บนโต๊ะรับประทานอาหารมื้อค่ำ ทุกคนต่างนั่งประจำที่ของตนเอง โดยโต๊ะอาหารเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า คุณคีรีนั่งหัวโต๊ะ พิลันดานั่งเก้าอี้ฝั่งซ้ายมือว่าที่สามี ฟาร่านั่งติดกับมารดาของหล่อน
ส่วนคีรินทรนั่งเก้าอี้ถัดจากบิดาฝั่งขวา ใบบุรินนั่งถัดจากพี่ชายในนาม ตรงที่หญิงสาวนั่งจึงตรงข้ามกับฟาร่าพอดี ลูกเลี้ยงคนใหม่ของคุณคีรีเอาแต่จ้องมองใบหน้าสวยสง่างามของใบบุรินด้วยแววตาริษยา
"วันนี้ดาลงมือทำอาหารเองหมดเลยนะคะ ลงมือทำตั้งแต่บ่ายสาม ไอ้เราก็คิดว่าหนูใบจะรีบกลับมาทำมื้อค่ำช่วยแต่ก็ไม่เห็นโผล่หน้ามาซะทีจนเกือบมืด"
พิลันดาพูดขึ้น ใบบุรินรู้สึกอึดอัดใจที่นางพูดประชดประชันด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าตนไม่ยอมมาทำมื้อค่ำช่วย ทั้งที่จริงแทบจะกลับมาจากมหาวิทยาลัยไม่ทัน
"มหาวิทยาลัยของหนูใบอยู่ไกลจากบ้าน ปกติเขาก็กลับถึงบ้านเวลาค่ำๆ แบบนี้แหละ" คุณคีรีแก้ต่างให้ลูกเลี้ยงคนโปรด
"ดาก็เป็นห่วงด้วยนั่นแหละค่ะ กลับบ้านค่ำมืดทุกวัน" พิลันดาหันมามองใบบุรินด้วยรอยยิ้มฝืน
"แต่อีกหน่อยใบก็ฝึกงานแล้วไม่ใช่เหรอลูก ที่ฝึกงานอยู่ไม่ไกลจากบ้านเรา ต่อไปก็คงได้กลับบ้านเร็วแล้ว" คุณคีรีหันมาคุยกับใบบุริน
"ค่ะคุณพ่อ" หญิงตอบด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สึกขอบคุณคุณคีรีเสมอที่ส่งเสียตนจนเรียนจบและกำลังจะได้ทำงานแล้ว
"แล้วใบฝึกงานที่ไหนเหรอครับคุณพ่อ?" คีรินทรอยากรู้จึงเอ่ยถาม เพราะเขาสงสัยเรื่องที่ฝึกงานของหญิงสาว เหตุใดบิดาจึงไม่ยอมให้เข้าไปฝึกงานในบริษัทของตนเอง ทั้งๆ ที่ก็เรียนบริหารธุรกิจมาเช่นเดียวกันกับฟาร่า
"พ่อให้หนูใบไปฝึกงานในบริษัทของคาลล์ เพื่อที่หนูใบจะได้สร้างคอนเนคชั่นให้กับตัวหนูใบแล้วก็บริษัทของเราด้วย"
"คาลล์ ใครเหรอครับ?" ชายหนุ่มขมวดคิ้วถามด้วยความแปลกใจ
"ลูกชายคุณเควิน ฟิลลิปส์ เจ้าของโรงแรม'คาลล์ฟิลลิปส์'ที่มีเครือข่ายทั่วโลกไง พ่อคิดว่าคีน่าจะรู้จักนะ หนูใบสนิทกับคาลล์ พ่อก็เลยแนะนำฝากให้หนูใบไปฝึกงานที่นั่นด้วยซะเลย"
"งั้นก็แปลว่าเป็นโรงแรมใหม่ใช่หรือเปล่าครับ เพราะใช้ลูกชายของเขาเป็นชื่อโรงแรม" คีรินทรถามบิดา
"คาลล์เป็นชื่อของคุณปู่เขาต่างหาก โรงแรมนี้เก่าแก่หรูหรามากกว่าร้อยปี ตั้งแต่รุ่นคุณปู่เขาแล้ว"
ชายหนุ่มฟังแล้วจึงชำเลืองมองใบบุรินเล็กน้อย ที่แท้เธอก็มีหนุ่มข้างกายอยู่แล้วหรอกหรือ สงสัยจะเป็นเช่นนั้น เพราะคาลล์เป็นถึงคนที่บิดาของตนแนะนำให้รู้จักนั่นเอง
"แต่ไม่เห็นจำเป็นต้องให้ใบไปฝึกงานที่อื่นเลยครับ คุณพ่อลืมไปแล้วเหรอครับว่าสายการบินของเราก็ออกใหญ่โต"
คีรินทรออกความคิดเห็นเพราะไม่อยากให้ใบบุรินไปทำงานที่อื่น จากนั้นเขาจึงลงมือรับประทานอาหาร
ฟาร่าจ้องมองใบบุรินอีกครั้ง หล่อนจ้องมองด้วยแววริษยามากยิ่งขึ้น เมื่อได้รู้ว่าหญิงสาวสนิทสนมกับคนร่ำรวยมีชื่อเสียงขนาดนั้น และยังดูเหมือนคุณคีรีจะโปรดปรานใบบุรินเป็นอย่างมากด้วย
ฟาร่าอยากไล่ใบบุรินออกจากบ้านเต็มทน เพราะคีรินทรดูจะให้ความสนใจเรื่องราวของหญิงสาวมากเป็นพิเศษ ไม่แม้แต่จะถามเรื่องของตนเลย
