“มีอะไรหรือเปล่าหยก เราเห็นมองพี่เขาไม่วางตาเลย" เฮลก้าเอ่ยแซว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความร่าเริง ตามประสาคนที่พูดมากสุดในกลุ่ม ตรงข้ามกับหยกแก้วที่พูดแทบนับคำได้ เมื่ออยู่รวมกันสามคน ยกเว้นก็แต่เรื่องที่ชอบ หยกแก้วถึงจะร่วมวงสนทนาได้อย่างออกรสออกชาติ
“ฮั่นแน่ หรือว่าเธอชอบที่เขาหล่อเหรอ หยกนี่ร้ายไม่เบาเลยน้า…”
สาวน้อยลูกครึ่งจีนส่ายหน้ายิ้ม ๆ “เปล่าหรอกเฮลก้า เราสนใจใบหน้าเขามากกว่า ดูดีเหมือนเทพกรีก-โรมันเลย…ชวนให้นึกถึงเทพอะพอลโล เทพแห่งดวงอาทิตย์ ในมุมมองศิลปะแล้วหน้าตาเขาค่อนข้างเพอร์เฟคต์น่ะ"
เฮลก้าถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ เมื่อปฏิกิริยาของหยกแก้วไม่ได้ดั่งใจ
“อะไรของเธอเนี่ย เลลาดูสิ คนอย่างยัยหยกคงจะมีแฟนโน่นแหละ อีกสิบปี ชอบจังเลยนะกับเรื่องงานวาด งานเขียนเนี่ย ถ้าไม่ได้อยู่เซคชั่นเดียวกันนะ เราคงคิดว่าเป็นเด็กเอกศิลปะไปแล้ว"
เลลายิ้มรับ “หยกคิดเหมือนเราเลย เราก็มองว่าหมอนี่…เอ่อ หมายถึง พี่คนนี้เขาหน้าเหมือนเทพอะพอลโล ก็นะ แต่เราว่าคนหล่อกว่านี้มีเยอะแยะถมเถ”
“พักเรื่องผู้ชายสักครู่นะ เราว่าจะถามเลลาตั้งแต่คราวก่อนที่กลับไทยแล้ว อาการป่วยของน้าเหมยหลินเป็นยังไงบ้าง ตอนนั้นเรายุ่ง ๆ กับกิจกรรมชมรมเลยไม่ได้ถาม พอจะอัปเดตให้ฟังได้หรือเปล่า?” เฮลก้าถามขึ้น
เหมยหลิน ที่กล่าวถึง คือมารดาแท้ ๆ ของเลลาเอง เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แววตาของเธอก็หม่นลงอย่างเห็นได้ชัดจนเฮลก้าอยากจะเอามือตีปากตัวเองแรง ๆ
“ม๊าไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะ โรคเครียดน่ะ ทานยาพักผ่อนเยอะ ๆ ซักพักก็อาการดีขึ้น นี่ยังฝากความคิดถึงมาให้หยกกับเฮลก้าด้วยนะ วันไหนเธอสองคนไปเที่ยวไทย ม๊าบอกด้วยว่าจะทำซาลาเปาไส้เห็ดหอมหมูสับของโปรดให้กิน" เลลาเล่าพลางฝืนยิ้ม เพื่อไม่ให้บรรยากาศของวงสนทนาเป็นอันต้องกร่อยไป
‘ถ้าเฮียรักอั๊วะจริง ทำไม..ทำไมเฮียต้องมีอีเพิ่มมาด้วย!’
‘ลื้อนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ เหมยหลิน!’
ภาพในอดีตอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอหนีมาเรียนไกลถึงอังกฤษแวบเข้ามาในหัวจนทำให้เลลารู้สึกปวดจี๊ดขึ้นมา
“เลลา เธอโอเคหรือเปล่า..?” หยกแก้วแตะไหล่บางของเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ใบหน้ารูปไข่ของเธอเต็มไปด้วยประกายความกังวล
“โอเค..เราปวดหัวนิดหน่อยน่ะ สงสัยจะเจ็ทแล็ก" เลลาตอบพร้อมกับฝืนยิ้มอีกหน เธอมองไปด้านหลังเลลาก็พบกับนาฬิกาดิจิตอลที่ป้ามาร์ธาวางไว้บนเคาน์เตอร์สำหรับสั่งอาหาร
นี่เธอปล่อยให้คนแปลกหน้านอนอยู่ในบ้านมาเกินหนึ่งชั่วโมงแล้วหรือนี่..
