สมัยยังเด็กเยี่ยนหรงก็เคยเรียนวิชาทำนายทายทักอยู่เหมือนกัน แต่การทำนายชะตาของเหล่าเทพด้วยกันเป็นเรื่องซับซ้อน เทพที่สามารถทำนายดวงชะตาของเทพได้ดีนั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เรียกได้ว่าหากไม่มีพรสวรรค์ตั้งแต่เกิดก็ไม่ต้องเรียนวิชานี้ต่อแล้ว เรียนไม่รอดตั้งแต่ต้น ดังนั้นเทพที่ยังสามารถเรียนวิชานี้ต่อได้หลังจากเรียนไปครั้งหนึ่ง พันปีที่ผ่านมามีอยู่องค์เดียว…
เพียงแต่หากเปลี่ยนจากการทำนายดวงชะตาเทพมาเป็นทำนายดวงชะตามนุษย์นั้นกลับต่างกัน การที่เทพจะเห็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต ของมนุษย์แม้ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถ ขอแค่ตั้งสมาธิสัมผัสร่างคนผู้นั้นสักหน่อย ใช้พลังเทพอ่านเข้าไปถึงแก่นวิญญาณ ก็สามารถรู้ได้
"แน่นอนเรื่องเงินทอง" ชายร่างท้วมพูดอย่างไม่ต้องขบคิด แม้จะร่ำรวยอยู่แล้วแต่เขาก็อยากรวยมากขึ้นไปอีก
เยี่ยนหรงรู้สึกผิดคาดอยู่บ้าง นึกว่าเขาจะอยากรู้เรื่องความรักหรือการครองคู่ มองไปทางหญิงร่างบางที่มากับเขาก็พบว่านางยิ้มค้างไปครู่หนึ่ง แต่แล้วก็กลับทำสีหน้าปกติได้อย่างรวดเร็ว
"ได้" เยี่ยนหรงเริ่มลงมือ
ชายร่างท้วมวางมือลงบนผืนผ้าขาวที่วางอยู่บนโต๊ะตามคำสั่งของเยี่ยนหรง นางยื่นมือไปสัมผัสเพียงเล็กน้อยแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง พยายามใช้พลังเทพในร่างที่เหลือเพียงน้อยนิดเข้าไปสำรวจชะตาคนเบื้องหน้า
"เดิมบิดามารดาท่านร่ำรวยมาก ท่านจึงเรียกได้ว่าเกิดมาบนกองเงินกองทอง จนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีช่วงชีวิตที่ต้องลำบาก"
กล่าวมาถึงตรงนี้ชายร่างท้วมที่มีใบหน้ายิ้มแย้มอยู่แล้วก็ยิ่งยิ้มมากขึ้นจนตาหยี หญิงสาวที่มาด้วยก็พลอยสีหน้าดีขึ้นตาม
"แต่อนาคต… อ่า…ดวงท่านแย่มากจริงๆ" เยี่ยนหรงยังคงกล่าวด้วยสีหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์
เชียนจือหวาที่นั่งพิงกำแพงสบายๆ อยู่ด้านข้างทะลึ่งตัวขึ้นมามองเยี่ยนหรงสลับกับชายร่างท้วมอย่างรวดเร็ว นางยังอยากจะพูดอะไรแต่ก็โดนชายร่างท้วมขวางไว้
"แย่อย่างไรหรือ" ชายร่างท้วมยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ได้อย่างน่าทึ่ง
"ท่านใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย แต่หาเงินไม่เป็น"
หางตาชายร่างท้วมมิได้ยิ้มหยีดังเดิม หญิงที่มาด้วยก็ทำหน้านิ่งเช่นเดียวกัน
"อีกห้าปีบิดาของท่านจะตาย สองปีหลังจากนั้นท่านจะใช้เงินจนหมด และเป็นหนี้เป็นสินมากมายจนต้องขายกิจการเก่าแก่ของตระกูลออกไปทุกกิจการ แต่กระนั้นก็ยังใช้หนี้ที่ท่านก่อไว้ไม่หมด"
ริมฝีปากชายร่างท้วมเหยียดตรง หญิงที่มาด้วยค่อยๆ เอามือออกจากแขนชายร่างท้วมอย่างแนบเนียน มิได้กอดไว้แน่นเช่นเดิม
เชียนจือหวาพยายามดึงชายเสื้อเยี่ยนหรง "ดวงซวย… ไม่ๆ ข้าหมายถึงแม้ดวงจะไม่ดีก็สามารถแก้ไขได้"
"ยาก" เยี่ยนหรงกล่าวนิ่งๆ แต่สะบั้นความหวังทั้งปวง
ชั่วพริบตาที่นางตั้งจิตสำรวจชะตาชายร่างท้วมก็เห็นภาพของเขาตั้งแต่อดีตจนถึงอนาคต หลายเหตุการณ์แสดงให้เห็นถึงความดื้อรั้นทิฐิของคนผู้นี้ ปกติเขาไม่เคยทำงาน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปวันๆ อย่างไม่ทุกข์ร้อน บิดามารดาของเขากลับไม่ตักเตือน ซ้ำยังให้ท้าย เมื่อบิดาตายชีวิตของเขาก็จะพลิกกลับจนกลายเป็นยาจกข้างถนน คนเช่นนี้มิใช่จะเปลี่ยนนิสัยก็เปลี่ยนได้
"หลังจากท่านหมดตัว ท่านก็จะเอาแต่ดื่มเหล้าเมาไปวันๆ สุดท้ายจุดไฟเผาบ้านตนเองไหม้หมดทั้งหลัง จนทำให้มารดาท่านตายตามไปอีกคน ถึงตอนนั้นเมื่อไม่มีบ้านจึงต้องนอนข้างถนน…"
เยี่ยนหรงยังกล่าวไม่ทันจบ หญิงสาวที่มากับชายร่างท้วมก็ลุกขึ้นเดินหนีไปเสียเฉยๆ ชายร่างท้วมเรียกอย่างไรก็ไม่หันกลับมามอง
"เจ้าไม่มีวิธีแก้ชะตาเลยหรือ" เชียนจือหวากระซิบถามเยี่ยนหรง พยายามจะไกล่เกลี่ย
"หากสามารถเปลี่ยนตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือก็อาจเปลี่ยนได้บ้าง แต่เหตุการณ์สำคัญในชีวิตยังคงเกิดดังเดิม เช่นบิดามารดาตาย บ้านไฟไหม้ อาจเปลี่ยนได้แค่สาเหตุการเกิด" เยี่ยนหรงยังคงกล่าวอย่างไร้ความรู้สึกต่อไป
"เป็นไปไม่ได้ ที่เจ้าพูดไม่มีทางเกิดขึ้น พวกเจ้าเป็นนักต้มตุ๋นใช่หรือไม่!" ในที่สุดชายร่างท้วมก็สีหน้าบึ้งตึง จากที่เคยยิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นเดือดดาล เขาลุกขึ้นพูดเสียงดัง "คิดจะหลอกว่าชะตาข้าแย่มาก แล้วเรียกเงินค่าแก้ชะตาแพงๆ สินะ!"
"ข้าพูดความจริง ท่านจ่ายแค่สองอีแปะเท่าเดิม ไม่เก็บเงินเพิ่มๆ" เยี่ยนหรงโบกไม้โบกมือ ทั้งยังทำตาใสไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้แม้แต่น้อย
"อีแปะเดียวข้าก็ไม่ให้! เฮงซวย!" ชายร่างท้วมโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง สะบัดหน้าเดินจากไป
"สองอีแปะของข้า…" เยี่ยนหรงพึมพำกับตัวเองด้วยความผิดหวัง นางมองตามชายร่างท้วม เห็นเขากำลังเดินตามหญิงสาวคนเมื่อครู่ไป "ท่านอย่าบุ่มบ่าม จะตกน้ำได้!"
อันว่าชะตาเปลี่ยนยากแต่คนเปลี่ยนยากกว่า…
เห็นชายร่างท้วมหันมาส่งสายตาเชือดเฉือนให้ เยี่ยนหรงก็หุบปากฉับ เมื่อเขาเดินไปทันหญิงสาวก็เกิดการทะเลาะกันรุนแรงจนหญิงสาวผลักเขาตกคูน้ำข้างๆ ดัง ตูม! แล้วก็วิ่งร้องไห้จากไป
เชียนจือหวาเห็นเยี่ยนหรงดูดวงแม่นก็ทำตาโต "ตกน้ำจริงๆ ด้วย" เดิมนางอยากตามไปทวงเงินให้ศิษย์น้องที่อุตส่าห์ตั้งใจหาเงิน แต่เมื่อเห็นชายร่างท้วมเป็นเช่นนั้นจึงยั้งไว้ ไม่อยากซ้ำเติมอีก ทั้งสองจึงได้แต่ยืนมองเขาตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำเพียงเท่านั้น
“ดูให้ข้าบ้างสิ ข้าให้เงินเจ้าสิบอีแปะเลย” เชียนจือหวาวิ่งไปนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะดูดวง และยื่นมือมาให้เยี่ยนหรง
“ใครอยากได้เงินท่านกัน” เยี่ยนหรงยิ่มน้อยๆ ก่อนยื่นมือไปแตะมือของเชียนจือหวา แม้นางไม่มีความรู้สึก แต่หลังจากฟื้นมาสองวันนางก็เริ่มปรับตัวได้ มักคิดว่าหากตัวเองยังมีความรู้สึกอยู่จะทำสีหน้าอย่างไร และพยายามแสดงสีหน้าตามนั้น แม้จะดูฝืดฝืนไปบ้างก็ตาม
เมื่อเยี่ยนหรงเริ่มใช้สมาธิเพ่งมอง เชียนจือหวาก็จ้องนางไม่กระพริบ ในใจลุ้นระทึกยิ่ง
ในภาพนิมิต เยี่ยนหรงเห็นเชียนจือหวาแต่งตัวสวยงาม สาวใช้รายล้อม นางกำลังเล่นกับสุนัขขนปุยตัวหนึ่งอยู่ในสวนซึ่งน่าจะเป็นบ้านของนาง สักพักนางก็ปีนต้นไม้เล่นกับกระรอก แล้วก็นอนพักอยู่บนนั้นจนถึงบ่าย เมื่อบิดามารดามาเห็นจึงเกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรง
ชายหนุ่มที่บิดามารดาตั้งใจให้มาดูตัว เมื่อเห็นฤทธิ์เดช และการวางอำนาจของนางที่มีต่อตน ก็ถึงกับผงะถอย และรีบร้อนจากไปอย่างรวดเร็ว อ่า…นางกับบิดามารดาทะเลาะกันกินเวลาหลายวัน หลังจากนั้นนางก็หนีออกจากบ้านมาเป็นศิษย์สำนักอู่เฉิง
ที่สำนักอู่เฉิง นางมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้จนได้เป็นศิษย์ของหลิวเส้าชง ฝีมือจัดว่าเก่งกาจเหนือศิษย์ในรุ่นเดียวกันค่อนข้างมาก
ดูมาถึงตรงนี้ เยี่ยนหรงก็เล่าตามที่เห็นแล้วยังชื่นชมวิชาเซียนของเชียนจือหวาหลายครั้ง
อดีตและปัจจุบันผ่านไป ต่อจากนี้ก็เป็นการดูอนาคต เยี่ยนหรงเพ่งสมาธินิ่งเงียบไปอีกครั้ง ไม่นานคิ้วก็ขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ
“อะไร” เชียนจือหวาเริ่มหวาดกลัวว่าตนจะมีดวงมรณะเหมือนชายร่างท้วม
“ไม่มีอะไร อนาคตท่านจะช่วยมนุษย์คนอื่นไว้มากมาย มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งแดนมนุษย์ แดนเซียน ได้เจอรักแท้ อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจนแก่เฒ่า” เยี่ยนหรงยังเสริมสิ่งที่นางเห็นแล้วสะดุดตาอีกอย่างหนึ่ง “สามีท่านในอนาคตเชื่อฟังท่านอย่างยิ่ง และท่านก็ยังเจ้าอารมณ์เหมือนเดิม ดึงหูเขาเสียจนแดงก่ำตั้งหลายครั้งหลายครา”
