ยกน้ำชา

3384 Words
บทที่8 ///ยกน้ำชา  เมื่อยามเฉินมาเยือนจ้าวไห่เฉิงก็พา'ฮูหยินจ้าว'ของตนเองก้าวเข้าสู่จวนหลักที่บิดาท่านใต้เท้าหวง...หวงรั่วไห่บุรุษผู้สงบเยือกเย็นนั่งเด่นอยู่ตรงเก้าอี้ที่จัดวางตำแหน่งกึ่งกลางโดยมีต้าหวงฮูหยินนาม'จ้าวลู่เจิน'สตรีวัยห้าสิบหกหนาวนั่งอยู่ด้านขวามือส่วนด้านซ้ายนั้นคือหวงฮูหยินรองกำลังนั่งรอคู่สามีภรรยาใหม่เพิ่งผ่านราตรีเข้าหอมาใหม่เอี่ยมอ่องเพื่อทำพิธียกน้ำชาในยามเช้าแห่งชีวิตคู่สามีภรรยา แห่งเป่ยเหลียง  ซึ่งเซียวหมิงเยว่นางจะมิมีปัญหาอันใดเลยหากว่าท่าน'เหล่ากง'ผู้มากราคะหาแต่หนทางหลอกกินเต้าหู้ของนางเขาจะมิโอบอุ้มนางประหนึ่งบิดากำลังอุ้มบุตรหลานอันเป็นที่รักยิ่งเช่นนี้   "ใต้เท้าหวง...ต้าหวงฮูหยิน...จ้าวไห่เฉิงและฮูหยินจ้าวเสียมารยาทแล้ว"   จากนั้นท่านรองแม่ทัพจ้าวก็หันกายไปโค้งคำนับบรรดาอนุภรรยาของบิดาที่นั่งเก้าอี้ถัดมาอีกนับสิบ...   มิผิดเพียงเก้าอี้ของเหล่าสตรีที่คงจะเป็นอนุภรรยามากกว่าพี่น้องร่วมบิดาของจ้าวไห่เฉิงนั้นนางนับจนแน่ใจก็ได้จำนวนสิบสี่นางพอดิบพอดี ตกลงนี่อนุภรรยาหรือรับสาวงามประประดับจวนกันเล่ามากมายประหนึ่งฮาเร็ม   "เหตุใดจึงต้องโอบอุ้มกันเข้ามาช่างไร้มารยาทไร้การอบรมเช่นนี้เล่าท่านรองแม่ทัพจ้าวเห็นทีหยวนกุ้ยเฟยนั้นนางคงจะเลี้ยงดูลูกชายบุญธรรมได้หย่อนยานอย่างยิ่ง"   สตรีวัยห้าสิบห้าหนาวช่วงต้นแต่กลับมีใบหน้างดงามเกินวัยราวสตรีสาววัยคงไม่เกินสามสิบดีก็จริง  ทว่าดวงตาของนางช่างดุดันคล้ายสุนัขล่าเนื้อดูมิชวนคบหาแล้วยิ่งในยามนางเอ่ยคำทักทายออกมาประโยคแรกกลับมีน้ำเสียงเหี้ยมโหดมิคล้ายสตรีสูงศักดิ์เอาเสียเลยนี่หรือท่านป้าของสามีนางช่างรักใคร่หลานและลูกเลี้ยงอย่างถึงแก่นเสียจริง  ...ยังดีอยู่บ้างว่าสตรีผู้นี้มิใช่มารดาสามีแท้จริงของข้าหาไม่...ตำนานบทใหม่ระหว่างลูกสะใภ้ผู้อ่อนแอกับมารดาสามีมหาภัยคงได้บังเกิดเสียเป็นแน่...   "ไห่เฉิงต้องขออภัยใต้เท้าหวง...ขออภัยต้าหวงฮูหยิน และท่านฮูหยินรองหวงอีกสิบสามท่านด้วย ก็เมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นค่ำคืนเข้าหอ ท่านใต้เท้าหวงเป็นบุรุษคงยากจะเข้าใจทว่าฮูหยินทุกท่าน ย่อมรู้แจ้งใช่หรือไม่ว่าเหตุใด เสี่ยวเยว่นางจึงเดินด้วยขาของตนเองมิได้"   เอาที่ท่านสบายใจจะเล่นใหญ่เลยเจ้าค่ะเหล่ากง!นางจะถือเสียว่าคนที่กำลังขายหน้ามิใช่ตนเอง  ...ก็แล้วกัน...   คนที่กลัวตายมากกว่ากลัวอายแสร้งทำเป็นหูหนวกตาไม่ดีผู้ใดจะเข่นฆ่ากันด้วยสายตาและวาจาในโถงแห่งนี้นางจะตั้งใจมั่นคงว่าตนเองมิเกี่ยวข้องทั้งสิ้น   ...ปัง!...   "บังอาจ! ...ต่อหน้าบิดาของเจ้าก็มิรักษากิริยากล่าววาจาหน้ามิอายเช่นนี้ได้เช่นไร...วางนางลงเสียจ้าวไห่เฉิง ถึงไม่นับถือข้าในฐานะของท่านป้าก็ช่วยไว้หน้าฐานะต้าหวงฮูหยินของข้าด้วย"   ...อั่ยย่ะ...   หากที่'เหล่ากง'นั้นกล่าวถึงราตรีเข้าหอนั้นเป็นคำที่หนักเกินไปสิ้นความละอายเช่นนั้น...ฮูหยินที่นั่งเป็นทิวแถวยาวไปจนสุดโถงกับบรรดาพี่น้องของ'ท่านรองแม่ทัพจ้าว'ของนางนั้นจะเรียกว่าอันใดกันเล่า   ...ช่างเป็นบิดาสามีในตำนานเสียจริงมีฮาเร็วราวกับฮ่องเต้ก็มิปาน...  เซียวหมิงเยว่นางถึงกับเริ่มนับถือบุรุษผู้เป็นท่าน'พ่อสามี'อย่างยิ่งที่เขากลับนั่งดื่มน้ำชานิ่งสงบในขณะที่ต้าหวงฮูหยินออกโรงเต้นงิ้วเสียงดังขรมไปหมดอยู่ได้   ...ช่างเป็นบุรุษที่เข้ากับคำกล่าวที่ว่า'ลอยตัวอยู่เหนือทุกปัญหา'โดยแท้...   ...ปัง! ...   "บัดซบ! ...นี่...นี่นางมิใช่คุณหนูสามของสกุลหลิ่วจะเป็นหลิ่วหลิงหรงหรือหลิ่วหลินอียิ่งมิใช่ นี่มันคือสิ่งใดกันจ้าวไห่เฉิง!"   ...ความซวยบังเกิดแล้วเสี่ยวเยว่เอ๊ย....   คนผู้ที่คิดว่าตนเองจะเป็นผู้ดูชมอยู่ในมุมสงบเริ่มจะเดือดร้อนคล้ายเพลิงกำลังลามเลียเผาไหม้ชายอาภรณ์เข้าเสียแล้ว ยังดีว่า'เหล่ากง'ของนางนั้นยังพอพึ่งพาอาศัยได้ที่นางเสียไปเมื่อราตรีที่ผ่านมาจึงนับว่าสูญเปล่าเท่าใดนัก   "ยายเฒ่านี่ช่างแสดงงิ้วได้ดียิ่ง"   ...ปากร้ายกว่าแม่ค้าปลาสดคงต้องยกให้ท่านรองแม่ทัพจ้าวแล้ว...   ในขณะที่เซียวหมิงเยว่นางคิดนินทา'ท่านรองแม่ทัพจ้าว'อยู่นั้นเขากลับกุมมือของนางจนแน่นด้วยคงคาดว่านางอาจตกใจเสียขวัญแต่อันที่จริงก็...ใช่นั่นแหละก็ต้องมาเผชิญกับโทษยิ่งใหญ่ของชาวเป่ยเหลียงเลยทีเดียวสำหรับผู้เป็นสาวใช้ต่ำต้อยแต่สุดท้ายนางก็จะทำอันใดได้กันนอกจากยืนกลอกดวงตาเลิ่กลั่กมองไปที่บิดาสามีสลับมารดาเลี้ยงของสามีคนเถื่อน   ที่เพิ่งถูกสวรรค์บันดาล (ถีบส่ง) ลงมาให้แบบจัดด่วนด้วยหัวใจหวั่นไหวเพราะตนเองก็เป็นเพียงสาวใช้ตัวเล็กๆ นางหนึ่งเท่านั้นมีค่าหรือก็มิอาจเทียบได้กับมดตัวน้อยเพียงหนึ่งตัวด้วยว่าในยุคสมัยนี้และดินแดนแห่งนี้   จะอยู่หรือตายคงมีแต่ท่านรองแม่ทัพจ้าวผู้สามีเท่านั้นที่จะช่วยนางได้หากผิดไปก็มีแต่ตายเท่านั้นจึงจำต้องยืนปิดปากให้สนิทแล้วปล่อยทุกสิ่งให้จ้าวไห่เฉิง'จัดการ'ไปเท่านั้น   "โอ๋ว...เรื่องสลับจับยัดเยียดสาวใช้แล้วส่งมาให้แก่ไห่เฉิงนี้ที่แท้ท่านแม่ใหญ่มิทราบจริงแท้หรอกหรือ?"   เป็นอันแจ้งแก่ใจกันมาเนิ่นนานว่าแม้แต่บิดาจ้าวไห่เฉิงนั้นยังไม่ยอมเรียกขานว่า'ท่านพ่อ'นับจากเขารู้ความว่าอันใดเป็นอันใดและเหตุใดตนเองจึงมิอาจเป็นได้แม้แต่บุตรจากอนุภรรยา   เช่นนั้นวันนี้รองแม่ทัพใหญ่แห่งเป่ยเหลียงเขาถึงขั้นเอ่ยเรียกต้าหวงฮูหยินว่า'ท่านแม่ใหญ่'ทั้งที่ตลอดมาแม้แต่คำว่า'ท่านป้าใหญ่'เขายังไม่ยอมรับวันนี้เขาเปิดปากเกรงว่าแม้แต่ใต้เท้าหวงที่นั่งทะมึนเด่นอยู่กลางเรือนก็คงมิอาจต้านทานพายุอารมณ์โทสะนี้ไปได้   "หึ...หากเรื่องนี้แม้แต่ท่านแม่ใหญ่ยังมิแจ้งใจเช่นนั้นไห่เฉิงก็คงยิ่งโง่งมอย่างยิ่งแล้ว"   มุมปากแกร่งกดลึกดวงตาหงส์นั้นหรี่แคบลงสามส่วนดูย่อมรู้เขาเท่าทันทุกสิ่งที่ต้าหวงฮูหยินไปแล้วไม่เหลือ  “ที่เจ้ากล่าวมามันมีความหมายว่าเช่นไรกันหรือเฉิงเอ๋อร์?”   นับเป็นครั้งแรกที่ใต้เท้าหวงวางถ้วยน้ำชาแล้วขยับกายพร้อมด้วยริมฝีปากที่เอ่ยถามขึ้นมาเป็นประโยคแรกนับจากที่นางและจ้าวไห่เฉิงก้าวเข้ามาในห้องโถงหลักของจวนสกุลหวงแห่งนี้ เขามิได้แสดงอาาการใดไม่ว่าจะพึงใจหรือไม่พึงใจที่สะใภ้รองของตนเองนั้นดันกลายเป็นสาวใช้ไปเช่นนี้  “อา...คำถามเช่นนี้เกรงว่าใต้เท้าหวงคงต้องสอบถามความจริงทุกสิ่งเอาจากต้าหวงฮูหยินเสียแล้วผู้โง่เขลาเช่นไห่เฉิงคงยากจะตอบทุกความจริงไปได้เพราะตลอดวันของเมื่อวานก็ล้วนมีหน้าที่เป็นเจ้าบ่าวตามที่ใต้เท้าหวงและฝ่าบาทเห็นสมควรเท่านั้นส่วนเจ้าสาวนั้น...จะเป็นผู้ใดจัดหาส่งมาให้ไห่เฉิงผู้กตัญญูอย่างยิ่งมีหรือจะบังอาจขัดขืนมิยินดีน้อมรับเอาไว้ด้วยหัวใจไปได้"   เพียงจบคำพูดของจ้าวไห่เฉิง สตรีที่นั่งวางสีหน้าแต้มรอยยิ้มมากเล่ห์อยู่เป็นเนืองนิตย์นางก็พลันเริ่มจะคงรอยยิ้มอ่อนหวานมากเมตตาปรานีต่อไปอีกมิไหวเสียแล้ว   ...เจ้าเด็กสมควรตายผู้นี้มันรู้เท่าทันแผนการของนางเสียแล้วสินะ...   "แต่จะอย่างไรก็ตามไห่เฉิงนั้นคงต้องขอบคุณท่านแม่ใหญ่อย่างยิ่งที่จัดการเป็นธุระให้ไห่เฉิงทั้งสิ้นจนลุร่วงไปด้วยดีทุกสิ่ง...มิว่าจะเป็นการจัดการส่งรถม้าของพี่ใหญ่กับคุณหนูหลิ่วคนพี่ออกไปเสียจากเมืองหลวงไปจนถึงตำหนักองค์ชายสาม"  ถึงจะบอกว่าให้ถามต้าหวงฮูหยินดูเถิดแต่สุดท้าย'เหล่ากง'ของนางกลับเอื้อนเอ่ยออกมาจนใบหน้างดงามเฉิดฉายของจ้าวลู่เจินนั้นพลันดำมืดไปหกส่วน!  "แล้วจัดการส่งคุณชายจางกับคุณหนูหลิ่วผู้น้องให้เร่งลงแดนใต้จากนั้นจึงให้คนสกุลหลิ่วกลอกยาสลายกระดูกให้แก่เสี่ยวเยว่จากนั้นก็จัดการส่งนางมาให้ไห่เฉิงอีก...การเหล่านี้ไห่เฉิงมีแต่ซาบซึ้งใจต่อน้ำใจอารีนี้ของท่านแม่ใหญ่อย่างยิ่งแล้ว"  กล่าวจบท่านรองแม่ทัพจ้าวเขาก็คว้าถ้วยน้ำชาจากสาวใช้มากุมเอาไว้ก่อนจะโค้งกายดูนอบน้อมจริงใจซึ่งทุกสิ่งดูเหมือนจะดีหากเขาจะยกน้ำชานั้นไปส่งให้แก่ต้าหวงฮูหยินมิใช่เทราดมันลงไปในถาดที่สาวใช้นางนั้นประคองถือเอาไว้ดังกับกำลังกราบไหว้คารวะป้ายวิญญาณ!  "น้ำชาถ้วยนี้ก็ขอให้ท่านแม่ใหญ่ดื่มชื่นใจเถิด"  ...ปัง!...  "จ้าว...ไห่...เฉิง!...เจ้าเด็กสมควรตาย!!!"  จากที่ในยามแรกต้าหวงฮูหยินนั้นหน้าดำอยู่หกส่วนบัดนี้ดำมืดทะมึนไปเก้าส่วนเสียแล้ว...อา...นางดูเบา'เหล่ากง'มิได้เลยสินะ  "โอ๋ว...ใต้เท้าเห็นหรือไม่ว่าเพียงเมื่อวานหนึ่งวันเท่านั้นท่านแม่ใหญ่ช่างมากเมตตากระทำตนเป็นท่านกามเทพผูกด้ายแดงถึงสามคู่…หึ…หึ…หึ…ช่างมากมีเมตตาอย่างยิ่ง...จริงหรือไม่ขอรับท่านแม่ใหญ่?”   ใบหน้าหล่อเหลาของท่านรองแม่ทัพจ้าวนั้นแต้มไปด้วยรอยยิ้มหวานละมุนละไมในขณะที่เขาเอ่ยวาจาเชือดเฉือนจนคล้ายกับว่าเซียวหมิงเยว่นางจะได้กลิ่นคาวโลหิตของต้าหวงฮูหยินที่กำลังหลั่นรินเนืองนองเพราะถูกคำคมกรีดซ้ำย้ำไปทั่วเรือนกายงดงามสูงส่งด้านข้างผู้เป็นใหญ่ที่สุดในจวนหวงเช่นหวงรั่วไห่จนขมลำคอไปหมดแล้ว  ...พ่อเอ๊ย...ด่าเก่ง...  "ซึ่งการนี้คงต้องขอบคุณท่านแม่ใหญ่สักพันครั้งคงยากจะเพียงพอที่เมตตาไห่เฉิงด้วยใจจริงแท้ถึงเพียงนี้และเพราะความเมตตานี้ทำให้ไห่เฉิงได้พบกับสตรีซึ่งงดงามเพียบพร้อมคู่ควรกับตำแหน่ง'ต้าจ้าวฮูหยิน'และผู้จะเป็นมารดาของบุตรสืบต่อสกุลจ้าวเช่นเซียวหมิงเยว่ผู้นี้จนไห่เฉิงมิเคยรู้สึกซาบซึ้งใจไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจต่อความเมตตาของท่านแม่ใหญ่ได้เท่านี้มาก่อนเลยทั้งชีวิตยี่สิบห้าหนาวนะขอรับ”   กล่าววาจาหวานปานน้ำผึ้งจบท่านรองแม่ทัพจ้าวนั้นกลับยิ่งเปิดรอยยิ้มแสนหวานเสียจนเซียวหมิงเยว่นางคาดว่าหากนางต้องทนรับรอยยิ้มหวานแหลมจนแสบทรวงเช่นของสามีผู้นี้ไปทุกวันคงจะตายด้วยโรคเบาหวานถามหากันตั้งวัยเพียงสิบกว่าหนาวเสียเป็นแน่   …อูย……หวานเสียจนน่าเป็นห่วงตับและไต! ... ความหวานล้ำเลิศช่างอันตรายดังคำแพทย์เตือน!...โดยเฉพาะคำหวานเหล่านี้เจือผสานไปด้วยยาพิษ!...  เป็นครั้งแรกที่เซียวหมิงเยว่นางแอบส่งสายตาชื่นชม'เหล่ากง'ผู้มากเล่ห์และหมื่นราคะที่เขาเอ่ยคำออกมามิกี่ประโยคก็เชือดเฉือนเสียจน’ ท่านแม่ใหญ่’ แทบจะหงายหลังพลัดตกเก้าอี้ที่นางพยายามยึดเอาตำแหน่งนั่งข้างสามีเช่นท่านอัครมหาเสนาบดีหวงเอาไว้จนแน่นหนาว่ากว่ายี่สิบกว่าหนาว ทว่าเพียง'เหล่ากง'ของนางผู้ร้ายกาจจนคาดว่าจะสยบปฐพีได้เขาขยับริมฝีปากมิกี่ประโยคขาเก้าอี้ก็ถูกเลื่อยจนแทบขาดหักโค่นลงเสียแล้ว   …จ้าวไห่เฉิงผู้นี้เขาช่างเป็นบุรุษที่น่ากลัวเกินไปแล้ว…   “ฮูหยินที่เฉิงเอ๋อร์เขากล่าวมาทั้งสิ้นเจ้ามีสิ่งจะแก้ต่างหรือไม่”   จะเรียกแก้ต่างได้เช่นไรกันเล่าท่านบิดา...ของสามีการนี้มันต้องเรียกว่า’ แก้ตัว’ แถเพื่อหวังจะออกข้างจะได้รักษาขาเก้าอี้ของฮูหยินใหญ่แห่งจวนอัครมหาเสนาบดีหวงเอาไว้ให้มั่นคงย่อมถูกต้องกว่ามิใช่หรอกหรือ?   “ก่อนท่านแม่ใหญ่จะกล่าวแก้ไขความถูกต้องจนเสร็จเรียบร้อยขอไห่เฉิงและเสี่ยวเยว่นั้นยกน้ำชาก่อนมิได้หรือขอรับใต้เท้าหวง”   ถึงจะมาถึงวันนี้เขาต้องยกน้ำชาทว่าจ้าวไห่เฉิงเขากลับยังไม่ยอมเรียกอีกฝ่ายว่า'ท่านพ่อ'ออกมาเลยเพียงครึ่งคำ ช่างใจคอแกร่งเกินไปจริงแท้  …ปัง! ...   “บังอาจ! ...ใครคิดรับสะใภ้ไร้หัวนอนปลายเท้า เด็กไร้สกุลเช่นสาวใช้นางนี้มาร่วมเรือนร่วมสกุลหวงอันยิ่งใหญ่ของพวกเรากัน พิธียกน้ำชาบ้าบอไยยังต้องมีอีกเล่า”   …อูย…   'ช่างเป็นสตรีร้ายกาจมิเลิกรา' เซียวหมิงเยว่นางให้สงสารโต๊ะที่ถูกจ้าหวงฮูหยินฟาดฝ่ามือลงไปนับไม่ถ้วนแล้วนับจากนางก้าวเข้ามาในห้องโถงกลางแห่งนี้  “ไยท่านแม่ใหญ่จึงช่างกล่าววาจาไร้น้ำใจเช่นนี้…ก็มิใช่ว่าเซียวหมิงเยว่ผู้นี้เป็นท่านจัดหามาให้ไห่เฉิงหรอกหรือ?...เช่นนี้คิดจะทวงคนคืนกลับไปเกรงว่าคงยากเย็นประหนึ่งส่งเนื้อเข้าปากพยัคฆ์ท่านแม่ใหญ่คิดทวงคืนเห็นที...ต้องเอาชีวิตมาแลกเท่านั้น!"   อันที่จริงเซียวหมิงเยว่นางยังไม่เห็นใบหน้าของใต้เท้าหวงจะเปลี่ยนไปนับจากนางถูกปล่อยให้ยืนด้วยสองขาของตนเอง ที่ดีดดิ้นล้วนเป็นต้าหวงฮูหยินจ้าวลู่เจินนางนี้แต่เพียงผู้เดียวซึ่งนางนั้นก็คิดว่าทั้งสิ้นล้วนมิได้เกี่ยวกับต้าหวงฮูหยินเลยสักน้อย   "ที่สำคัญ ท่านแม่ใหญ่หลงลืมไปหรือไม่...ที่ตบแต่งรับนางมาร่วมสกุลหาใช่สกุลหวงของพวกท่านทว่า...นางคือ'ต้าจ้าวฮูหยิน'มิใช่'เสี่ยวหวงฮูหยิน'แม้แต่น้อย"   ใบหน้าของสตรีร้ายกาจสมบทบาทมารดาเลี้ยงในตำนานถึงกับดำมืดไปแปดส่วนเมื่อที่จ้าวไห่เฉิงกล่าวนั้นล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้นและยิ่งกว่าสิ่งใด'สาวใช้ต่ำต้อย'ที่นางดูถูกดูหมิ่นนั้นกำลังมีฐานะและตำแหน่งเดียวกันกับตนเองโดยมิต้องเหน็ดเหนื่อยไปแก่งแย่งชิงกับสตรีใดทั้งสิ้น   "นายท่านขอรับพระราชโองการเร่งด่วนจากองค์ฮ่องเต้มารออยู่ที่ด้านหน้าประตูจวนแล้วขอรับ"   ยังมิทันถกเถียงกันจนลุร่วงท่านพ่อบ้านของสกุลหวงก็วิ่งแตกตื่นลืมรักษากิริยาพุ่งเข้ามายังห้องโถงกลางที่บรรยากาศกำลังดุเดือดได้ที่เข้าเสียก่อน ใต้เท้าหวงและจ้าวไห่คือสองคนที่ดูจะสงบนิ่งที่สุดคล้ายกับพวกเขารู้การนี้ร่วงหน้าดีอยู่แล้ว   "จงจดจำเอาไว้นะเสี่ยวเยว่ ว่าเจ้าจะเป็นสะใภ้ผู้ใดล้วนมิสำคัญทว่าเจ้านั้นมีสามีเป็นผู้ใดนั่นจึงสำคัญที่สุด"   นั่นคือคำกล่าวที่เขาก้มลงมากระซิบบอกแก่นางในระหว่างพากันเดินออกไปรวมตัวรอรับพระราชโองการยังด้านหน้าจวนซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง และบัดนี้เด็กสาวเช่นเซียวหมิงเยว่นางก็ได้ซาบซึ้งต่อคำว่า'กระชาก'ต้าหวงฮูหยินใหญ่มาตบประจานกลางผู้คนเรือนร้อยของสกุลหวงแล้ว   "เซียวหมิงเยว่รับราชโองการ..."   มิคาดว่าจะเป็นตนเองที่ถูกเรียกขานออกไปรับพระราชโองการเป็นคนแรก สาวน้อยที่คุ้นเคยเพียงท้ายจวนและเรือนคนใช้ถึงกับวางตนเองไม่ถูก ยังดีอยู่ว่าจ้าวไห่เฉิงมิทอดทิ้งนาง สองหูของเซียวหมิงเยว่นั้นอื้ออึงไปหมดนับจากที่นางถูกพระราชทานยศ'กงจู่'นำหน้านาม   กับสมรสพระราชทานในอีกสองเดือนข้างหน้าซึ่งถูกกำหนดขึ้นรวดเร็วทว่าจะต้องครบถ้วนมิให้อับอายและเสื่อเกียรติพระราชธิดาบุญธรรมที่ฮ่องเต้ทรงประทานมาให้  เช่นนั้นในยามนี้เด็กสาวนั้นไม่มีสายตาจะหันกายไปมองแล้วว่าต้าหวงฮูหยินจ้าวลู่เจินนั้นนางมีสภาพเป็นเช่นไรเซียวหมิงเยว่นางรับรู้เพียงตนเองคล้ายจะฝันซ้อนฝันยากจะตื่นเสียแล้ว   ที่แท้ความหมายของคำว่า 'จงจดจำเอาไว้นะเสี่ยวเยว่ ว่าเจ้าจะเป็นสะใภ้ผู้ใดล้วนมิสำคัญทว่าเจ้านั้นมีสามีเป็นผู้ใดนั่นจึงสำคัญที่สุด'เพราะบัดนี้นางเพิ่งรู้แจ้งที่แท้'เหล่ากง'ของนางนั้นมิใช่ธรรมดาสักนิด   ...