ใบบุรินรีบเดินออกจากห้องประชุมทันทีหลังจากการประชุมจบลง หญิงสาวกำลังจะเดินตรงไปเข้าห้องน้ำ แต่คีรินทรกลับเดินเข้ามาขวางทางไว้เสียก่อน
"เอ่อ...คุณคี" เธอรู้สึกประหม่าจนทำตัวไม่ถูก จึงก้มหน้าหลบสายตาคนตรงหน้า
คีรินทรยืนนิ่ง มือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง กลิ่นกายของเขากรุ่นน้ำหอมฝรั่งเศส ใบหน้าคมคายหล่อเหลา ผิวขาวเนียนละเอียด สายตาจับจ้องน้องสาวต่างสายเลือดด้วยแววตาสุดยากจะคาดเดา
"ใจคอจะไม่ทักทายกันหน่อยหรือยังไง ทำอย่างกับคนไม่เคยรู้จักกัน" คำกระแนะกระแหนของอีกฝ่ายทำให้ใบบุรินจำใจเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา
"สวัสดีค่ะคุณคี" หญิงสาวยกมือไหว้ตามมารยาท แต่ในฐานะที่เขาเป็นลูกชายของผู้มีพระคุณเท่านั้น
"จำชื่อฉันได้นี่ ไม่เจอกันตั้งหกปี ตอนนั้นเธออายุแค่สิบห้าเอง ตัวก็สูงเท่านี้ แต่หน้าตาดูเปลี่ยนไปมาก ถ้าเจอกันข้างนอกฉันคงจำไม่ได้ คงคิดว่าแค่คนหน้าคล้ายกันเฉยๆ"
ใบบุรินไม่รู้ว่าสิ่งที่คีรินทรกำลังพูดนั้นต้องการสื่อถึงอะไร แต่เธอไม่ได้อยากเสวนากับเขา เพราะในอดีตทั้งคู่ไม่ค่อยลงรอยกันมากนัก
"ไม่สำคัญหรอกค่ะ ถึงยังไงตอนนี้ก็จำกันได้แล้ว ใบขอตัวนะคะ" เธอบอก แล้วจึงเดินเบี่ยงหลบไปด้านขวาเพราะคนตัวโตยืนขวางทางอยู่
"ฉันยังพูดไม่จบ กล้าดียังไงถึงได้เดินหนีฉัน?" เรียวเท้าสวยบนรองเท้าส้นสูงหยุดชะงัก และหมุนตัวหันมาสบสายตากับคีรินทร
ชายหนุ่มมองเห็นใบหน้าหวานงดงามได้รูปทว่าบึ้งตึงชัดเจนยิ่งขึ้น แววตาของเธอประกายวาวราวกับต้องแสงแดด
คีรินทรจ้องมองดวงตาคู่สวยอยู่เช่นนั้น เขาเสน่หาความงามตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว ใบบุรินจ้องตากลับไปบ้าง เธอไม่ได้ทำอะไรผิด มารดาของเธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเกรงกลัวหรือเกรงใจคนที่ไม่ให้เกียรติตนอีกแล้ว
"วันนี้เป็นวันแรกที่คุณคีเข้าบริษัท ใบคิดว่าคุณคีคงมีงานหลายอย่างที่ต้องทำ และมีการพบปะผู้บริหารหลายท่าน อีกอย่างใบก็มีเรียนสิบโมงเช้าเกรงว่าจะไปมหาวิทยาลัยไม่ทันค่ะ" หญิงสาวอธิบาย
"แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกว่าต้องรีบไปเรียน"
"ก็กำลังบอกอยู่นี่ไงคะ" ใบบุรินตอบเสียงแผ่วเบาลง ไม่อยากถกเถียงกับเขาให้เป็นเรื่องเป็นราว
"ก็ได้ ถ้างั้นเย็นนี้เจอกันที่บ้าน ฉันจำเป็นต้องกลับไปทานมื้อค่ำที่บ้านเพราะว่าเป็นคำสั่งของคุณพ่อ และฉันก็ต้องได้เจอเธอที่นั่นเหมือนกัน จะได้อยู่ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวไง" คีรินทรบอก น้ำเสียงค่อนออกไปทางคำสั่ง
ใบบุรินได้แต่พยักหน้ารับ จากนั้นจึงเปลี่ยนใจไม่เดินไปเข้าห้องน้ำ เธอเดินตรงไปยังลิฟต์แทน ชายหนุ่มมองตามหลังเรือนร่างงามสง่า ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องทำงานของตนเอง
คีรินทรเดินมาจนถึงหน้าห้องทำงานของตน แต่ยังไม่เห็นว่าคามเดินกลับมาที่โต๊ะของเขา จึงตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องทำงานเลย แต่สิ่งที่ชายหนุ่มต้องแปลกใจ คือเห็นว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องทำงานของตน
หล่อนอยู่ในชุดนักศึกษา กระโปรงสั้นทรงเอเผยต้นขาอ่อนนั่งไขว่ห้างอยู่ เสื้อนักศึกษารัดรูป ใบหน้าสวยตบแต่งด้วยเครื่องสำอางจัดจ้าน ฟาร่าฉีกยิ้มแฉ่งให้พี่ชายคนใหม่ด้วยความดีใจ
"พี่คี คุณพ่อให้ฟาร่าเข้ามารอพี่คีในนี้ค่ะ" หล่อนพูดว่า'คุณพ่อ' คีรินทรจึงขมวดคิ้วแปลกใจ เพราะไม่รู้ว่าใครคือพ่อของหล่อน
"แล้วพ่อของเธอเป็นใคร ทำไมถึงให้เธอมารออยู่ในห้องทำงานของฉัน?" เขาถามเสียงเรียบ
"ก็คุณพ่อของเราไงคะ นี่ยังไม่มีใครบอกพี่คีหรอกเหรอคะว่าฟาร่าจะมาฝึกงานที่นี่ในฐานะผู้ช่วยเลขา แต่จะว่าไปแล้วคุณคามก็น่าจะยังไม่รู้เรื่องนี้ เพราะไม่งั้นคุณคามน่าจะบอกพี่คีแล้ว แต่ยังไม่มีใครบอกก็ไม่เป็นไรค่ะ ถึงยังไงตอนนี้พี่คีก็รู้แล้วว่าฟาร่าจะมาทำงานกับพี่คี"
หล่อนพูดมาก ทั้งยังเสียงเจื้อยแจ้วจนน่ารำคาญ คีรินทรแอบถอนหายใจเสียงเบา
"ถ้าจะมาฝึกงานก็ออกไปรอข้างนอก เข้ามาทำอะไรในห้องทำงานของฉัน?" ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ
เขาไม่อยากแสดงออกทางสีหน้ามากนัก เพราะรู้แล้วว่าหล่อนคือลูกสาวของพิลันดาว่าที่ภรรยาคนใหม่ของบิดานั่นเอง
"แต่ฟาร่าไม่ได้เป็นแค่พนักงานทั่วไปนะคะ ฟาร่าเป็นลูกเลี้ยงของคุณพ่อ แล้วก็มีศักดิ์เป็นน้องสาวของพี่คีด้วย"
"ฉันไม่เคยมีน้องสาว ไม่เคยมีแม้แต่คนเดียว อย่ากล้าดีมาพูดคำนี้กับฉันอีก" คีรินทรขึ้นเสียง เขาอดทนไม่ได้ที่มีคนมาพูดเช่นนี้ เพราะตนไม่เคยยอมรับลูกภรรยาใหม่ของบิดาเป็นน้องสาวเลยแม้แต่คนเดียว
"พี่คี ทำไมถึงพูดแบบนี้กับฟาร่าล่ะคะ?"
"ออกไป!" เขาออกคำสั่งเสียงดุ
"ไม่ค่ะ ฟาร่าจะนั่งทำงานในห้องนี้กับพี่คี ฟาร่าไม่มีทางออกไปนั่งทำงานกับพวกพนักงานคนอื่นๆ เด็ดขาด" หล่อนประกาศกร้าว เพราะคิดว่าถึงอย่างไรคุณคีรีจะต้องเข้าข้างตน
คีรินทรแค่นหัวเราะที่ได้เห็นพฤติกรรมร้ายกาจของลูกเลี้ยงคนใหม่ของบิดาตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาเหยียบบริษัท
"ถ้าอยากจะทำงานจริงๆ ก็ออกไปนั่งทำงานข้างนอกกับเลขา แต่ถ้าคิดว่าจะมาทำงานในนี้ ก็แปลว่าเธอคงอยากทำหน้าที่อื่นมากกว่า"
ชายหนุ่มพูดพลางกวาดสายตามองเรือนร่างของหล่อน ทว่ากลับไม่รู้สึกเสน่หาหรือมีอารมณ์ใดๆ เช่นที่ได้มองเรือนร่างสง่างามของใบบุรินเลย ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
"หน้าที่อะไรคะ พี่คีพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ?" หล่อนลุกขึ้นยืน พลันขยับมือขึ้นมากอดอกและถามชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"แต่ดูจากสภาพแล้ว เธอคงทำงานในตำแหน่งอื่นไม่ได้หรอก"
"นี่พี่คีหมายความว่ายังไงคะ?" หล่อนถามเสียงดังหนวกหู เพราะสับสนกับท่าทางเคร่งขรึม เย็นชาและดุดันของชายหนุ่ม
"ถ้ายังไม่ยอมออกไปข้างนอก เธอจะไม่มีโอกาสได้มาทำงานที่นี่อีกแม้แต่วันเดียว" คีรินทรไม่อยากโต้เถียงแล้ว เขาหมดความอดทนอย่างง่ายดายกับผู้หญิงทุกคน
และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องต่อปากต่อคำกับหล่อน ผู้หญิงที่ดูท่าทางจะถูกเลี้ยงดูมาแบบเอาแต่ใจสุดขั้ว ไม่รู้จักแม้กระทั่งคำว่าเกรงอกเกรงใจผู้อื่น
"ฟาร่าจะฟ้องคุณแม่ คอยดูเถอะค่ะ ถึงยังไงพรุ่งนี้ฟาร่าก็ต้องได้เข้ามานั่งทำงานในห้องนี้กับพี่คี" หล่อนประกาศเสียงดัง แล้วจึงเดินกระทืบเท้าปึงปังออกจากห้องทำงานไป
คีรินทรได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ และเดินไปนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตน ชายหนุ่มขมวดคิ้วแปลกใจ ที่หัวสมองของเขากลับเอาคิดแต่คิดถึงใบหน้าสวยละมุนของใบบุริน ทว่าเหตุใดแววตาของหญิงสาวถึงได้เยือกเย็นถึงเพียงนั้น
มหาวิทยาลัย
ใบบุรินเดินออกมาจากห้องเรียนพร้อมกับพัชชาและกวีเพื่อนสนิท เธอมีสีหน้ากลัดกลุ้มใจเพราะเรื่องการกลับมาของพี่ชายต่างสายเลือด น่าแปลกใจที่หญิงสาวรู้สึกไม่ชอบการพบกันอีกครั้งระหว่างตนกับคีรินทรเอาเสียเลย
"ใบ วันนี้ถอนหายใจหลายรอบแล้วนะ ตกลงว่าไปเจอคุณคีรินทรมาเป็นยังไงบ้าง ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลย" พัชชาถามด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้เรื่องระหว่างใบบุรินและคีรินทรเป็นอย่างดี
"เดี๋ยวเลิกเรียนช่วงบ่ายจะเล่าให้ฟังทุกเรื่องเลย" เธอมักจะปรับทุกข์กับเพื่อนเสมอ ชีวิตนี้ใบบุรินไม่มีใคร นอกจากคุณคีรีและเพื่อนสนิทเท่านั้น
แต่พอหญิงสาวพูดจบก็มีรถซูเปอร์คาร์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดหน้าคณะ ทั้งพัดชาและกวีต่างมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ขณะที่บุรุษรูปร่างสูงกำยำก้าวลงจากรถและเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งสามคน
"น้องใบ พร้อมหรือยังครับ?" คาลล์ถามเสียงทุ้มชวนฟัง เขาคือหนุ่มนักธุรกิจไฟแรงที่รู้จักกันกับคุณคีรีเป็นอย่างดี ชายหนุ่มพบเจอกับใบบุรินผ่านผู้ใหญ่ ทั้งสองจึงมีโอกาสได้รู้จักสนิทสนมกัน
"พร้อมแล้วค่ะ แล้วเจอกันนะพัช กวี" ใบบุรินหันไปบอกเพื่อนทั้งสอง
"ฝากดูแลน้องใบของเราด้วยนะคุณคาลล์" พัชชาบอกด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงเดินไปทานข้าวกับกวีที่ศูนย์อาหารของมหาวิทยาลัย
"แต่พี่คาลล์ต้องกลับมาส่งใบให้ทันบ่ายสองนะคะ" เธอกำชับชายหนุ่มหลายครั้งเพราะไม่อยากขาดเรียนในช่วงบ่าย
"ครับคุณใบ งั้นเราต้องรีบออกไปทำธุระให้เสร็จตอนนี้เลยครับ" คาลล์ยิ้มอารมณ์ดี จากนั้นจึงแสดงความเป็นสุภาพบุรุษโดยการเดินไปเปิดประตูรถให้หญิงสาว