ตามมาขอโทษ

2333 Words
ที่เชียงใหม่ เพียงขวัญนั่งพับผ้า และดูทีวีไปด้วย สองเดือนแล้วที่เธอมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ คุณโสรยาและกรกนก เมตตาเธอให้หลบอยู่ที่นี่ และยังให้เธอทำงานที่สำนักงานบัญชีของกรกนกที่งานเยอะมาก ทำให้เธอใจดีขึ้นมาบ้างเพราะทุกวันทำแต่งาน ครอบครัวของเมฆาดีกับเธอ ถึงแม้ว่ายังไม่เคยเจอพ่อกับน้องชายของเขา แต่เธอเชื่อว่าทุกคนต้องใจดีแน่นอน คุณโสรยาเอ่ยปากว่า จะใช้หนี้ที่เหลืออยู่ของเธอให้กับลูกชาย แต่เธอห้ามไว้ก่อน ไม่อยากให้เป็นบุญคุณกันมากกว่านี้ เธอจะทำงานและหาเงินใช้หนี้เขาเอง เพราะยังไงก็เป็นหนี้ที่เกิดจากครอบครัวของเธอ ซึ่งจริงๆไม่เกี่ยวกับใครเลย ถ้าได้ทำงานที่นี่แบบนี้ตลอดไปก็คงดี เธอชอบแบบนี้เรียบง่าย ไม่ต้องวุ่นวายกับใคร อยู่แต่กับเอกสารและตัวเลข บ้านหลังนี้เป็นบ้านเดี่ยวขนาดเล็กชั้นเดียว มีสองห้องนอน กรกนกซื้อไว้เวลาที่มาทำงานที่เชียงใหม่ แรกเธอไม่กล้ามาไม่กล้าอยู่ กลัวเมฆารู้ แต่ทั้งคุณโสรยาและกรกนกยืนยันว่า ธุรกิจสำนักงานบัญชีนี้เป็นส่วนตัว และไม่มีใครรู้นอกจากสองแม่ลูก และก็จริง ตั้งแต่เธอมาอยู่ไม่มีวี่แววว่าเมฆาจะหาเธอเจอ ขอให้เป็นแบบนี้ตลอดไป สองเดือนแล้วที่เธอโอนเงินผ่านบัญชีที่คุณสมหมายเคยให้ไว้ สบายใจขึ้นมานิดหน่อย ที่สามารถทำงานและมีเงินใช้หนี้ และยังหาโอกาสไปเยี่ยมครอบครัวได้ด้วย เพียงขวัญฝันไปไกลถึงขนาดว่า หากเธอใช้หนี้หมดพอมีเงิน จะหาซื้อที่ดินสักแปลงปลูกบ้านหลังเล็กๆอยู่กับครอบครัว ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ที่เชียงใหม่ เสียงออดหน้าบ้าน ทำให้เธอต้องหยุดความฝันไว้แค่นั้น สงสัยว่าเกือบหนึ่งทุ่มใครมา เธอเพิ่งคุยกับกรนกเมื่อเช้า บอกว่าสิ้นเดือนจะขึ้นมาเซ็นเอกสารและจะแวะมาพักที่บ้าน เพียงขวัญเดินเร็วออกมาหน้าบ้าน ผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่หน้ารั้วบ้าน สวมเสื้อเชิ้ตยีนแขนยาว กางเกงยีนขายาว สะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่สีดำ สวมแว่นตา เมฆา เขามาได้ยังไงเขารู้ได้ยังไง เพียงขวัญยืนนิ่งอยู่หน้าประตูด้านในของบ้าน “เพียงขวัญเปิดประตูให้หน่อย ไม่ต้องกลัวฉันมาดี มาคุยด้วยดีๆ” “เพียงขวัญเปิดหน่อย เร็วฝนตกแล้ว “ ขวัญเอ้ย....ในที่สุดวันที่กลัวที่สุดก็มาถึง รู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องเจอกับเขา แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ เขาบอกว่ามาดี บอกว่าไม่ต้องกลัว จะเชื่อได้ไหม หนีไม่ได้ก็ต้องสู้ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูรั้วให้เขา “สวัสดีค่ะ”หญิงสาวยกมือไหว้เขารับเป้ที่เขายื่นให้ อยากตีมือตัวเองนักทำไมต้องรับกระเป๋าจากเขาด้วย “สบายดีไหม แขนเป็นยังไงบ้าง” “สบายดี หายแล้วค่ะ” “นี่บ้านใคร อยู่คนเดียวเหรอ” “บ้านพี่กรค่ะ ” “มีเครื่องซักผ้าใช่ไหม ฉันขนผ้าใส่กระเป๋ามายังไม่ได้ซักเลย” “มีค่ะ กินข้าวมารึยังคะ”เนี้ยดันจำได้อีกว่าหกโมงเย็นเขาต้องกินข้าว “ยังเลยลงเครื่องแล้วก็ตรงมาเลย มีอะไรกินไหม หิวมาก” “มีค่ะ มีกระเพราหมูสับ เดี๋ยวฉันทอดไข่ดาวให้ จะอาบน้ำก่อนหรือจะกินก่อนคะ” “ขออาบน้ำก่อนล่ะกัน แป๊ปเดียว” “เชิญห้องนี้เลยค่ะ ฉันเอาผ้าไปซักนะคะ คุณใส่ชุดเดิมก่อนล่ะกัน กินข้าวเสร็จผ้าน่าจะแห้งค่อยเปลี่ยน” เมฆายิ้ม เพียงขวัญหน้าตาแจ่มใสดูมีความสุข เพียงขวัญก็คือเพียงขวัญ ไม่รู้ว่าเคยโกรธหรือแค้นใครบ้างหรือเปล่า ใจดีแบบนี้ไงเขาได้ถึงห่วงและหวงมาก อาบน้ำเสร็จเปิดประตูออกมา ชุดก็วางอยู่ที่เตียงแล้ว แต่งตัวเสร็จกลิ่นอาหารก็โชยมา เขาตั้งใจไม่กินอะไรก็เพราะสิ่งนี้ “กินได้เลยค่ะ กระเพราหมูสับ แกงจืด แล้วก็ไข่ดาว “ “ขอบใจนะ ”อาหารรสเดิมที่เคยกิน แก้วน้ำเปล่าวางไว้ใกล้ๆ เมฆากินข้าวด้วยความอร่อย และมีความสุข ใช่เขามีความสุข เพียงขวัญปล่อยให้เขานั่งกินข้าวที่ห้องอาหารคนเดียว ส่วนตัวเองไปจัดการกับเสื้อผ้าในกระเป๋าของเขา ยัดมาจริงๆนี่เขาตั้งใจมาอยู่สักกี่วันกันแน่ เสื้อผ้าเยอะไปหมด เมฆากินข้าวหมดจาน อิ่มและอร่อยมาก กลับเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องพัก กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดวางไว้เรียบร้อยบนปลายเตียง รู้สึกสบายตัวที่ได้ใส่เสื้อผ้าสะอาด กลับออกมาเจอเพียงขวัญนั่งพับผ้าของเขาที่เพิ่งอบเสร็จวางเรียงรายไว้รอบตัว “มาฉันช่วย จะได้เสร็จเร็วๆ” “พ่อจะผ่าตัดเมื่อไหร่ ก่อนรับปริญญาไหม” “เดือนหน้าค่ะ ถัดไปอีกสองเดือน ฉันรับปริญญา” “เพียงขวัญ เรื่องเมื่อวันนั้นฉันขอโทษนะ ฉันรู้ว่ามันไม่ดีมากๆ รู้สึกผิดจริงๆและฉันสัญญาว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก ที่ฉันมานี่ก็ตั้งใจมาขอโทษเธอและมารับเธอกลับไปทำงาน ฉันรู้แล้วเรื่องที่แม่กับกรจะจ่ายหนี้แทนเธอ แต่ฉันคิดว่าเธอคงไม่ยอมหรอกใช่ไหม” “คุณป้ากับพี่กรใจดีค่ะ แต่ฉันบอกแล้วว่าขอฉันทำงานใช้หนี้คุณเองดีกว่า” “นั่นไง ฉันคิดไว้ไม่มีผิด นี่รู้ไหมว่าป้าจันกำชับให้ฉันพาเธอกลับไปให้ได้ แกคิดถึง” “ฉันสัญญาว่า กลับไปครั้งนี้จะไม่บังคับเธอ อยากอยู่บ้านเล็กหรือห้องไหนก็ได้ และอนุญาตให้เธอกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่กรุงเทพฯได้เดือนละครั้ง ไม่ห้ามเธอออกไปตลาด หรือที่ไหนๆ จะไปที่ไหนก็ได้หมดถ้าเธออยากไป” “เธอไม่เชื่อฉันเหรอ”เมฆามองหน้าคนที่นั่งมองเขาตาแป๋ว “ฉันไม่รู้เหมือนกันค่ะว่า จะเชื่อดีหรือไม่เชื่อดี เราเพิ่งรู้จักกัน ฉันไม่รู้ว่าที่คุณพูดมาทั้งหมด คุณจะทำได้ไหม ฉันไม่รู้ว่านิสัยเดิมของคุณเป็นยังไง ที่ผ่านมาถือว่าฉันไม่รู้จักคุณ เลยอาจเผลอทำให้คุณไม่ถูกใจหรือไม่พอใจได้ และทำให้ฉันต้องเจ็บตัว ฉันตั้งใจไว้แล้วยังไงฉันก็จะทำงานใช้หนี้คุณให้หมด หนี้เป็นของครอบครัวฉัน และฉันต้องทำงานใช้หนี้เอง ไม่ให้ใครมาใช้ให้หรอกค่ะ เรื่องงานฉันไม่กลัวและไม่เลือกว่าคุณจะให้ทำอะไร ขอแค่คุณให้เกียรติฉันบ้าง ยังไงฉันก็เป็นผู้หญิง ฉันขอแค่นั้นก็พอค่ะ” “ฉันสัญญา แต่ถ้ามีปัญหาเธอต้องฟังฉันบ้างนะ ปกติฉันใจร้อน บางทีฉันก็ควบคุมตัวเองไม่ได้” “นั่นแหละค่ะ อันตราย การที่คุณควบคุมตัวเองไม่ได้ มันจะทำให้ฉันไม่ปลอดภัย คุณก็ต้องฟังฉันบ้าง ไม่ใช่ให้ฉันฟังคุณฝ่ายเดียว แล้วคุณก็ไม่ต้องกลัว ยังไงฉันก็จะทำงานใช้หนี้คุณหมดทุกบาททุกสตางค์ ” “ครับ สัญญา แล้วนี่เธอยังต้องส่งงานกรกนกไหม หรือกลับได้เลย “ “ฉันต้องบอกคุณป้ากับพี่กรก่อน เพราะยังไงทั้งสองคนก็ช่วยตอนฉันลำบาก ถ้าไม่มีคุณป้ากับพี่กร ฉันก็ไม่มีทางไป” คำพูดของเพียงขวัญทำให้เมฆาใจเสีย สงสาร ตัวเล็กนิดเดียว ท่าทางยังมีความระแวงเขาอยู่ตลอดเวลา “งั้นคุยเลยไหม วีดีโอคอลเลย “เขาไม่รอให้เพียงขวัญตกลง กดโทรศัพท์โทรไลน์หาแม่และเปิดกล้อง "นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำเขาก็ใจร้อนเหมือนเดิม"เพียงขวัญคิดในใจ คุณโสรยา สงสัยว่าลูกชายโทรหาทำไม และทำไมต้องเปิดกล้อง