EP 23

1128 Words
“หม้อเดือดมากแล้ว กินกันเถอะลูก” ปรียาลุกจากโซฟาตัวเก่า เดินตรงไปยังโต๊ะที่มีควันพวยพุ่งออกจากกระทะไฟฟ้าด้ายท่าทีปกติ ราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจก็ไม่ปาน ปริยกรรู้ดีว่าแม่คิดหรือรู้สึกยังไง และดีใจที่วิธีการหนีปัญหาของแม่แบบนี้ ทำให้ใจตัวเองเย็นลงไปได้ เพราะถ้าแม่ลุกมาโวยวายหรือตัดพ้อพ่อแม้เพียงประโยคเดียว ตัวเองก็คงจะผสมโรงด้วยไม่ยากเย็นเลย “จ้ะแม่” เลยรับคำแค่นั้น แล้วค่อยๆ ลดไฟที่ร้อนระอุลง ก่อนจะยิ้มบางๆ ให้แม่ แล้วให้ความสนใจกับมื้อเที่ยงในเวลาบ่ายโมง แทนที่จะเก็บเอาเรื่องไร้สาระเมื่อครู่มาใส่ในหัว รังแต่จะทำให้อยู่บ้านนี้ยากขึ้นทุกวันเท่านั้น   สี่โมงเย็นเป็นเวลาที่เหล่านิสิตต่างเดินออกจากห้องสอบวิชาสุดท้ายพร้อมกัน คนที่ไม่ได้เตรียมตัวมาหรือมีเวลาอ่านหนังสือน้อย ใบหน้าก็สลดหดหู่ไปตามๆ กัน ด้วยรู้ชะตากรรมดี ว่ามีหวังได้ลงเรียนซ้ำวิชานี้แน่ แต่สำหรับคนเตรียมตัวมาดีก็มีใบหน้าผ่อนคลายเหมือนยกภูเขาออกจากอกยังไงยังงั้น ปริยกรกับพิมลแขก็จัดอยู่ในกลุ่มหลัง ทั้งสองคนต่างเดินคุยกันไปด้วยเรื่องข้อสอบ ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่นาทีนี้ แต่ก็ด้วยท่าทีสบายอกสบายใจไม่น้อย “สอบเสร็จแล้วไปหาอะไรอร่อยๆ กิน ก่อนแยกย้ายกันดีมั้ยเดียร์ เราเลี้ยงเอง” พิมิลแขเสนอด้วยท่าทีเอาจริง ปริยกรเองก็เห็นด้วยไม่น้อย เพราะตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา มีน้อยครั้งนักหนาจะได้ไปนั่งกินข้าวในร้านดีๆ ด้วยกัน “ก็เอาสิ แต่ให้เราเลี้ยงเองนะมล” “จะดีเหรอ” “มลค*****นให้เราตั้งห้าพันแล้วนะ เรายังไม่ได้ตอบแทนน้ำใจเลย” เพราะพิมลแขทำไว้อย่างที่พูดจริงๆ ตั้งแต่วันที่ปริยกรชวนไปหาแจ้สที่บ้าน เพื่อใช้เงินที่ออกค่าเทอมให้ก่อนแล้ว แม้ปริยกรจะไม่ยอมรับยังไง สุดท้ายก็จำต้องรับเงินคืนมาเก็บไว้อยู่ดี “เราไม่อยากได้เงินที่มาจากความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของเพื่อนหรอก เดียร์เก็บไว้ใช้ยามจำเป็นดีกว่า ต่อให้จะมีรายได้เพิ่มอีกยังไง แต่สถานการณ์ของเดียร์กับแม่ก็ยังน่าเป็นห่วงกว่าเรามากนะ” “มีเพื่อนแสนดีขนาดนี้ เดียร์ต้องรักษาเอาไว้นะจ๊ะ อย่าทำอะไรให้หมางใจกันล่ะ เอาเป็นว่าพี่คืนให้อีกห้าพันแล้วกัน ถือว่าช่วยค่าเทอมนะ ตั้งใจเรียนให้จบ จะได้มีงานดีๆ ทำ ถ้ามีอะไรก็มาหาพี่ได้” แม้ปริยกรจะประทับใจในตัวแจ้สยังไง แต่ก็บอกกับตัวเองเอาไว้แล้วว่า คงไม่คิดจะไปหาอีกครั้งแน่ หรือถ้าไปก็คงจะเป็นด้วยธุระอย่างอื่น ไม่ใช่เรื่องนั้นอย่างแน่นอน “งั้นก็ตามใจ ว่าแต่เจ้ามือจะเลี้ยงอะไรล่ะ” พิมลแขยิ้มรับน้ำใจเพื่อน แล้วครุ่นคิดว่าจะกินอะไรดี ก็พอดีกับเพื่อนในคณะอีกสองสามคนเดินมาได้ยินเข้า และประจวบเหมาะกับกำลังวางแผนจะไปเลี้ยงฉลองสอบเสร็จเหมือนกัน ทั้งหมดเลยชวนกันไปร้านจิ้มจุ่มที่อยู่ไม่ไกลนัก และร้านแถวนั้น ต่างเต็มไปด้วยนิสิตที่พากันไปฉลองกันถ้วนหน้า พออิ่มท้องแล้ว ต่างก็ชวนกันไปต่อที่อื่น บางกลุ่มก็จะไปผับ บางกลุ่มก็จะไปหาที่แด้นซ์ พิมลแขไปกับกลุ่มหลัง ส่วนปริยกรนั้นขอตัว เพราะเหนื่อย อยากกลับบ้านไปนอนกับแม่มากกว่า เลยโบกมือลาผองเพื่อนตรงหน้าร้านนั้น แล้วเดินไปหาป้ายรถเมล์ ‘เอี๊ยด!!!’ แต่ยังเดินไปไม่ถึงด้วยซ้ำ ก็มีรถหรูหรามาจอดเทียบข้างบาทวิถีแล้ว หญิงสาวหยุดกึก มองอย่างเคืองๆ เพราะตกใจไม่น้อยกับเสียงเบรคนั้น ครั้นเห็นคนเดินออกจากรถมา ก็ถึงกับอ้าปากค้าง ด้วยไม่คิดว่าจะเจอเขาตรงนี้ “ขึ้นรถสิ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” ปาลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ทำเอาสาวผู้ไม่เข้าใจ ว่าเขามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เผลอก้าวเดินไปขึ้นรถที่เขาอ้อมมาเปิดประตูให้ พอรู้ตัวอีกที เขาก็ออกรถไปเรียบร้อยแล้ว เลยหันไปหาแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบนุ่ม “คุณมีอะไรเหรอคะ” “ผมเพิ่งกลับจากต่างประเทศมา เหนื่อย!!! อยากหาคนกินข้าวกับนวดให้หน่อย คุณว่างใช่มั้ย สอบเสร็จแล้วนี่” ปริยกรเห็นเขาบอกด้วยท่าทีเรียบขรึม ตาก็มองถนนข้างหน้า มือก็ควบพวงมาลัยไม่ได้หันมาหาด้วยซ้ำ “เอ่อ! ค่ะ” “งั้นก็โทรไปบอกแม่คุณที จะด้วยเหตุผลอะไรก็ได้ ที่คุณไม่ต้องกลับไปนอนบ้านคืนนี้น่ะ ผมหิวมากเลย หาที่กินข้าวก่อน” ไม่รู้อะไรสั่งให้ปริยกรควานหามือถือในกระเป๋า มากดโทรออกไปหาแม่ “แม่จ๋า! คืนนี้เดียร์จะไปทำงานแล้วนะจ๊ะ คงกลับไปนอนบ้านไม่ได้ แม่มีอะไรกินมื้อเย็นหรือเปล่าจ๊ะ” พอได้ยินคำบอกของแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว ลูกก็สบายใจ เลยวางสายโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา แม้ในใจจะรู้สึกไม่ดีอยู่บ้างที่โกหกแม่ แต่อันที่จริงก็ไม่ได้โกหกเสียทีเดียว ในเมื่อตัวเองจะต้องทำงานจริงๆ เพียงแค่ไม่ได้บอกว่าเป็นงานอะไร เพราะถ้าแม่รู้ก็รังแต่จะเสียใจไปเปล่าๆ ‘นี่เธอตกลงจะทำงานให้เขาแล้วเหรอเดียร์ งานเป็นคู่นอนให้เขานี่นะ’ ประโยคนี้ดังอยู่ภายใน แต่ปริยกรก็ไม่คิดจะคิดอะไรต่อ ในเมื่อรับเงินเขามาแล้ว และเขาคือผู้มาช่วยกู้สถานการณ์อันวิกฤตให้แล้ว อีกทั้งเขายังเป็นชายในฝันอีก จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธเขาไปด้วยซ้ำ   ปริยกรทำตาปริบๆ เมื่อเขาพาเดินไปยังฟู๊ดคอรสในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ด้วยไม่คาดคิดว่าคนอย่างเขาจะกินอะไรพื้นๆ ด้วย ท่าทีของเขาตอนไปแลกบัตรนั้นคล่องแคล่ว ราวกับทำแบบนี้อยู่เป็นนิจ ผิดกับตัวเองที่ไม่ค่อยได้เข้าห้างด้วยซ้ำ “คุณจะกินอะไรก็เลือกได้เลย ผมเลี้ยงเต็มที่” 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD