกคนเดียวตอนกลางคืนเลยต้องขอร้อง “จะออกไปดื่มนอกบ้านใช่ไหม ไม่ต้องไปหรอกนะที่บ้านก็มีเดี๋ยวดื่มเป็นเพื่อน”
เห็นเขาหยิบแอลกอฮอร์ออกมาพร้อมแก้วสองใบ เป็นภาพที่ขัดตาขัดใจวารสามากจนต้องเอาแก้วไปเก็บหนึ่งใบแล้วดื่มคนเดียว ไม่สนใจจะฟังคำถามของเขาสักคำ
“อยู่เมืองนอกดื่มบ่อยไหม แล้วกลับมาเมืองไทยดื่มบ้างหรือเปล่า ทำไมแต่ก่อนนี้ไม่ชอบดื่มของมึนเมาพอตอนนี้กลับดื่ม”
“...”
ไม่ตอบ ยกแก้วขึ้นดื่มทั้งน้ำตา
อัศวเมฆินทร์หงุดหงิดกระชากแก้วเหล้าออกมาจากมือหญิงสาวแล้วเอ็ดเสียงเขียว
“ได้ยินคำถามไหมฮะสาทำไมถึงไม่ยอมตอบ ปากเขามีไว้ให้พูดไม่ได้มีไว้ให้ดื่มเหล้าอย่างเดียว!”
“ไม่รักก็ไม่ต้องมายุ่ง!”
“สา!!”
หล่อนไม่อยากคุยกับเขาในตอนนี้อยากหาอะไรระบายก็นึกขึ้นได้จึงเอาวอร์คเกอร์เขาไปจากบริเวณนี้หอบหิ้วแอลกอฮอร์ยี่ห้อดังมานั่งดื่มอยู่ในห้องโถง ดื่มไปร้องไห้ให้อยากให้มันช่วยลบลืมสิ่งที่เขาเคยต่อว่าสิ่งที่เขาเคยปกป้องผู้หญิงคนนั้น
หมัดแกร่งกำแน่นมองแม่ตัวดีเงียบๆ ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาแล้วแย่งแก้วแอลกอร์ฮอร์มาดื่มซะเอง
วางแก้วลงเสียงดังจ้องตาเป็นมันก่อนคว้าหัวไหล่บอบบางเข้ามาใกล้บดเบียดริมฝีปากลงหนักหน่วง ขบเม้มหนักไปตามกลีบปากหวานฉ่ำกระทั่งแรงสะอื้นหยุดลงถึงยอมคลายออก
สองหนุ่มสามมองตากันเนิ่นนาน
“หยุดประชดได้แล้ว” บอกเสียงอ่อนโยนปลอบประโลมหัวใจหญิงสาว ก่อนจะเอื้อมปลายนิ้วไปเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มนวล ชะงักค้างไล่ปลายนิ้วแตะเหนือรอยนิ้วมือจางๆ เขารู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลเอาดื้อๆ ที่เห็นอย่างนี้ ปลายนิ้วสั่นแตะลงบนรอยนั้น
“เจ็บมากไหม...”
“...”
ดวงหน้าสวยพยักรับน้ำตาตื้นขอบตาอีกครั้ง
วารสาดีใจที่เห็นเขาห่วงหา คุณเมฆคนเดิมของหล่อนกลับมาแล้วใช่ไหม กลับมาแล้วจริงๆ ใช่หรือเปล่า