ส่งโทรศัพท์ให้ลูกสาวคุย “ค่ะพี่เมฆ นั่นอยู่ไหนคะ มีอะไรจะคุยกับแม่เหรอคะ” “พี่อยู่บ้านกร มารับเพียงขวัญ ขอคุยกับแม่หน่อยซิ เพียงขวัญไม่สบายใจบอกว่าต้องบอกแม่กับกรก่อน ถึงจะกลับจันทกับพี่ได้ ” “คุยกันทางโทรศัพท์จะรู้เรื่องอะไร สัญญาณขาดๆหายๆ ก่อนกลับจันทก็พาหนูขวัญมาหาแม่ที่บ้านก่อนล่ะกัน ทุกคนจะได้สบายใจว่าหนูขวัญจะปลอดภัย” แล้วคุณโสรยาก็วางสายไปเลย “เป็นไงล่ะแม่ฉัน เธอว่าฉันใจร้อน แม่ฉันร้อนกว่า ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยวางสายซะแล้ว ตกลงเธอต้องไปใต้กับฉันแล้วล่ะ ไปบอกผู้ใหญ่หน่อย ครอบครัวฉันจะได้สบายใจ และเธอก็จะได้สบายใจด้วย ดีไหม” “จะไปเมื่อไหร่คะ วันนี้วันศุกร์ เสาร์อาทิตย์ฉันหยุด” “เธอเหนื่อยไหม ถ้าไม่เหนื่อยก็ไปพรุ่งนี้เลย ยังไม่ต้องเก็บของเอาไปแค่พอใช้ เผื่อเธอต้องกลับมาทำงานต่อ” “ฉันทำงานที่นี่ต่อได้ไหมคะ พี่กรให้เงินเดือนเท่าที่คุณให้ และฉันก็โอนหนี้ให้คุณแล้วสองเดือน” “ไปทำที่จันทดีกว่า น่ารับรองว่าทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม ฉันตามใจเธออยู่แล้ว” “ค่ะ” ตามใจทุกอย่างยังไง “เธออยากกลับไปเยี่ยมครอบครัวไหม” “ไปได้เหรอคะ”ยังไม่รู้ว่าไปได้หรือไม่ได้แต่ยิ้มไปก่อนแล้ว ไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มนั้นจะทำให้อีกคนใจอ่อนยวบ “ได้ซิ อยู่ได้เท่าที่เธออยากอยู่เลย” “แต่ว่าฉันนอนที่บ้านนะคะ ไม่พักที่คอนโตคุณนะ” “ได้ ได้เลยแต่ว่าฉันไปเยี่ยมครอบครัวเธอได้นะ เพราะฉันก็ว่างไม่มีอะไรทำ” “ขอบคุณนะคะ งั้นเดี๋ยวฉันบอกที่บ้านก่อนว่า ฉันได้พักหลายวันและจะกลับบ้าน ทุกคนต้องดีใจแน่เลย ฉันจะได้คุยกับน้องด้วย เขตต้องเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย ฉันอยากดูแลน้องเผื่อเขาต้องการคำแนะนำ” “ตกลงพรุ่งนี้เราเดินทางช่วงบ่ายนะ ฉันจองตั๋วแล้ว” เพียงขวัญจัดเสื้อผ้าสำหรับของเขาและของเธอ อยากไปใต้เร็วๆหลังกลับมาจากใต้เธอจะได้ไปอยู่กับครอบครัว จากนั้นก็อารมณ์ดีตลอดเวลา คุยไลน์กับน้องชายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพียงขวัญคุยกับน้องเพลินจนลืมเมฆา มารู้สึกตัวอีกทีเงยหน้ามาเมฆาล้มตัวลงนอนหงายกับพื้นอยู่ตรงข้ามเธอ ใช้แขนสองข้างของตัวเองเป็นหมอน “คุณคะ ลุกไปนอนดีๆเถอะค่ะ ตรงนี้พื้นเย็น” “ปกติเธอนอนกี่โมง”เมฆายังงัวเงีย พอได้อยู่ใกล้ๆเพียงขวัญเขาก็กลายเป็นคนที่หลับง่าย “บางวันกลับจากที่ทำงานดึกก็นอนดึกค่ะ แต่ไม่เกินเที่ยงคืน” “งานเยอะเหรอ” “เยอะค่ะ สำนักงานบัญชีของพี่กรกนก มีงานเข้ามาตลอด ” “นี่ฉันไม่รู้เลยนะ กรกนกปิดมิดเลย รู้กันกับแม่สองคน เธอจะนอนหรือยัง จะสามทุ่มแล้ว” “ยังค่ะ เดี๋ยวฉันจะรีดผ้าสำหรับใส่พรุ่งนี้ คุณง่วงก็ไปนอนก่อนได้เลยนะคะ” "ไม่เป็นไรตื่นแล้ว หลับไปนิดเดียวแต่สดชื่นดี เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อน เธอรีดผ้าไปเถอะ” “คุณจะใส่ชุดไหนคะ ฉันจะรีดให้” “เธอเลือกให้ฉันหน่อยล่ะกัน ชุดไหนก็ได้ ฉ้นจะทำงานสักหน่อย” เขาไม่ได้อยากทำงานหรอกเขี่ยโทรศัพท์ไปเรื่อยอยากอยู่ใกล้ๆ บรรยากาศเหมือนเมื่อครั้งที่อยู่สวน เพียงขวัญเดินไปเดินมาทำโน้นทำนี่ อยู่ในสายตาเขาตลอด เมฆาชอบแบบนี้ มันหายไปนาน เป็นที่เขาเองที่ใจร้อนไป ต่อไปต้องรอบคอบ เพียงขวัญยังเด็ก แต่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าเขา ส่วนมากผู้หญิงมักมีเหตุผลกว่าผู้ชาย คิดเยอะกว่า ดูว่าครอบครัวเขาจะชอบเพียงขวัญมาก เขารู้ว่าแม่อยากให้เขาพาเพียงขวัญกลับบ้าน อยากอวดเพียงขวัญ พ่อกับน้องชายเขายังไม่เคยเห็น ป่านนี้ที่บ้านคงบอกน้องชายแล้วว่าเขาจะพาสาวไปบ้าน แต่สาวของเขานี่ยังไม่รู้ตัวเลย คิดแต่เรื่องหนี้สินที่ต้องชดใช้ เขารู้แล้วว่าถ้าจะเข้าใกล้หรืออะไรก็ตามต้องใจเย็นและมีเหตุผลให้มากกว่านี้ เมฆาเขี่ยโทรศัพท์ไปมา คิดอะไรเรื่อยเปื่อยในที่สุดเขาก็หลับไปอีกครั้งบนโซฟา มีเพียงขวัญยืนรีดผ้าอยู่เยื้องๆกัน "คุณคะ ดึกแล้วเข้าไปนอนเถอะค่ะ ฉันรีดผ้าเสร็จแล้ว " "กี่ทุ่มแล้ว"เมฆางัวเงียเขากลับมาหลับง่ายอีกแล้ว "จะห้าทุ่มแล้วค่ะ " "ขอฉันไปดูห้องเธอหน่อยนะ อยากดูว่าปลอดภัยไหม "เขาเดินผ่านหน้าเพียงขวัญเข้าไปในห้องนอนของเธอ สำรวจหน้าต่างประตู เห็นว่าปลอดภัยแล้วกลับออกมา "ปลอดภัยดี เธอไปนอนเถอะ เดี๋ยวฉันปิดไฟเอง" เมฆารอจนเพียงขวัญเข้าห้องปิดประตู จากนั้นเขาดูความเรียบร้อยของประตูหน้าต่าง ปิดไฟ แล้วเข้าห้องนอน ไม่เป็นไรได้แค่นี้ก็ดีแล้ว ถึงไม่ได้นอนเตียงเดียวกัน แค่รู้ว่าอยู่ห้องข้างๆก็สบายใจแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD