14

1379 Words
“นี่คือรายละเอียดของการว่าจ้างในครั้งนี้ เธอทำได้หรือเปล่า” ติณณพัฒน์หันมาถามพิมพิชชาหลังจากที่อธิบายขั้นตอนต่างๆ ที่เธอจะต้องทำในขณะที่สมอ้างเป็นภรรยาของเขา “ฉันทำได้อยู่แล้ว พิมพิชชาซะอย่าง แต่แผนสุดท้ายของคุณ ฉันว่ามันไม่ได้ทำให้ทุกอย่างจบนะ ฉันว่าคุณน่าจะบอกว่าคุณเป็นหมันมากกว่า เพราะถ้าบอกว่าฉันเป็นหมันแล้วก็เดินออกไปจากชีวิตของคุณเอง พ่อกับแม่ของคุณก็ต้องหาสะใภ้มาให้คุณแน่ๆ เลย เพราะท่านอยากมีหลาน ทางเดียวที่จะทำให้ท่านไม่เซ้าซี้เรื่องนี้อีก คุณต้องบอกว่าตัวคุณเองนั่นแหละที่เป็นหมัน ส่วนที่ฉันเดินออกไปจากชีวิตของคุณก็บอกกับท่านไปว่า ฉันอยากมีลูกมาก ในเมื่อคุณเป็นหมันฉันก็เลยทนอยู่ต่อไปด้วยไม่ได้ บอกอย่างนี้สิมันถึงจะเรียกว่าจบจริงๆ” ติณณพัฒน์ถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ จริงอย่างที่พิมพิชชาพูด ถ้าเขาทำตามวิธีที่คิดไว้เรื่องทุกอย่างมันจะไม่จบ มันจะต้องเริ่มต้นขึ้นอีก บิดามารดาต้องให้เขาแต่งงานกับหยกแก้วเพื่อที่จะได้มีหลานให้ท่านทั้งสองอุ้ม แต่ถ้าบอกว่าเขาเป็นหมัน เรื่องทุกอย่างมันก็จะได้จบ ไม่คิดว่าแม่คลองแสนแสบคนนี้จะมีแผนการดีๆ อยู่ในสมอง ท่าทางที่ห้าวเกินร้อย ความมั่นใจเต็มเปี่ยมอย่างนี้ รับรองว่าแผนการของเขาที่วางไว้ต้องผ่านฉลุยแน่นอน “ก็ดีนะ ความคิดของพิมไม่เลวเลย นายเห็นด้วยไหมไอ้คุณต้น” ตุลาการสนับสนุนความคิดของพิมพิชชาอีกคน “อืม ใช้ได้ เอาอย่างที่เธอพูดก็ได้ เอาเป็นว่าเรื่องแผนการเป็นอันเคลียร์ ต่อไปเราก็มาพูดเรื่องค่าจ้างกัน ฉันจะจ้างเธอทำงานนี้หนึ่งหมื่นห้าพันบาท โอเคหรือเปล่า” จำนวนเงินที่ติณณพัฒน์เสนอให้ผู้รับจ้างนั้น มากที่สุดที่พิมพิชชาเคยรับงานมา เธอจะพอใจในจำนวนเงินที่เขาเสนอให้ถ้าเผื่อเธอไม่เจอเขาทำอะไรทุเรศๆ และทำท่าจะเข้ามาทำร้ายเธอก่อน งานนี้เธอต้องเอาคืน พิมพิชชาล้วงหยิบเครื่องคิดเลขในกระเป๋าสะพายออกมา ก่อนจะจิ้มกดตัวเลขที่อยู่บนเครื่องคิดเลข บวกลบคูณหารจนพอใจ จากนั้นก็ยื่นให้เขาดู ตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเครื่องคิดเลข “นี่คือจำนวนเงินค่าจ้างที่ฉันต้องการได้จากคุณ” ดวงตาของติณณพัฒน์โตเท่าไข่ห่าน เมื่อเห็นตัวเลขค่าจ้างที่ปรากฏอยู่บนเครื่องคิดเลข “หนึ่งแสน จะบ้าเหรอ ทำไมมันมากมายอย่างนี้ล่ะ” “แพงที่ไหนไม่แพงหรอก งานแต่ละงานที่ฉันรับค่าจ้างต่างกันนะ ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงาน งานคุณเป็นงานใหญ่ ฉันก็เลยต้องคิดแพง หน่อยสิคุณลองคิดดูนะ งานนี้ฉันต้องโกหกทั้งพ่อแม่ ญาติพี่น้องของคุณ ว่าฉันเป็นเมีย ฉันต้องยอมทำบาปผิดศีลข้อสี่ ยอมตกนรกหมกไหม้ยอม ให้ตัวเองทนเจ็บช้ำที่ละเมิดคำสั่งสอนของพระศาสดา ฉันน่ะเป็นคนถือศีลห้าไม่ใช่ละเมิดศีลห้า เวลาทำบาปแต่ละครั้งหัวใจของฉันมันเจ็บหนึบ ทรมานเหมือนตัวเองอยู่ในกองไฟ ฉันไม่เหมือนคุณนี่ที่ยอมทำบาปโดยไม่ได้คิดอะไร ใจทราม บ้ากาม ปากไม่ดี ชอบโกหก เท่านั้นยังไม่พอนะ วันที่ฉันไปหาพ่อแม่ของคุณ ฉันก็ต้องหยุดงานเสียรายได้ คุณก็ต้องชดเชยรายได้ให้ฉันสิมันถึงจะถูก ยังมีค่าเมื่อยปากที่ฉันจะต้องคอยตอบ คำถามของพ่อแม่คุณที่จะต้องถามฉันแน่นอนว่า เจอคุณที่ไหน รักกัน เมื่อไหร่ อยู่กินด้วยกันนานหรือยัง ไม่เพียงแต่ปากเท่านั้นนะที่พูด สมองของฉันก็ต้องคิด ต้องประมวลหาคำตอบอีกด้วย ฉันไม่ได้โกหกเป็นไฟ อย่างคุณนี่ ที่จะโกหกได้ทุกที่ทุกเวลา กะล่อน ปลิ้นปล้อน หลอกลวง ไม่จริงใจ ยังไม่หมดเวลาที่ฉันไปโรงพยาบาลจะต้องให้หมอตรวจอีก อาจจะต้องเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ และอื่นๆ อีก ถ้าเจาะเลือดฉันก็ต้องเจ็บ รอยเข็มมันก็ต้องจารึกไว้บนแขนของฉัน มองทีไรหัวใจของฉันก็ต้องเจ็บจี๊ด ฉันไม่หนังหนาเหมือนคุณนี่ที่ไม่รู้จักเจ็บเวลาโดนเข็มแทง หนังหนา เหมือนหนังควายไม่มีผิด ยังไม่จบแค่นี้นะยังมีอีกข้อ...” พิมพิชชายังไม่ทัน ที่จะพูดจบ เสียงของติณณพัฒน์ก็เบรกเธอดังเอี๊ยด “พอเลยพอ พอแล้วไม่ต้องพูดแล้ว เธอยิ่งพูดฉันยิ่งดูไม่ดียังไงก็ไม่รู้ ทั้งใจบาปหยาบช้า เก่งเรื่องโกหก หนังหนาเหมือนหนังควาย นี่เธอหลอก ด่าฉันหรือเปล่าเนี่ย” เขาสงสัยในคำพูดของเธอยิ่งนัก แต่ละคำเหมือนกับว่าเธอกำลังหลอกด่าเขาชัดๆ เลย แม่คลองแสนแสบที่นั่งลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้กับคำพูดของเขาร้ายไม่ใช่เล่นเลย มันน่าจับหวดก้นนัก ผู้หญิงอะไรปากคอ จัดจ้าน แถมมือไวอีกต่างหาก เขายังจำความแสบสันที่เธอฝากไว้บนยอดอกของเขาได้ดีไม่มีลืม รับรองเขาจะเอาคืนให้ทบต้นทบดอกเลย แต่คราวนี้ต้องยอมไปก่อน เพราะพิมพิชชานี่แหละเหมาะสมที่สุดที่จะทำงานนี้ ตุลาการกับเบญจวรรณอยากจะหัวเราะออกมาแต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ ได้แต่อมยิ้มกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ ติณณพัฒน์มีคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อก็คราวนี้แหละ ตุลาการคิดในใจ “เปล่า ฉันไม่ได้หลอกด่า คนอย่างฉันถ้าด่าก็ด่าตรงๆ แล้วตกลงคุณ จะให้ค่าจ้างตามที่ฉันขอหรือเปล่า” พิมพิชชาตอบปฏิเสธพร้อมกับเอ่ยถามเรื่องค่าจ้าง “ตกลงหนึ่งแสนบาทตามที่เธอขอมา แต่มีข้อแม้นะ” ติณณพัฒน์ไม่ ยอมให้ตัวเองเสียเปรียบฝ่ายเดียวแน่นอน “ข้อแม้อะไร” “เธอต้องย้ายไปอยู่กับฉันที่คอนโดฯ” คำพูดของเขาทำให้พิมพิชชาเบิกตากว้าง ไปอยู่กับเขาที่ คอนโดมิเนียม ข้อนี้ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนี่นา ไม่มีทาง เธอไม่ยอมไปอยู่กับเขาแน่ๆ มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องตอบรับคำสั่งของเขาด้วย “ทำไมฉันต้องไปอยู่กับคุณที่คอนโดด้วยล่ะ” “มีเหตุผลตั้งหลายข้อจะฟังไหมล่ะ ข้อหนึ่ง เธอเป็นเมียฉัน ถึงจะเป็นเมียจำเป็นก็เถอะ แต่ก็ยังถือว่าเป็นเมีย เพราะฉะนั้นเมียก็ต้องอยู่กับผัวเป็นของธรรมดา ข้อสอง ถ้าเผื่อคุณพ่อกับคุณแม่ส่งลูกน้องมาดูลาดเลาว่าเราสองคนเป็นผัวเมียกันจริงหรือเปล่า ถ้าท่านรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่กับฉันที่คอนโดฯ ความก็แตกน่ะสิ มีอย่างที่ไหนผัวอยู่อีกที่เมียอยู่อีกที่ มันไม่สมจริง ส่วนข้อสามเป็นกรณีที่ต่อเนื่องกับข้อสอง ถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้ว่าเธอ ไม่ได้อยู่กับฉันที่คอนโดฯ ท่านก็ต้องถามถึงเหตุผล ซึ่งฉันก็จะต้องหาคำตอบมาให้ท่าน คำตอบของฉันมันก็หมายถึงการโกหก ฉันก็ต้องผิดศีล ข้อที่สี่ แค่โกหกคุณพ่อกับคุณแม่ว่าเธอเป็นเมียก็บาปหนักหนาแล้ว อย่า ให้ฉันบาปมากกว่านี้เลย ข้อสี่เกี่ยวโยงกับข้อสองและสาม ถ้าเราสองคนถูกจับได้ว่าเราไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แม่ของฉันก็ต้องทุกข์หนักมากกว่าเดิม อาการป่วยก็อาจจะหนักกว่าเดิม ข้อนี้แหละที่บาปมากที่สุด ตกนรกหมกไหม้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลยงานนี้ บาปมันไม่ได้อยู่ที่ฉันคนเดียวนะ เธอก็ต้องบาปกรรมตามฉันไปด้วยเพราะเราสองคนร่วมมือกัน นี่คือเหตุผลที่เธอต้องไปอยู่กับฉันที่คอนโดฯ ชัดไหม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD