บ้านบารมีบงกช
วันนี้เป็นวันแรกในรอบหกปีที่คีรินทรกลับมาเหยียบบ้านที่เคยอยู่อาศัยตั้งแต่เด็ก เพราะตั้งแต่กลับมาจากอังกฤษได้ราวหนึ่งสัปดาห์เขาก็พักอยู่ที่คอนโดของตนเท่านั้น
คีรินทรจำห้องนอนห้องเก่าได้ขึ้นใจ แม้ว่าตอนนี้มันอาจจะไม่ใช่ห้องนอนของตนอีกต่อไปแล้ว แต่พอเดินมาถึงหน้าห้องก็อดไม่ได้ที่จะอยากเข้าไปดู
คีรินทรบอกคุณคีรีไว้ตั้งแต่ตนยังไม่กลับมาถึงประเทศไทยว่าไม่ต้องจัดห้องนอนไว้ให้ เพราะจะขอพักอยู่คนเดียวที่คอนโด
ผู้เป็นบิดาเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะรู้ดีว่าบุตรชายเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ก็ยินดีต้อนรับเสมอหากอยากกลับมาค้างที่บ้านบ้างในบางคราว
ร่างสูงกำยำยืนจ้องมองลูกบิดประตูอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนห้องเดิมของตนเอง มันไม่ได้ล็อกจึงคิดว่าห้องนี้ไม่มีเจ้าของ แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มแปลกใจ คือเขาได้ยินเสียงฝักบัวจากในห้องน้ำ
กระจกใสของห้องอาบน้ำที่ไม่มีผ้าม่านบดบัง ทำให้คีรินทรมองเห็นเรือนร่างงดงามสะโอดสะองยืนหันหลังออกมาทางตน
เอวเล็กโค้งเว้าทรงนาฬิกาทราย บั้นท้ายงอนงาม แก้มก้นขาวเนียนฉ่ำน้ำจากฝักบัว เรือนร่างเนียนงามขาวผ่องเปลือยหมดจดยืนอยู่ภายใต้ฝักบัว
หล่อนยังคงยืนหันหลัง ขณะที่มือเรียวลูบไล้เรือนกายด้วยฟองสบู่ฟูฟ่อง คีรินทรยังคงยืนจ้องมองอยู่เช่นนั้น ตาค้างและตกตะลึง สติกระเจิดกระเจิง และไม่สามารถกะพริบตาได้แม้แต่ครั้งเดียว
สตรีเรือนร่างงดงามตรงหน้า ปลุกเร้าอารมณ์หื่นกระหายในร่างกายของชายหนุ่มได้อย่างง่ายดาย หรือเพียงเพราะเขาห่างหายเซ็กซ์มาหลายเดือนแล้วก็เท่านั้น
พักหลังมีแต่เรื่องวุ่นวาย คีรินทรมัวแต่จัดการทุกอย่างที่ต่างประเทศเพื่อย้ายกลับมาประเทศไทย จึงไม่อยากเข้าหาผู้หญิงคนไหนให้ปวดหัวมากกว่าเรื่องเดิมๆ ที่มีอยู่
"เปลือยกายอาบน้ำขนาดนี้แต่ไม่ยอมล็อกประตู อย่าบอกนะว่าลืม" คีรินทรพึมพำ พลันยกยิ้มมุมปากเหยียดหยัน
และความจริงมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด ใบบุรินกลับถึงบ้านช้าเพราะรถติด เธอจำเป็นต้องเร่งรีบมาอาบน้ำ เพราะรู้ดีว่าอาหารมื้อค่ำวันนี้สำคัญมาก
และที่เร่งรีบเช่นนี้ก็ไม่ใช่เพราะใครอื่น แต่เป็นเพราะการร่วมรับประทานมื้อค่ำเพื่อต้อนรับคีรินทรกลับบ้านนั่นเอง ทำให้เธอเร่งรีบถึงขั้นลืมล็อกประตูห้องนอน
ใบบุรินพยายามใช้เวลาอันน้อยนิดเพื่อผ่อนคลายจากการได้อาบน้ำอุ่น น้ำจากฝักบัวชโลมร่างกายสะสางความเหนื่อยล้าจากการทำงานและเรียนตลอดทั้งวัน หญิงสาวยังไม่รู้ตัวว่ามีคนกำลังยืนมองอยู่
ส่วนคีรินทรยืนมองอยู่นานแล้วก็เริ่มเมื่อยขา จึงทิ้งตัวนั่งลงตรงปลายเตียงนอน เขาลืมสิ้นความเป็นสุภาพบุรุษ และเอาแต่จ้องมองความเสน่หาตรงหน้าด้วยแววตาพิศวาสหลงใหล
เวลาผ่านไปเกือบสิบนาที ใบบุรินชำระล้างร่างกายจนเสร็จ เธอเอื้อมมือไปปิดฝักบัว และคว้าเอาผ้าขนหนูมาพันรอบกายไว้
ร่างอรชรหมุนตัวกลับไปทางประตูห้องอาบน้ำ ทว่าใบหน้าสวยกลับหันมองผ่านกระจกใสมาทางคีรินทร เธอกำลังจะเปิดประตูห้องน้ำเดินออกมา แต่กลับเห็นว่าเจ้าของห้องคนเก่านั่งอยู่ปลายเตียงนอนของตน
ใบบุรินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ โชคดีที่ตอนนี้เธอพันผ้าขนหนูไว้รอบกายแล้ว ไม่อยากจะคิดเสียด้วยซ้ำ ว่าเขาเห็นเธอก่อนหน้านี้หรือไม่ ร่างเล็กก้าวเดินฉับๆ ออกมาจากห้องน้ำจนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าคีรินทร
"คุณคีเข้ามาทำอะไรในนี้คะ นี่มันห้องนอนของใบนะคะ แล้วนี่อย่าบอกนะว่าคุณเห็นใบเปลือยกายอาบน้ำเมื่อกี้?"
หญิงสาวไม่ลังเลที่จะถาม แม้กำลังอับอายแทบอยากมุดหน้าแทรกกำแพงบ้านหนี แต่ก็จะต้องรู้ให้ได้ว่าเขาเห็นตอนที่ตนเปลือยกายอาบน้ำหรือไม่ คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษถึงขนาดนี้
"ก็ประตูมันไม่ได้ล็อก ฉันแค่อยากจะเข้ามาดูห้องนอนเก่าของฉัน แต่ดันบังเอิญเห็นเธอเปลือยกายอาบน้ำโดยที่ไม่ยอมปิดผ้าม่าน แล้วก็ยังไม่ยอมล็อกประตูห้องนอนด้วย เหมือนเธอกำลังเปิดโอกาสให้ใครเข้ามาดูซะอย่างนั้น ในบ้านหลังนี้มีหนุ่มๆ หล่อๆ ด้วยเหรอ?"
คีรินทรเลิกคิ้วถาม เพราะเท่าที่รู้จักผู้ชายในบ้านหลังนี้ก็มีเพียงกรณ์ น้องชายต่างมารดาของตนซึ่งก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว
ใบบุรินเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนไม่ได้ล็อกประตูห้องนอน เธอหันไปมองบานประตูเลิ่กลั่ก สลับกับมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกอับอาย ใบหน้าสวยเห่อร้อนจนน่าประหลาดใจ
"คุณคีไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้นะคะ เมื่อคุณเห็นว่าใบกำลังเปลือยตัวอาบน้ำอยู่ก็แทนที่จะปิดประตูห้องแล้วก็เดินออกไป แต่นี่มานั่งดูแบบนี้ได้ยังไงกันคะ?" เสียงเล็กโวยวาย แต่ไม่ใช่เสียงดังจนน่ารำคาญ
ใบบุรินกลัวว่าจะมีใครมาได้ยินเข้า คีรินทรยกยิ้มมุมปากเพราะเอ็นดูท่าทางของคนตรงหน้า เธอกำลังแสดงออกว่าอยากแผลงฤทธิ์ แต่ดูอย่างไรเสียก็ไร้พิษสง
"ไม่เห็นจะต้องอายเลย ฉันเห็นเธอเปลือยแค่ข้างหลัง ไม่ถึงกับเห็นเต้านมเลยด้วยซ้ำ มันคงจะไม่น่าอับอายขนาดนั้นหรอกมั้ง"
"คุณคี! พูดแบบนี้ได้ยังไง อายสิ เห็นนิดเดียวก็อาย" เพราะไม่เคยเปลือยกายต่อหน้าบุรุษใดมาก่อน สำหรับใบบุรินจึงเป็นเรื่องที่น่าอับอายและไม่ควรเกิดขึ้น
"งั้นก็คิดซะว่าฉันไม่เห็นก็แล้วกัน" เขาพูดหน้าตาเฉย
"คุณคี! คุณนี่มันเป็นคนประเภทไหนกันแน่ โรคจิต บ้ากาม เป็นอะไรสักอย่างที่ไม่ปกติแน่ๆ ถึงได้มานั่งดูผู้หญิงคนอื่นเปลือยกายอาบน้ำหน้าตาเฉยแบบนี้"
ใบบุรินไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาต่อว่าคีรินทร ใจอยากจะด่าเขามากกว่านี้แต่ก็ไม่เคยออกปากด่าใคร อีกทั้งยังเห็นแก่คุณคีรีผู้มีพระคุณของตนอีกด้วย
"ห้องนี้มันเป็นห้องนอนห้องเก่าของฉัน เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยเหรอ?" คนเจ้าเล่ห์เฉไฉพูดไปเรื่องอื่น
เพราะคีรินทรไม่อยากต่อปากต่อคำเรื่องที่ใบบุรินพูดก่อนหน้านี้ เขาเองก็ยอมรับผิดในใจ ไม่ได้ตั้งใจที่จะมานั่งดูเธออาบน้ำ แต่มันกลับเพลินตาเพลินใจจนไม่อาจละสายตาได้ก็เท่านั้น
"ทราบค่ะ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ห้องนอนของคุณคีแล้ว คุณคีออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะ แล้วคุณคีก็อย่าไปเล่าให้ใครฟังว่าคุณมานั่งดูใบอาบน้ำ"
ใบบุรินกล้าพูดราวกับออกคำสั่ง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับตน คีรินทรจึงแค่นหัวเราะ เพราะแน่นอนว่าเขาไม่กล้าไปเล่าให้คนอื่นฟังอยู่แล้ว ว่าตนมานั่งดูลูกเลี้ยงของบิดากำลังอาบน้ำ
"ฉันไม่เล่าให้ใครฟังหรอก ของดีๆ แบบนี้อยากเก็บไว้ดูคนเดียว" ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ทว่าสายตากลับยังคงจ้องมองใบหน้าหวานของใบบุริน
สายตาแหลมคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยของหญิงสาวราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะหลุบเปลือกตาต่ำลงมองเนินอกอวบอิ่มที่มีเพียงผ้าขนหนูห่อหุ้มเต้านมไว้อย่างหมิ่นเหม่ จากนั้นร่างกำยำจึงก้าวถอยห่างออกไปหนึ่งก้าว
"รีบแต่งตัวล่ะ อีกหนึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลาอาหารค่ำแล้ว"เขาบอก
"รู้แล้วค่ะ" เธอตอบและเมินหน้าหนีเพื่อหลบสายตาคีรินทร
เพราะยิ่งมองหน้าเขายิ่งรู้สึกอับอาย แต่มันกลับไม่ใช่ความรู้สึกอับอายไปเสียทีเดียว มันมีความรู้สึกเขินอายปะปนมาด้วย เป็นความรู้สึกที่ไม่กล้าสู้หน้า ความรู้สึกที่เห็นแววตาของชายหนุ่มแล้วหวั่นไหว ผิดกับที่เคยมองคีรินทรเมื่อหกปีที่แล้วจนน่าแปลกใจ
เขาเองก็เช่นกัน ความรู้สึกที่มีต่อใบบุรินมันเปลี่ยนไปจากการมองเด็กสาวอายุสิบห้าเมื่อหกปีที่แล้ว เพราะวันนี้เธอเติบโตงดงามสะพรั่ง เรือนร่างแสนเสน่หา แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและกล้าหาญในเวลาเดียวกัน คีรินทรไม่อาจละสายตาจากใบบุรินได้เลย แต่ชายหนุ่มจำใจต้องเดินออกจากห้องนอนไป
ใบหน้าของหญิงสาวตราตรึงในความคิดของเขาเกือบตลอดทั้งวัน มันช่างน่าอัศจรรย์ เพราะคีรินทรไม่เคยจดจำใบหน้าของผู้หญิงคนไหนได้ขึ้นใจเท่ากับการจดจำใบหน้าของใบบุรินเลย...