เชียนจือหวาที่ยิ้มแย้มจนแก้มปริในตอนแรก แต่เมื่อได้ฟังจนถึงท่อนสุดท้ายก็เค้นเสียงดัง เฮอะ! อย่างไม่สบอารมณ์ เรื่องเช่นนี้กลับดูได้ละเอียดลออเสียจริง “รายละเอียดพวกนั้นไม่ต้องบอกก็ได้”
เยี่ยนหรงและเชียนจือหวานั่งรอลูกค้ากันอีกเนิ่นนานก็ไม่มีใครมาดูดวงชะตาเพิ่ม อีกทั้งตอนที่ชายร่างท้วมโวยวายไปจนถึงตกน้ำก็เรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้อย่างล้นเหลือ จึงไม่มีใครกล้าเข้ามาดูดวงกับเยี่ยนหรงอีก เพราะกลัวจะซวยซ้ำซวยซากเหมือนชายร่างท้วมคนนั้น
บ่ายคล้อย ทั้งสองจึงช่วยกันเก็บข้าวเก็บของกลับขึ้นเขา
เยี่ยนหรงแม้มือทำงาน แต่จิตใจยังคงวนเวียนอยู่กับดวงชะตาของเชียนจือหวา
ในตอนที่เพ่งดูอนาคตของเชียนจือหวา จู่ๆ ภาพหลายตอนก็กลับขาวโพลนจนแยกแยะไม่ออก ราวกับมีดวงไฟขนาดใหญ่สว่างจ้าอยู่รอบตัวนาง บดบังจนอ่านชะตาได้ไม่ชัดเจน เยี่ยนหรงจำได้ว่าในตอนที่เรียนวิชาทำนายดวงชะตา หากผู้ทำนายยังฝึกไม่ถึงขั้นหรือไม่มีพลังการทำนายล้ำลึกตั้งแต่ต้น จะไม่สามารถทำนายดวงชะตาเทพด้วยกันได้ ภาพที่เห็นจะขาวโพลนราวมีดวงไฟเจิดจ้าส่องแยงตาจนมองไม่เห็น ดังเช่นเมื่อครู่
หรือว่าอนาคตเชียนจือหวาจะมีส่วนไปเกี่ยวข้องกับเหล่าเทพแดนอื่น
และที่ยิ่งน่าตกใจคือ ที่นางทำนายว่าเชียนจือหวาจะช่วยผู้คนไว้มากมาย และมีชื่อเสียงโด่งดังนั้น ความจริงแล้วเชียนจือหวามิได้ปกป้องผู้คนจากสัตว์เวทหรือปีศาจหางแถวดังที่เหล่าศิษย์ในสำนักบำเพ็ญเพียรมักนึกถึง มิใช่ต้องต่อสู้เป็นตายกับมนุษย์ธรรมดาด้วยกัน แต่สิ่งที่เยี่ยนหรงเห็นในภาพนิมิตคืออสูรกระหายเลือดที่นางไม่เคยพบมาก่อน และมิใช่เพียงตัวเดียว… ถึงตอนนั้นมนุษย์ที่สำเร็จเป็นเซียนจะล้มตายมากมาย ยังดีที่ชะตาเชียนจือหวามีคนรักที่เก่งกาจช่วยเกื้อหนุนเคียงข้างกันตลอด จึงไม่มีอันตรายถึงชีวิต
เหล่าอสูรพวกนั้นมาแดนมนุษย์ได้อย่างไร เหตุใดต้องเจาะจงเป็นแดนมนุษย์ นางจำได้ว่าก่อนตายนางก็ฆ่าหูหมิงจี๋ไปแล้ว ผนึกแดนอสูรไว้แล้ว เหตุใดจึงเกิดเรื่องราวเช่นนั้นได้อีก
หรือว่า ผนึกแดนอสูรจะเกิดปริแตกอีกครั้ง…
เยี่ยนหรงนิ่งคิดใบหน้าก็ซีดลงหลายส่วน แต่แล้วก็มีมือของเชียนจือหวามาตบที่ไหล่นางเบาๆ อย่างปลอบใจ
“ไม่เป็นไรหรอก วันนี้หาเงินไม่ได้ วันหน้ายังมี พวกเราเปลี่ยนอาชีพไปเรื่อยๆ ก็ได้” เชียนจือหวาเห็นการทำนายดวงชะตาอย่างเถรตรงไม่ไว้ไมตรีของเยี่ยนหรง ก็ไม่คิดส่งเสริมให้ทำอาชีพนี้ต่ออีก
เยี่ยนหรงพยักหน้าเห็นด้วย ดูเหมือนว่าตัวนางเองก็จะไม่เก่งเรื่องอะไรเลย ยกเว้นก็แต่เรื่องการรบราฆ่าฟัน
การเป็นมนุษย์เหตุใดจึงยากกว่าการเป็นเทพเสียอีก!