“หยก เฮลก้า เราขอตัวก่อนนะ พอดีมีธุระที่ต้องจัดการน่ะ" เลลาลนลานลุกขึ้น เพื่อนทั้งสองก็มีสีหน้าประหลาดใจ เพราะโดยปกติแล้ว หากออกมาหาอะไรทานด้วยกันพร้อมหน้าสามคนแบบนี้ เลลาจะเป็นคนสุดท้ายที่กลับเสมอ
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าเลลา? มีอะไรให้เรากับเฮลก้าช่วยไหมเนี่ย เธอดูแปลก ๆ นะ" หยกแก้วตั้งข้อสงสัย คนที่ลุกลี้ลุกลนผิดปกติจึงแกล้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทำเหมือนว่ามีสายเรียกเข้า
“เอาไว้เราจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดทีหลังนะ ขอตัวก่อน บ๊ายบายหยก เฮลก้า" เลลายิ้ม รีบแนบโทรศัพท์ไว้บนใบหูแล้วเดินออกไป
หยกแก้วมองตามหลังเพื่อนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
เลลามีอะไรปิดบังอยู่หรือเปล่านะ?
…
ทันทีที่ประตูบ้านหลังสีขาวสะอาดเปิดออก สิ่งแรกที่เลลาเห็นก็คือหนุ่มนักบินหน้าหล่อเหมือนเทพสร้างที่ใครต่างก็ร่ำลือกับความเพอร์เฟคต์บนใบหน้านั้น กำลังนั่งหน้าบึ้งกอดอกอยู่บนโซฟา
ให้ตายสิ เลลามองเห็นเขาเป็นไซบีเรียนหน้ามุ่ยกำลังนั่งตีหางอยู่กับพื้นซะงั้น
“ตื่นแล้วเหรอคะ ยังปวดไหล่อยู่หรือเปล่า"
“บี๋ขาไม่รัก ไม่อยากสนใจพี่ก็บอกกันตรง ๆ ดีกว่า ไม่เห็นต้องขังพี่ไว้ในบ้านแบบนี้เลย รู้ไหมคะว่าตอนที่พี่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นบี๋ขา หัวใจของพี่มันทรมานมากแค่ไหน" ดามิทรีหน้าเศร้าสลดจนเลลาอยากจะยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก
เธอไม่เคยรับมือกับอะไรแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง
“บอกแล้วไงว่าฉันไม่ชอบให้เรียกแบบนั้น อีกอย่าง ฉันไม่ได้ขังคุณไว้ ฉันแค่ออกไปทำธุระข้างนอก แล้วมันก็แค่…” เลลามองนาฬิกา “ก็แค่…”
“สองชั่วโมง ผมตื่นตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกเพราะรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี แถมยังฝันร้ายด้วย พอตื่นมาก็ไม่เจอคุณ โทรศัพท์มือถือก็อยู่ในรถ ประตูก็เปิดไม่ได้ ผมไม่อยากงัดแงะหรือทำของในบ้านคุณเสียหาย เลยนั่งหน้าบึ้งรอคุณมาชั่วโมงครึ่ง ง้อผมเดี๋ยวนี้เลยนะคุณเลลา” ดามิทรีพูดยืดยาว นั่นทำเอาเลลาอยากจะทั้งมือทั้งเท้าขึ้นก่ายหน้าผากซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
“อะไรของคุณเนี่ย นี่ฉันต้องง้อคุณหรอ?” นิ้วชี้เรียวหันเข้าหาตนเอง สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ราวกับมีเครื่องหมายปรัศนีแปะอยู่ทุกอณู
“ใช่ มาง้อผมเลยครับ บอกก่อนว่าผมง้อยากนะ" ดามิทรีกอดอก เชิดหน้าไปทางอื่น นั่นยิ่งทำให้ภาพไซบีเรียนตบหางกับพื้นในอุดมคติของเลลายิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก
“ง้ออะไรคะ ฉันง้อใครไม่เป็นหรอก คุณไม่พอใจก็กลับไปค่ะคุณกัปตัน…”
อีกแล้ว ลูกไม้เด็ดมาอีกแล้ว
“โอ๊ย ผมเจ็บไหล่ไม่หายเลย..”
เลลาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ขณะที่เดินไปหยุดอยู่ต่อหน้าหนุ่มหล่อ ที่ในตอนนี้แทบจะหมดหล่อเพราะผมกระเซอะกระเซิงจากการนอนในท่าที่ไม่สะดวกที่ทำท่าเจ็บปวดมากกว่าอาการที่เขาเป็น
แหงสิ เขาน่าจะสูงเกิน 190 เซนติเมตร แต่โซฟาของเลลาแคบนิดเดียวเอง
หญิงสาวอ้าแขนออก บนแก้มมีเลือดฝาดกองอยู่ “ง้อค่ะ"
“?” คราวนี้เป็นฝ่ายดามิทรีบ้างที่มีเครื่องหมายคำถามอยู่บนใบหน้า “นี่คุณ..”
“กอดไงคะ ฉันง้อใครไม่เป็นหรอก แต่ตอนไปกิจกรรมค่ายอาสาของมหาวิทยาลัย ฉันเห็นเด็ก ๆ ในสถานเลี้ยงดูเด็กกำพร้าเขากอดกัน คุณก็ โธ่เอ๊ย ทำไมซื่อบื้ออย่างนี้นะ"
“ก็อะไรครับ พูดให้จบสิ" ดามิทรีเริ่มเปิดโหมดยียวนอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มมุมปากเบา ๆ
“ก็กอดไงคะ ทำไมต้องให้ฉันพูดออกมาด้วยเนี่ย ให้ตายสิ ถ้าไม่กอดฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว" เลลาลดมือลงทำท่าจะเดินออกไป ดามิทรีจึงฉวยข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ จนร่างน้อย ๆ เซถลาลงไปนั่งบนตักของคนเจ้าเล่ห์อย่างเหมาะเหม็ง
“บี๋ขาตอนตั้งใจง้อพี่นี่น่ารักที่สุดเลย" จมูกโด่งกดลงหอมแก้มเนียนทีหนึ่ง
“นี่! คุณฉวยโอกาสอีกแล้วนะ! อีกอย่างฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ชอบให้เรียกแบบนั้น ปล่อยนะ!” เลลาแก้มแดงแจ๋ด้วยความเขินรีบดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอด แต่นั่นก็ดูทุลักทุเลเหลือเกิน และแล้วความพยายามก็เป็นผล..
ผลสำเร็จ?
ก็อาจใช่ แต่หมายถึงเป็นผลสำเร็จของดามิทรีต่างหาก
ตอนนี้เลลาเสียหลักนอนราบลงไปบนโซฟาโดยมีคนตัวใหญ่กว่าคร่อมกักเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้
ใบหน้าของทั้งสองคนอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
แม้เส้นผมจะยุ่งเหยิงมากแค่ไหน แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงหล่อเหลาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน โดยเฉพาะดวงตาสีทะเลราตรีนั่น..หยุดมองไม่ได้เลย
เลลารีบหลับตาปี๋เมื่อเห็นว่าดามิทรีโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้
แต่แล้วสัมผัสที่ควรจะเป็นจูบ ก็แปลกแปร่ง เธอจึงลืมตาขึ้น
ดามิทรีวางนิ้วโป้งลงบนริมฝีปากอวบอิ่มของเลลาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะกดจูบลงไปบนนิ้วของตัวเองเป็นการจูบทางอ้อม
หัวใจของเลลาทำงานอย่างหนัก หนักเสียยิ่งกว่าตอนที่โดนดามิทรีขโมยจูบเมื่อครั้งแรกที่เจอกันเสียอีก
ไม่เข้าใจคนคนนี้เลยจริง ๆ!
“ถ้าผมจูบคุณตรง ๆ เดี๋ยวคุณก็กัดปากผมจนได้เลือดอีก ตอนนั้นเจ็บมากเลยนะครับรู้หรือเปล่า" ดามิทรีพูดยิ้ม ๆ หลังจากที่ถอยออกไปยืนเต็มความสูงอยู่ข้างโซฟาแล้ว
เลลารีบลุกขึ้นนั่ง กระชับเสื้อโค้ทของตัวเองเอาไว้ “ก็ใครใช้ให้คุณมาจูบฉันล่ะ ตอนนั้นคุณเหมือนพวกโรคจิตเลย ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันต่อยตีไม่เป็น ไม่งั้นฟันคุณได้ร่วงลงไปทักทายพื้นจนหมดปากแล้ว”
“เก่งจริง ๆ เลยนะบี๋ขาของพี่เนี่ย" ชายหนุ่มผิวปากอย่างอารมณ์ดี