ฟาร่าปรารถนาคีรินทรมาครอบครอง แต่หากใบบุรินยังคงเป็นเสี้ยนหนามอยู่ในบ้านหลังนี้ โอกาสของหล่อนก็แทบจะเป็นศูนย์
"อ้อ พ่อให้หนูฟาร่าเข้าไปฝึกงานกับลูกด้วยนะ เทอมนี้เป็นช่วงฝึกงานของนักศึกษาพอดี น้องจะได้ไม่ต้องไปฝึกงานที่อื่น" คุณคีรีบอกบุตรชาย เพราะคุยเรื่องฝึกงานจึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้
"ผมก็อยากคุยกับคุณพ่อเรื่องนี้เหมือนกันครับ" ฟาร่าเลิ่กลั่ก เมื่อคีรินทรตวัดหางตามองมายังตน เพราะวันนี้ไปต่อปากต่อคำกับชายหนุ่ม จึงกลัวว่าเขาจะไม่พอใจและเอามาบอกบิดา
"มีเรื่องอะไรเหรอลูก?"
"ผมไม่ต้องการให้ฟาร่าไปฝึกงานกับผมครับ" คีรินทรไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องฝืนใจทำงานกับลูกเลี้ยงคนใหม่ของบิดา เพราะเขาทำงานจริงจังไม่ใช่การเล่นขายของ หากหล่อนไปฝึกงานแล้วสร้างภาระให้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไป
"แต่พ่อตั้งใจให้หนูฟาร่าไปทำงานกับลูกแล้ว ถึงยังไงน้องเขาก็เป็นน้องสาวของคี ถึงแม้จะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ แต่ตอนนี้เราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว"
คุณคีรีทำเช่นนั้นเพราะไม่อยากขัดใจพิลันดา อีกอย่างการที่ฟาร่าไปทำงานที่บริษัทก็ไปเป็นเพียงผู้ช่วยเลขาเท่านั้น คงไม่ได้สร้างความรำคาญใจอะไรให้คีรินทรมากนัก
"เขาไม่ใช่น้องสาวผมครับ ไม่ใช่ทั้งสองคนเลย เพราะฉะนั้นคุณพ่ออย่ามายัดเยียดใครให้มาเป็นน้องสาวผมอีก"
คีรินทรเคยไม่ไว้หน้าคุณคีรีอย่างไรก็ยังคงไม่ไว้หน้าเช่นนั้น เขายอมรับลูกแท้ๆ ของบิดาที่เกิดกับภรรยาคนก่อนๆ แต่ไม่เคยยอมรับลูกติดของภรรยาคนไหนของบิดาเลย
"คี ทำไมลูกถึงพูดแบบนี้?" คุณคีรีถามเสียงดุเพราะไม่พอใจคำพูดของบุตรชาย
"และที่ผมกลับมาทำงานเพราะผมเห็นแก่คุณพ่อ ผมจะทำงานและรับผิดชอบในส่วนบริหารจัดการ เพราะฉะนั้นผมจึงมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจว่าต้องการใครมาทำงานด้วยหรือว่าไม่ต้องการ" คีรินทรพูดชัดเจนและเด็ดขาด
คุณคีรีรู้จักนิสัยอันเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาดของบุตรชายดี ดังนั้นเมื่อคีรินทรพูดว่าไม่ต้องการฟาร่าก็แปลว่าจะต้องไม่มีฟาร่าในที่ทำงาน
"เอาแบบนั้นก็ได้ ถ้าแกไม่สบายใจที่จะให้หนูฟาร่าไปทำงานด้วยงั้นหนูฟาร่าก็ไม่ต้องไป พ่อจะให้หนูฟาร่าไปฝึกงานในตำแหน่งอื่นของบริษัทก็ได้"
คุณคีรีพูดเช่นนั้น ทำให้พิลันดาและฟาร่าไม่พอใจ แต่นางก็ไม่กล้าพูดอะไรมากในตอนนี้ ทำได้เพียงอดทนเฝ้ารอจนกว่าจะผ่านพิธีแต่งงานไปก่อน
"แต่ถ้าพี่คีเปลี่ยนใจอยากให้ฟาร่าไปฝึกงานเป็นผู้ช่วยเลขาก็บอกได้เลยนะคะ ฟาร่าสัญญาว่าจะทำตัวให้ดีขึ้น แล้วก็ไม่สร้างความรำคาญใจให้กับพี่คีด้วยค่ะ"
ฟาร่าพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน แต่คีรินทรมองว่าหล่อนเป็นคนไร้วุฒิภาวะทางอารมณ์ เขาไม่สามารถร่วมงานกับคนเช่นนี้ได้
"แต่ถึงยังไงพ่อก็ไม่เห็นด้วยที่ลูกบอกว่าทั้งหนูใบและฟาร่าไม่ใช่น้องสาว พ่ออยากให้ลูกพยายามยอมรับเรื่องนี้ให้ได้ เราจะได้อยู่ร่วมกันโดยไม่มีปัญหาอีกเหมือนเมื่อหกปีที่แล้ว"