ก็ผู้เป็นบุตรนอกสมรสของฮ่องเต้นั้นจะธรรมดานางคงเสียสติแล้วเป็นแน่...   นี่เองที่ใต้เท้าหวงจึงดูเกรงอกเกรงใจบุตรที่กำเนิดจากสตรีที่แม้แต่ตำแหน่งอนุภรรยาก็ยังมิอาจมอบให้ได้และนี่เองเป็นสาเหตุว่าไยขุนนางชั้นผู้ใหญ่เช่นนั้นยินยอมให้บุตรชายตนเองใช้แซ่ฝ่ายมารดา   ...เสี่ยวเยว่เอ๊ย...เสี่ยวเยว่...รู้ความลับมากมายถึงเพียงนี้ให้คิดหนีสักล้านครั้งคาดว่าคงหนีบุรุษนามจ้าวไห่เฉิงไปมิได้แล้ว...   และมิอาจทราบได้ว่าเป็นเพราะนางถูกสามีมากราคะทรมานมาเกือบค่อนคืนหรือเป็นเพราะทุกสิ่งมันเกิดขึ้นเร็วไปเซียวหมิงเยว่นางจึงรู้สึกแน่นหน้าอกเริ่มหายใจแทบไม่ออกกับเหตุการณ์อันพลิกผันถล่มปฐพีที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้านี้กันแน่ดวงตาเรียวสวยจึงกะพริบถี่ๆ เพราะคล้ายกับว่านางจะมองเห็นใบหน้าของท่านขันทีผู้อ่านราชโองการเลือนรางไปทุกที...ทุกที...บ้าเอ๊ย! ..นางจะมาขายหน้ามาเป็นลมในเวลาเช่นนี้มิได้นะ!   ...นั่นคือสติสุดท้ายของสายถึกเช่นเซียวหมิงเยว่...   "เหล่าโผ! "   จ้าวไห่เฉิงที่นั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ที่สุดแตกตื่นแทบพุ่งเข้าไปรับร่างอรชรที่หน้าซีดขาวหมดสติไปแล้วเรียบร้อย ท่านพ่อบ้านอู๋และจางจงเยี่ยแทบสะกดกลั้นรอยขบขันเอาไว้ไม่ไหว   ...นี่แหละหนาจะกระทำการใดมิปรึกษาภรรยาเสียก่อนอย่าว่าแต่ดรุณีน้อยเช่นเซียวหมิงเยว่เลยต่อให้เป็นพวกตนซึ่งเป็นบุรุษหากต้องมาเจอเหตุการณ์พลิกผันกับชีวิตเช่นนี้ก็คงสลบเป็นลมกลางอากาศเช่นที่ต้าจ้าวฮูหยินกำลังเป็นอยู่เช่นนี้เสียเป็นแน่   "จะแตกตื่นไปไยก็เพียงมีสามีเป็นองค์ชายไร้อันดับกับได้ประทานยศองค์หญิงเท่านั้นเอาไว้เจ้ามีบุตรคนแรกให้ข้าจึงค่อยแตกตื่นจนเป็นลมก็ยังมิสายสักหน่อย"   บ่นเพียงเท่านั้นก็ต้องลำบากรับผิดชอบผลงานชิ้นใหญ่ของตนเองด้วยการอุ้ม"ต้าจ้าวฮูหยิน"ที่ตัวก็เล็กทว่าน้ำหนักมิได้เล็กตามขนาดเลยแม้แต่น้อยกลับเรือนฝั่งของตนไปมิร่ำลาผู้ใดต่อให้เป็นกงกงท่านรองแม่ทัพจ้าวก็มินำพา...   ก็อย่างว่านั่นแหละขนาดฮ่องเต้ผู้เป็นบิดานั้นเขายังไม่เคยไว้หน้าแผ่นดินนี้จ้าวไห่เฉิงจะเกรงใจและไว้หน้าผู้ใดในปฐพีเป่ยเหลียงไปได้อีกเล่า? 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD