...ก๊อก...ก๊อก..ก๊อก...
แต่สุดท้ายก็ไม่ทราบได้ว่าต่างคนต่างเผลอหลับไปด้วยกันในยามใดกว่าจ้าวไห่เฉิงนั้นจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกคราวก็เพราะเสียงเคาะประตูที่ต่อให้เสียงนั้นมันจะแผ่วเบาเพียงใดแต่คนนอนระวังมีสัมผัสพิเศษทางด้านการฟังจึงรู้สึกตัวตื่นแล้วขยับกายเล็กน้อยหันไปมองสภาพฮูหยินจ้าวที่กลายเป็นก้อนดักแด้แล้วพลันนั้นเขาก็นึกเคืองคนตัวเล็กแสนจะใจร้ายใจดำทำกับรองแม่ทัพแห่ง'หลางหยินเซ่อ'เช่นนี้ก็ได้ด้วย
...ฮาด...ชิ้ว!...
ผู้ถูกชิงผ้าห่มจนตื่นมาต้องจามสนั่นมองค้อน'ก้อนดักแด้'เสียหนึ่งรอบจึงค่อยขยับกายลุกขึ้นอย่างระวังไม่อยากรบกวน'ตัวเล็ก'ให้นางตื่นเร็วนัก
“มีอันใดหรือท่านพ่อบ้านอู๋”
ทว่าเพียงเปิดประตูอู๋ฝ่านเสียนก็จำต้องสะกดกลั้นเสียงหัวเราะลงคอไปแทบไม่ไหวกับสภาพ'ยับเยิน'ลายพร้อยไปด้วยรอยเล็บข่วนยิ่งกว่า'นายน้อย'แห่งสกุลจ้าวนั้นตกลงไปในหุบเขาปีศาจนางแมวป่าก็มิปาน
"เอิ่ม...ฝ่านเสียนนำชุดสำหรับพิธียกน้ำชาของท่านรองแม่ทัพจ้าวและของฮูหยินมาส่งขอรับ"
จ้าวไห่เฉิงเหลือบสายตาไปด้านหลังก็พบกับสาวใช้สี่นางประคองถาดใส่อาภรณ์กับเครื่องประดับ ซึ่งช่างน่าสงสารพวกนางอย่างยิ่งเพราะท่านพ่อบ้านใหญ่นั้นเก็บกิริยาไม่หลุดหัวเราะออกมาได้ส่วนพวกนางทั้งสี่มิอาจเก็บซ้อนรอยยิ้มกับใบหน้าแดงระเรื่อไปได้
“ยิ้มอันใดกัน!”
...เฮือก!...เฮือก!...เฮือก!...เฮือก!...
“ปะ...เปล่าเจ้าค่ะ...คุณชายรอง”
ทั้งสี่ชีวิตกายสั่นงันงกก้มศีรษะลงปลายคางชิดหน้าอกมิกล้าเงยขึ้นมาอีกเลย อู๋ฝ่านเสียนเขานั้นมิสะเทือนด้วยคุ้นชินกับกิริยาดุดันตวาดไม่ไว้หน้าเหล่านี้มาหลายหนาว แต่สาวใช้ทั้งหลายพวกนางย่อมไม่คุ้นชินเพราะนานที่จ้าวไห่เฉิงจะกลับเข้าเมืองหลวง
“เปล่า..แล้วขบขันอันใดกัน เร่งเอาไปเก็บที่ด้านในอ้อ...ระวังฝีเท้าของพวกเจ้าด้วยหากแรงไปจนฮูหยินจ้าวสะดุ้งตื่นพวกเข้าต้องรับโทษหนักแน่”
เสียงแสนเหี้ยมโหดนั้นมิต้องเอ่ยซ้ำสองสาวใช้ทั้งสี่นางก็แทบจะลนลานคลานเข่าเข้าไปจัดการวางข้าวของทั้งหมดโดยระวังมิให้เกิดเสียงใดจนเกรงว่าหายใจพวกนางยังไม่กล้าระบายออกมาแรงเสียเป็นแน่ เห็นแล้วอู๋ฝ่านเสียนก็ระอาใจยิ่งเขานึกไปถึงเสียงที่อ้อนวอน'ฮูหยินจ้าว'ในยามราตรีที่ผ่านมาด้วยแล้วก็ขบขันมากกว่าจะหวาดกลัวคนที่เข้มงวดกับทุกผู้ยกเว้น...'เหล่าโผ'
“มีข่าวของคุณชายใหญ่ขอรับ”
คิ้วเข้มของจ้าวไห่เฉิงขมวดปมขึ้นทันใดเมื่อท่านพ่อบ้านหนุ่มใหญ่เอ่ยไปถึงพี่ชายต่างมารดาเช่นหวงอี้หานบุรุษวัยยี่สิบแปดหนาวทว่ามีปัญญาประหนึ่งเด็กชายวัยแปดหนาวก็มิปาน
“ก็มิใช่ว่าข้ายกเลิกคำสั่งเจ้าคนโง่ผู้นั้นมันสร้างเรื่องใดให้เดือดร้อนมาถึงสกุลหวงอีกแล้วกระมัง”
เพราะคนเช่นหวงอี้หานนั้นคิดด้วยตนเองยากนักจะเกิดขึ้นอันใดด้วยตนเองได้เป็นนอกจากหวงฮูหยินเท่านั้นที่คิดแทนและวางแผนแต่หากท่านพ่อบ้านอู๋มาราบงานอย่างเร่งร้อนเช่นนี้คงมิใช่สิ่งดีเสียเป็นแน่
“คุณชายใหญ่เดินทางไปพบองค์ชายสามขอรับ”
"ไอ้คนสิ้นปัญญาเอ๋ย...หาความมาสู่สกุลหวงโดยแท้"
ก็เพราะบิดาของเข้าอยู่ฝ่ายไท่จื่อหลี่โม่เซิง ตัวของเจ้าคนโง่อี้หานมันก็เป็นคนของไท่จื่อแต่เมื่อวานกลับสิ้นคิดไปหลบด้านหลังองค์ชายสามหลี่หยางชุนที่ทำทุกวิถีทางช่วงชิงตำแหน่งไท่จื่ออยู่หากไม่เรียกว่ามันหาความเดือดร้อนมาสู่สกุลหวงจะให้เขาเรียกมันว่าอันใดไปได้อีก โง่บัดซบอันใดของมันนะเจ้าหวงอี้หานผู้นั้น
"แล้วใต้เท้าหวงเขารู้แจ้งการนี้แล้วหรือไม่?"
ปกติผ่านมาหลายสิบหนาวจ้าวไห่เฉิงก็แทบจะไม่เคยเรียกหวงรั่วไห่ว่าบิดา มักเรียกว่า'ใต้เท้าหวง'เช่นคนอื่นทั่วไป ดังนั้นคนทั่วไปอาจคิดว่าของพ่อลูกนี้คงไม่ลงรอยกัน ทว่าความจริงในเรือนย่อมมีคนน้อยที่จะมารู้แจ้งไปได้ ภายในนั้นมีความลับใดซุกซ่อนอยู่บ้าง
"คาดว่ามิอาจรอดพ้นสายตาของท่านอัครมหาเสนาบดีไปได้ขอรับ"
มุมปากสวยยกขึ้นข้างหนึ่งผสานกับดวงตาเชิดเฉิงคล้ายดวงตาของหงส์ด้วยแล้วกลับยิ่งดูร้ายกาจจนอู๋ฝ่านเสียนเองยังขนกายลุก ช่างเป็นบุรุษวัยยี่สิบห้าหนาวที่น่ากลัวเกินไปจริงแท้
“อืม..เข้าใจแล้ว หากเข้าไม่เอ่ยปากข้าคงมิสอดเท้าเข้าไปยุ่งด้วย เรื่องระหว่างบิดากับบุตรข้าคนนอกมิอยากวุ่ยวายให้ลำบากใจกันทุกฝ่ายไปมากกว่านี้แล้ว”
จ้าวไห่เฉิงมิได้กล่าวประชดประชัน เขาจริงใจไปตามนั้นทุกคำ เนื่องจากเขาและหวงรั่วไห่นั้นความสัมพันธ์ซับซ้อนเกินกว่าที่คนภายนอกจะเข้าใจนั่นเอง
“แล้วกำหนดเดินนางกลับซั่วโจวยังคงเป็นเวลาเดิมหรือไม่ขอรับท่านรองแม่ทัพจ้าว”
อู๋ฝ่านเสียนถามถึงกำหนดการเดินทางกลับชายแดนว่ายังคงเดิมหรือไม่ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้เป็นนายของเขาและหวงรั่วไห่นั้นซับซ้อนแต่เขาคิดเองตัดสินใจเองไม่ได้
"ทุกสิ่งของสกุลหวงล้วนไม่เกี่ยวข้องกับข้านานแล้ว เดิมทีไม่เคยยุ่งวันนี้ข้าย่อมไม่ยุ่งอีกเช่นกันผู้ใดก่อเรื่องก็ให้ผู้นั้นรับไปเช่นไรฮ่องเต้ก็โอบอุ้มใต้เท้าหวงอยู่แล้ว หากเจ้าคนโง่ผู้นั้นมันจะดิ้นรนไปหาทางตายเองข้าก็คิดว่าดีเช่นกันสิ้นมันสักคนสกุลหวงอาจสูงส่งขึ้นก็เป็นไปได้"
เขามิได้ใจเหี้ยมทว่าเป็นคนพวกนั้นที่เริ่มก่อนเช่นนี้เหตุใดเข้าต้องโง่งมไม่ลืมหูลืมตาทำดีกับเหล่าคนคิดร้ายแค่ที่เขาไปหยิบกระบี่ตามไปสังหารหวงอี้หานตั้งแต่เมื่อวานก็นับว่ามันผู้นั้นมากวาสนาแล้ว เพราะอย่างน้อยท่านตาของมันและของเขาก็คือคนเดียวกันจ้าวไห่เฉิงนั้นจึงปล่อยว่างเห็นแก่วิญญาณของท่านตาเท่านั้น หาไม่ที่มันหักหน้าเขาเมื่อวานเกรงว่าลมหายใจของมันคงไม่ยืนยาวไปจนถึงมือของไท่จื่อเป็นแน่
...หรืออีกที หากเมื่อวานเจ้าสาวมิใช่เซียวหมิงเยว่ก็ไม่แน่ว่าเขาจะอภัยโทษตายให้มัน!...
"ขอรับคุณชาย"
อู๋ฝ่านเสียนรับคำแล้วโค้งกายเดินจากไปพร้อมกับปิดประตูคืนให้ผู้เป็นนายน้อยทันทีมิเอ่ยอันใดให้มากความอีกเพราะอยู่ด้วยกันมานานนายน้อยนิสัยเป็นเช่นไรเขาย่อมรู้ดีกว่าบิดาโดยแท้ของจ้าวไห้เฉิงเสียอีก
“เฮ้อ!”
รองแม่ทัพหนุ่มแห่งหลางหยินเซ่อถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย เพราะระหว่างเขากับสกุลหวงนั้นคิดอยากตัดให้ขาดก็ยากเย็นคำสั่งของท่านแม่และท่านตายังคงอยู่ถึงท่านแม่บุญธรรมของเขาจะไม่ยินดีคิดแต่เพียงอยากให้เขาตัดขาดจากคนสกุลหวงนับจากสิ้นท่านแม่ขาดท่านตานั้นแล้ว
ต่อให้ต้าหวงฮูหยินคือพี่สาวต่างมารดาของมารดาเขาหรือเรียกกันให้ถูกก็คือ'จ้าวลู่เจิน'คือท่านป้าโดยแท้ของเขาเอง ส่วนหวงอี้หานหากไม่นับความสัมพันธ์ร่วมบิดาเจ้าโง่นั่นก็คือพี่ชายของเขาอยู่นั่นเอง
แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองหากมิได้รับปากคนใกล้ตายมีหรือที่จะอดทนต้องคอยดูแลสกุลหวงอยู่ห่างๆ กับใต้เท้าหวงเขานั้นไม่ลำบากใจแต่คุณชายใหญ่กับต้าฮูหยินหวงนั้น...
หากสังหารทิ้งได้เขาล้วนไม่ลังเลเลยต่อให้เป็นญาติโดยสายเลือดก็ตามทีเถิดเพราะสองแม่ลูกคู่นั้นผู้หนึ่งก็มากแผนการฉลาดก็แต่เพียงก่อเรื่องให้สามีตามแก้ไขส่วนอีกผู้ก็โง่งมไร้ปัญญามิอาจทราบได้ว่าไยคนฉลาดเช่นหวงรั่วไห่ไยจึงให้กำเนิดลูกชายสิ้นปัญญาไปเสียได้เห็นที่คำกล่าวที่ว่า'บิดาพยัคฆ์จะมีบุตรสุนัข'ไปได้เช่นไรคงใช้มิได้กับพ่อลูกสกุลหวงคู่นี้เสียเป็นแน่
...ที่สำคัญกว่าก็คือสองแม่ลูกนั้นมิเคยนับเขาเป็นญาติ!...
ยิ่งคิดจ้าวไห่เฉิงก็ยิ่ง เบื่อหน่ายโดยเฉพาะหากในยามเฉินถึงพิธียกน้ำชาแล้วหวงรั่วไห่ทราบความจริงว่าสกุลหลิ่วเล่นกลคงมีเรื่องให้เขาต้องได้ปวดศีรษะเพิ่มมาอีกเป็นแน่
ทว่าคนเช่นเขาให้เป็นฮ่องเต้เองยังไม่เคยเกรงใจไว้หน้ากับเพียงบิดาที่หาใช่สายโลหิตเดียวกันคนเช่นจ้าวไห่เฉิงยอมก้มศีรษะให้ก็แปลกแล้ว
...หากภรรยาผู้เดียวเขายังปกป้องมิได้เช่นนี้แล้วก็อย่าเป็นมันเลยรองแม่ทัพปราบอุดรจงเร่งไปกราบลาสุนัขแก่สักตัวไปตายคงอับอายน้อยกว่า!...
ร่วมสามเค่อ กว่าท่านรองแม่ทัพหนุ่มจะผ่านช่วงเวลาแสนทรมานอย่างยิ่งในการอาบน้ำโดยที่ผิวหนังรอบกายของตนนั้นมีแต่รอยข่วนของ'เสี่ยวมาว'ที่แสนจะแสบสันนั้นได้สำเร็จ แล้วพออกมาได้เห็น'ก้อนดักแด้'ก็พลันอารมณ์'ขึ้น'คิดอยาก'รังแก'นางคืนสักหน่อยเลยบังเกิด
"ร้ายกาจยิ่งนักมือก็เล็กนิ้วก็มีเพียงสิบกลับข่วนเหล่ากงเสียตัวลายยับเยินไปหมด...หึ...หึ...หึ...มาให้ข้าเก็บดอกเก็บผลเสียโดยดีเถิดเหล่าโผจอมแสบ"
การรังแกฮูยินนี้ จ้าวไห่เฉิงเขาคิดว่าหาใช่เรื่องผิดไม่ออกจะเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำซึ่งดีในที่นี้เกรงว่าจะเป็นผลดีต่อหัวใจของเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้นคนจะถูกรังแกนางย่อมไม่ยินดีด้วยเป็นแน่
พอคิดตกเล่นนั้นกายสูงใหญ่ที่ยังมิได้สวมอาภรณ์ให้เรียบร้อยมีเพียงผ้าหนึ่งผืนพันเอาไว้หมิ่นเหม่ตรงสะโพกแกร่งเท่านั้นก้าวหนาค่อยๆก้าวเดินไปทรุด นั่งลงข้างๆ 'ก้อนดักแด้'ที่ยังซ้อมจำศีลดูแล้วคงยากจะตื่นโดยง่ายแต่ก็อดจะยิ้มอ่อนกับท่าทางการนอนของนางเสียมิได้ก็ดูเอาเถิดเขาลุกจากไปไม่ถึงครึ่งชั่วยามนางก็สามารถนอนด้วยกิริยางดงามสมกับเป็นฮูหยินจ้าวเสียจริง
ร่างกายนั้นยังม้วนผ้าห่มผืนโตนอนนิ่งอยู่กลางเตียง ทว่าเท้าเรียวเล็กขาวผ่องนั้นกลับโผล่พ้นก้อนผ้าห่มที่นางม้วนเอาไว้จนแน่นพาดลงมาถึงด้านล่างข้างเตียงใกล้กับจุดที่เขานั่งอยู่ ส่วนศีรษะที่มีเส้นผมสีดำยาวเงางามประดุจเส้นไหมนั้นกลับใกล้จะห้อยลงไปอีกด้านของเตียงเสียแล้ว
‘ประเสริฐยิ่ง!’
นอกจาก'ฮูหยินจ้าว'นางจะมีกำปั้นที่หนักฟาดเขาครั้งใดเห็นดวงดาวนั้นลอยระยิบระยับ กับมีเล็บอันคมประหนึ่งมีดสั้น กิริยาท่านอนของฮูหยินนี้ยังสะท้านยุทธภพเกินผู้ใด บอกทีเถิดว่าที่แท้เป็นเขาเองที่ชอบสตรี'แปลก'หรือเป็นนางเท่านั้นที่ทำให้เขาชอบ'ของแปลกประหลาด'ไปได้
...แต่จะอันใดก็ช่างรู้เพียงเขาชอบนางมาถึงสองหนาวก็เท่านั้นส่วนนางจะเป็นเช่นไรเขาล้วนพึงใจรับได้ทั้งสิ้น...
คิดได้เช่นนั้นแล้วคนอยากหาเรื่องหยอกเย้าภรรยาที่คือจุดประสงค์หลักกับอยากหาเหตุแนบชิดหลอกกินเต้าหู้คนหลับลึกนั้นคือจุดประสงค์ก็เริ่มลงมือทันที หันไปมองปลายเท้าบอบบางที่ห้อยต่องแต่งลงมาข้างเตียงทางด้านเขาพอดีก็กดยิ้มร้ายกาจดวงตานั้นหรือก็แพรวพราวอย่างยิ่ง
หากแต่ถ้าจ้าวไห่เฉิงเขาจะหยุดคิดสักนิด ว่าฮูหยินจ้าวของเขานั้นนางเป็นคนแปลกประหลาดไม่พอ มือหนักเท้านั้นก็ไม่เบาหากนางถีบเขาคืนก็คงหาได้ยากเย็นทว่าท่านรองแม่ทัพผู้ระแวงระวังทุกสิ่งรอบกายจะมาพ่ายให้แก่ภรรยา!
หมับ!...พลั่ก!...ตุบ!
“อั๊ก!”
“เจ้าสุนัขเลวนิสัยเสีย คนจะหลับจะนอนมากวนอยู่ได้ใสหัวไปตายเลยไป!”
...อา...จากรองแม่ทัพ...กลายเป็นสุนัขไปเสียแล้ว...เป็นสุนัขยังมิสาแก่ใจนางถึงกับขับไล่เขาไสหัวไปตายอีกด้วย...
'ฮูหยินข้าคงมิต้องลำบากถึงขั้นไสหัวไปตายหรอกเกรงว่าที่เจ้าถีบข้าจนหงายหลังตกเตียงก็จุกเสียดจนใกล้สิ้นใจเสียแล้วฮูหยินข้า'
ผู้คิดจะรังแกภรรยาทว่าสวรรค์ล้วนไม่มีใจ เขาถูกฝ่าเท้าพิฆาตฟาดเข้าให้จนถึงกับหงายหลังเสียหลักมานอนวัดพื้นด้านเตียงว่ามีความกว้างและความยาวมากเพียงใดเข้าเสียจนจุกเสียดร้องไม่ออกไปเป็นครู่
...บิดามันเถอะ!...
หากเจ้าพวกในค่ายทราบความเรื่องขายหน้านี้เกรงว่าเขาอาจแบกรับไม่ไหวแล้วเป็นแน่ พอหายจุกเสียดจ้าวไห่เฉิงก็พยุงกายลุกขึ้นมาด้วยสภาพขาแกร่งขยับก้าวปัดเป๋เสียกิริยาจอมทัพอันเกรียงไกรไปจนสิ้น
...บัดซบอย่างยิ่ง...
"ร้ายกาจเกินไปแล้วนะเหล่าโผคนงาม"
ว่าแล้วคนตัวเท่ากระทิงป่าก็พุ่งกายโถมลงไปปลดผ้าห่มออกจากดักแด้ ถึงกำลังมีไข้มิอาจจับนางกลืนลงท้องเป็นมื้อเช้าได้แต่ขอให้ได้'รังแก'ข่มขวัญนางบ้างก็ยังดี
“โอ้ยๆ ... เกิดอันใดขึ้น แผ่นดินไหวหรือ...โอ๊ย!”
จนกำลังเข้าเฝ้าเง็กเซียนถึงกับแตกตื่นเมื่อถูกกระชากตกลงมาจากสวรรค์เลยร้องเสียงดังลืมระวังกิริบาไปจนสิ้น
“แผ่นดินมิได้หวั่นไหวหรอกเหล่าโผแต่เกรงว่าจะเป็นเตียงของเรานี่แหละที่กำลังจะหวั่น...จะไหว...ในไม่ช้านี้”
จ้าวไห่เฉิงกระโดดขึ้นไปรวบรัดกอดฟัดเอาคนตัวหอมเอาไว้จากนั้นก็บอกถึงจุดประสงค์ของตนเองให้ภรรยานางได้ทราบแน่ชัดมิต้องคิดว้าวุ่นใจเดาไปเอง
“เฮ้ย!”
สาวน้อยทะลึ่งกายเล็กลุกพรวดพลาดขึ้นมานั่งหัวฟูฟ่องทันที ตายๆ นี่นางกำลังจะถูกตารองแม่ทัพจอมหื่นกระหายจับกลืนลงท้องอีกแล้วหรือ
...บัดซบเขามิใช่มนุษย์ธรรมดาทว่าเป็นกระทิงเปลี่ยวมากราคะใช่หรือไม่?!...
ตายแน่ นางต้องบอบช้ำจนตายเป็นเป็นแน่มิใช่ถูกสังหารปิดปากทว่าเป็นนางถูกจับกดลงเตียงจนหมดแรงตายเองนี่แหละ! เจ้าคนมากราคะหื่นกระหายจนลืมทิศเอ๊ย
“มาให้เหล่ากงนั้นลงโทษจับกินเป็นมื้อเช้าเสียเถิดเหล่าโผ”
...นั่นอย่างไร มากราคะกว่าเขาเกรงว่าในเป่ยเหลียงคงไม่มีอีกแล้ว...
“อื้อ!”
อยากถามอย่างยิ่งนอกจากคิดแต่จะจับนางกลืนลงท้องท่านรองแม่ทัพจ้าวเขาคิดวางแผนไปเจรจาแก้ปัญหาที่รออยู่ด้านนอกห้องหอเอาไว้แล้วหรือไรจึงเอะอะก็คิดแต่จะจับนางกินแทนข้าวมื้อเช้าไม่ลืมหูลืมตาเช่นนี้!
"เอ๊ะ!...ท่านตัวร้อนนี่เจ้าค่ะ?"
เซียวหมิงเยว่ที่ม้วนตัวอบอุ่นแต่พอไปสัมผัสเจอกับมัดกล้ามที่ต้นแขนจอมหื่นแซ่จ้าวนางกลับพบว่ากายกำยำนั้นร้อนกว่าเมื่อราตรีที่ผ่านมามิผิดไป
“อื้อ...เหล่ากงท่านหยุดก่อน นี่ท่านตัวร้อนมีไข้หรือเจ้าค่ะ”
ในที่สุดนางก็สามารถใช้สองมือน้อยๆ ของตนเองบังคับจับ ล็อกเอาใบหน้าหล่อคมเข้มเอาไว้ได้จนสำเร็จ ก่อนจะใช้หน้าผากของตนเองไปแนบกับของจ้าวไห่เฉิงดูว่าที่แท้เขาไม่สบายนั้นจริงเท็จเป็นประการใด
"ใช่จริงด้วยมือของเสี่ยวเยว่อุ่นยังสัมผัสได้เลยว่าเหล่ากงนี้มีร่างกายร้อนมาก”
กล่าวไปเซี่ยวหมิงเยว่ใช้มือเล็กแตะไปตามผิวกายคนตัวร้อนโดยมิคิดมากตรงกันข้ามกับคน'มีไข้'ที่พอถูกมือนางสัมผัสร่างกายนั้นที่สงบก็พลันแตกตื่นระริกระรี้ชวนตบมันให้สลบอย่างยิ่ง!
“มิทราบเลย เช่นไรเหล่าโผนั้นลองสัมผัสดูให้ทั่วดีหรือไม่ ตรงนี้ก็รู้สึกไม่สบายมันปวดร้าวอึดอัดไปหมด"
มิกล่าวเพียงปากจ้าวไห่เฉิงนั้นยังก็จับดึงมือคนตัวเล็กลากลงไปจนเจอกับเจ้ามังกรยักษ์ที่ตื่นเต็มที่ทันทีเมื่อถูกนางจับแตะต้องร่างกายของเขาเมื่อครู่นี้
“อึ๊ย...ท่านนี่มัน...จอมราคะ!หื่นกระหายไม่ดูสังขารท่านป่วยไข้อยู่นะเจ้าค่ะ"
มิอาจทราบได้นางไปสร้างกรรมหนักอันใดไว้กันแน่จึงจับสลากได้บุรุษผู้หื่นกระหายมาร่วมห้องหอ นางนิ่งเขาเป็นจับเป็นจูบพอนางเริ่มขยับพ่อเจ้าประคุณก็ไม่พูดมากความจับนางกดลงเตียงมันเสียร่ำไป ปวดใจอย่างยิ่งจริงแท้
...ประเสริฐแท้...
“เช่นนั้นก็ช่วยป้อนยาให้เหล่ากงสักหน่อยเถิดนะเหล่าโผคนดี”
กล่าวจบ'คนป่วย'ก็จัดการเปิดเสื้อคลุมของคนตัวเล็กขึ้นมาชนิดเร็วไวจนเซี่ยวหมิงเยว่นางตกตะลึงนิ่งค้างไปสองอึดใจพอได้สติสาวน้อยนางก็หมดคำจะด่าหมดคำจะพูดไปจนสิ้นกับท่านรองแม่ทัพจ้าวผู้กร้าวใจนางเกินใคร
"เหล่ากง ท่านนี่มันเกินจะเยียวยาจริงแท้"
แต่ท่านรองแม่ทัพจะนำพาล้วนไม่มียังซุกไซ้จนพบกับสองเต้ากลมกลึงฟัดและเคล้นคลึงทั้งดูดดึงทั้งสูดกลิ่นหอมของเนื้อนางดังกับเนื้อกายและซาลาเปาแฝดของนางนั้นเป็นมื้อเช้าแสนอร่อยเป็นยาดีรักษาไข้ได้เซี่ยวหมิงเยว่เลยกลอกดวงตาขึ้นมองเพดานห้องทันที
“หยุด!...ซาลาเปาของหมิงเยว่มิใช่อาหารที่กินอิ่มมิได้และยิ่งมิใช่ยารักษาอาการป่วยไข้ ตรงกันข้ามหากเหล่ากงนั้นยังยืนยันจะ'กิน'มันให้ได้จะมีเพียงท่านนั้นสิ้นใจสลบสิ้นลมตายเสียตรงกลางระหว่างซาลาเปาแฝดนี่เอง”
นางกัดฟันเน้นกล่าวออกไปอย่างโมโหเดือดเต็มที่ด้วยมิคาดตนเองจะต้องมารับมือกับบุรุษมากราคะเช่นจ้าวไห่เฉิงผู้นี้ เอาจากใจนางเคยอ่านนวนิยายโรมานซ์พาฝันมาบ้าง บัดนั้นนางก็คิดว่าผู้แต่งสนองนีสตนเองวันนี้นางเชื่อแล้วบุรุษบางคนมันหมื่นราคะจริง!
“เช่นนั้นย่อมดียิ่งนับว่า่เหล่ากงนี้ช่างมีวาสนามีฮูหยินงดงามกินอร่อยจึงกินมากจนสิ้นใจตายมันที่สองแฝดนี้...ข้านั้นพึงใจวิธีตายเช่นนี้อย่างยิ่ง"
...บักปอบเอ๊ย...คนงามมิเคยจนไปด้วยคำพูดได้เท่ากับเวลานี้เลยสักครั้ง...จริงนะ...นางหมดคำจะกล่าวจริงแท้.. “เอ่อ...”
มือแกร่งนั้นเลื้อยไปทั่วร่างบอบบางอย่างรวดเร็ว เสื้อตัวโตที่เป็นเขาเองนั่นแหละที่นำ มาสวมให้ก็เป็นเอาเองที่จับมันถอดออกด้วยมือตนเองแล้วจับเหวี่ยงทิ้งไปอย่างไม่สนใจอีกแล้วว่ามันจะตกที่ใด จากนั้นเขาก็จับร่างน้อยให้นางพลิกขึ้นมาอยู่ด้านบนทันที
"โอ๊ะ!..."
เซี่ยวหมิงเยว่ถึงกับอึ้งไปเลย ที่อยู่ๆ ตนเองก็มาถูกสลับตำแหน่งเสียเช่นนี้...ลางร้ายมาเยือนแล้วหมิงเยว่เอ๊ย...
"จะทำอันใดอีก"
....รู้แหละแต่อยากถามให้ดูโง่...ฉลาดไปตายเร็ว...
“ก็จะให้เหล่าโผนั้นช่วยป้อนยาเหล่ากงสักหน่อยก่อนออกไปยกน้ำชาเช่นไรเล่า”
เสียงแหบพร่าที่ไม่แน่ใจว่าจากอาการเจ็บคอ หรือเพราะแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นกว่าอาการเป็นไข้กันแน่เซียวหมิงเยว่นางก็เกินจะคาดเดาไปได้
“ไม่เอานะเจ้าค่ะ เดี๋ยวหมิงเยว่ติดไข้จากเหล่ากงไปอีกคนผู้ใดจะดูแลพวกเราทั้งสองกันเล่า”
เซียวหมิงเยว่ชักพาแม่น้ำมาทั้งร้อยสายแต่ดูทรงเหล่ากงของนางคงไม่คล้อยตาม
“ถ้าเจ้าติดไข้นี้จากข้ารับรองได้เลยว่า เหล่ากงนั้นจะช่วยฝังเข็มให้เจ้าจนหายสนิท"
...บักปอบเอ๋ย...นางมิได้โง่จนไม่เข้าใจสักหน่อยว่า'เข็ม'ที่ว่าเจ้าฝังจริงล้วนจะตายมิใช่หาย!...
“เลิกเล่นเถอะเจ้าค่ะเหล่ากงสายมากแล้วเช่นไรพวกเรายังมีหลายสิ่งให้ต้องเผชิญ”
...ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
เหมือนสวรรค์เมตตาเจ้าสาวมือใหม่เมื่อด้านนอกมาเสียงเคาะประตูมาช่วยชีวิต
“ทุกสิ่งเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่"
เพราะจ้าวไห่เฉิงจดจำจังหวะเคาะนี้ได้ว่าคืออู๋ฝ่านเสียนจึงเอ่ยถามออกไป
"ขอรับท่านรองแม่ทัพ"
"ข้าทราบแล้วอีกครึ่งชั่วยามจะออกไป"
พอสิ้นเสียงของจ้าวไห่เฉิงภายนอกก็มีเสียงเคลื่อนไหวห่างออกไปทันทีคนตัวเล็กนี่แทบเก็บรอยยิ้มยินดีเอาไว้แทบไม่มิดเมื่อได้ฟังคำถูกใจที่นางจะหลุดพ้นออกไปจากห้องหอเสียที
...สวรรค์นางคิดว่าจะไม่ได้เดินออกไปอย่างมีลมหายใจเสียแล้ว
“ยิ้มเชียว...ฝากเอาไว้คิดดอกราตรีนี้ก็แล้วกัน ไปอาบน้ำเถิด”
กล่าวจบจ้าวไห่เฉิงนั้นก็ไม่ได้ฟังคำตอบรับนาง'ฮูหยินจ้าว'แม้แต่น้อย เพราะท่านแม่ทัพหนุ่มเร่งช้อนร่างน้อยขึ้นอุ้มตรงไปยังห้องอาบน้ำอีกครั้งทันที
...จะเปิดเผยได้อย่างไรว่าในรุ่งอรุณหลังราตรีเข้าหอแทนที่เจ้าสาวที่จะมีไข้เจ็บป่วยเพราะผู้เป็นเจ้าบ่าวหนักมือไปกลับตรงกันข้ามเพราะเขา...รองแม่ทัพจ้าวไห่เฉิงจอมทัพผู้หนึ่งแห่งกองทัพที่ขึ้นชื่อว่าเหี้ยมโหดเป็นที่สองแห่งเป่ยเหลียงนั้นดันมีอาการป่วยไข้ เสียเองเพราะถูกเจ้าสาวหนักมือไป....
จริงแท้นางหนักมือมิปรานีเขาเลยทั้งสิบนิ้วข่วนมาไม่มีเก็บออมกำลังรู้แจ้งไปถึงที่ใดจอมทัพแห่งหลางหยินเซ่อคงสิ้นลายก็คราวนี้นี่เอง