คุณคีรีบอก แต่คีรินทรไม่ได้ตอบอะไร และเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหาร พลันชำเลืองมองใบบุรินเป็นระยะ
หลังจากรับประทานมื้อค่ำเสร็จ ใบบุรินก็ขอตัวกลับขึ้นมาบนห้องนอนชั้นสอง วันนี้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าจากกิจกรรมหลายอย่าง ไหนจะประชุมที่บริษัทตอนเช้าและเข้าเรียนตอนบ่าย ทั้งยังเร่งรีบกลับบ้านในช่วงค่ำอีกด้วย
'ก๊อก ๆ ๆ'
แต่ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูห้องนอนก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงที่เริ่มจะคุ้นหูดังตามมา
"ใบ เปิดประตูหน่อย" เสียงของคีรินทรทำให้ใบบุรินรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะเขาเป็นลูกชายเจ้าของบ้าน เธอจึงจำใจลุกเดินไปเปิดประตูให้ชายหนุ่ม
"คุณคี มีอะไรหรือเปล่าคะ?" ร่างกำยำแทรกกายเข้ามาในห้องนอนของใบบุรินทันทีที่บานประตูห้องนอนถูกเปิดออก เขารีบเอื้อมมือไปปิดประตูเพราะเกรงว่าจะมีคนเดินมาเห็น
"ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ"
"เอ่อ...ค่อยคุยพรุ่งนี้ก็ได้นี่คะ วันนี้ใบจะนอนแล้ว" หญิงสาวปฏิเสธ เธอง่วงนอนและไม่อยากคุยกับเขาด้วย
"พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานแต่เช้า แล้วก็ไม่ได้กลับมานอนที่บ้านอีก ฉันพักที่คอนโดใกล้ๆ บริษัท แต่ว่าวันนี้ฉันจะนอนที่นี่ก่อน" เขาบอก
"หมายถึงนอนที่บ้านหลังนี้เหรอคะ?"
"ใช่ไง" เธอคิดว่าเขาหมายถึงนอนในห้องนี้
"งั้นเดี๋ยวว่างวันไหนค่อยคุยกันดีกว่านะคะ ตอนนี้คุณคีออกไปก่อนเถอะค่ะ" เธอไม่ได้ตั้งใจจะผลักไส เพียงแค่เห็นว่ามันไม่เหมาะสมที่จะพูดคุยกันในห้องนอนเวลากลางค่ำกลางคืนเช่นนี้
"ทำไม? ทำไมต้องรอวันถัดไป คุยกับฉันตอนนี้ไม่ได้หรือยังไง" คีรินทรกอดอกเลิกคิ้วถามเสียงดุ เพราะหญิงสาวแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากพูดคุยกับตน
"เอ่อ...คือ...ใบง่วงนอนค่ะ อีกอย่างพรุ่งนี้ก็มีธุระหลายอย่างที่ต้องทำด้วย เพราะวันจันทร์หน้าใบจะเริ่มฝึกงานแล้ว"
"ก็เรื่องฝึกงานนั่นแหละที่ฉันจะคุยกับเธอ"
"เรื่องฝึกงาน ทำไมเหรอคะ?" ใบบุรินขมวดคิ้วแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะสนใจพูดคุยเรื่องฝึกงานของตน
"ฉันอยากให้เธอไปฝึกงานเป็นเลขาฉัน"
"คะ...ว่าอะไรนะคะ?" เธอเผลอจ้องมองใบหน้าหล่อคมคายด้วยความแปลกใจ
"ฉันบอกว่าฉันอยากให้เธอไปฝึกงานเป็นเลขาของฉัน หูหนวกหรือยังไง"
"หมายถึงเลขา ไม่ใช่ผู้ช่วยเลขาตำแหน่งที่ว่าจะให้คุณฟาร่าไปทำเหรอคะ?"
"ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวอะไรกับฟาร่าด้วย"
"แต่คุณคีก็มีเลขาอยู่แล้วนี่คะ"
"คามที่เป็นเลขาฉันอยู่ตอนนี้เขากำลังจะลาออก" ความจริงคามแค่เข้ามาเป็นเลขาให้คีรินทรช่วงก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้ามาทำงานในบริษัทไม่กี่เดือนเท่านั้น
ดังนั้นเมื่อคีรินทรเข้ามาทำงานแล้วก็ไม่อยากรบกวนให้เพื่อนสนิทเป็นเลขาอีกต่อไป ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องหาเลขาคนใหม่ และเขาก็มองออกว่าใบบุรินมีคุณสมบัติที่เหมาะสม แม้จะอยู่แค่ในช่วงฝึกงานก็ตาม