ดามิทรีไม่ได้ขับมุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทางในทันที เขาแวะ Drive Thru ของเบอร์เกอร์ชื่อดังเจ้าหนึ่งก่อน ซึ่งนั่นทำให้เลลารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
“คุณแวะทำไมคะ?”
เจ้าของรถหรูไม่ตอบ แต่สั่งบ็อกเซ็ตสำหรับหนึ่งคนทานมาสองชุด โดยการตัดค่าอาหารผ่านแบล็คการ์ดในครอบครองของตัวเอง “สั่งเอาไว้ อีกเดี๋ยวคุณก็หิว ผมรู้นะว่าเมื่อเช้าคุณทานเบรคฟาสต์ไปได้แค่ไม่กี่คำเอง ถ้าหิวก็กินฟาสต์ฟู้ดพวกนี้ไปก่อน ถึงบ้านคุณอาจจะหมดแรง ไหนจะต้องเก็บกระเป๋าอีก ใช่ไหมครับ? เพราะงั้นถ้าจะให้ออกมาหาอะไรกินอีกรอบ คุณก็จะไม่อยากออกมา สุดท้ายก็จะปล่อยให้ตัวเองอดจนปวดท้อง"
“คุณเป็นนักบินหรือหมอดูกันแน่เนี่ย” เลลาบ่นอุบอิบ ไม่อยากยอมรับว่าที่ดามิทรีพูดมานั้นถูกทุกประการ “ค่าบ็อกเซตเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายให้ คุณรับโอนไหม?”
“ราคาหนึ่งยิ้ม คุณจะจ่ายด้วยการโอนไหมล่ะ?” ชายหนุ่มยิ้มยียวน แล้วเอาถุงเบอร์เกอร์ไปวางที่เบาะหลัง พร้อมกับรถยนต์คันหรูทะยานไปต่อบนท้องถนน
“คุณนี่มันมีแต่แผนอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด วัน ๆ นอกจากขับเครื่องบินก็คงหาวิธีหลีสาวในอินเทอร์เน็ตนั่งอ่านล่ะสิ…” เลลากอดอก หน้ามุ่ยด้วยความหงุดหงิด
“ก็น่าอ่านอยู่นะครับ จะจำทุกวิธีมาใช้กับบี๋ขาคนเดียวเลย"
“เลิกเรียกฉันแบบนั้นซักทีเถอะน่า จะกี่วิธีฉันก็ไม่ใจอ่อนให้คนแบบคุณหรอก อย่าลืมนะว่าพูดอะไรไว้ ฉันยอมให้คุณมาส่งแล้ว คุณก็ห้ามมาวุ่นวายกับฉันอีก เข้าใจไหมคะ คุณกัปตัน"
ดามิทรีไหวไหล่ ทำหน้าเหมือนตนเองไม่ได้สัญญาอะไรออกไปทั้งนั้น
ใข้เวลาอีกประมาณ 15 นาที จุดหมายปลายทางก็ปรากฏขึ้น บ้านสองชั้นขนาดกลางในย่านที่พักนักศึกษา คือที่อยู่ชั่วคราวของเลลาในเมืองเมืองผู้ดีนี้ ตัวเรือนทั้งหลังเป็นสีขาวสะอาด ด้านหน้ามีสวนดอกไม้เล็ก ๆ ที่ยังชูช่อชื่นได้เพราะมีเพื่อนบ้านคอยรดน้ำให้ในวันที่เลลาไม่อยู่
“บ้านพักคุณน่ารักจัง” ดามิทรีเอ่ยปากชมทันทีที่เห็น เขารีบลงจากรถเพื่อเดินอ้อมมาเปิดประตูให้เลลาก่อนเป็นอันดับแรก “อยู่ในย่านนี้โอเคเลยครับ ปลอดภัยหายห่วง ผมเคยได้ยินคนพูดกันว่า ในรัศมี 1 กิโลเมตรของมหาวิทยาลัย KING LONDON มีแต่คนดี สบายใจขึ้นมาเปลาะหนึ่งแล้วล่ะครับ"
เลลาไม่ตอบแต่ดึงกระเป๋าเดินทางมาจากมือของคนที่เพิ่งยกลงจากด้านหลัง
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ ถ้าคุณรู้แล้วว่าปลอดภัย หลังจากนี้ก็ไม่ต้องเป็นห่วงฉันแล้วเนอะ หวังว่าเราจะไม่ได้พบกันอีกค่ะ" หญิงสาวยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มเชือดเฉือนที่สุดเท่าที่ดามิทรีเคยได้พบพาน
“โอ๊ย!” จู่ ๆ สารถีชั่วคราวเมื่อครู่ก็ร้องออกมา สีหน้าดูทรมานราวกับถูกทุบด้วยอะไรบางอย่าง มือหนายกขึ้นกุมไหล่ของตนเอาไว้
“คุณกัปตันคะ ลูกไม้เดิม ๆ ใช้ไม่ได้ผลกับฉันหรอกนะคะ เชิญเล่นละครให้รั้วบ้านฉันดูก็แล้วกัน ขอตัวค่ะ" คราวนี้เลลาไม่หลงกลหมาป่าเจ้าเล่ห์อีกต่อไปแล้ว เธอลากกระเป๋าเดินทางไปยังประตูรั้ว เพื่อไขกุญแจให้เปิดออก อยากจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างเต็มแก่แล้วล่ะ
“…” ดามิทรีไม่ได้ร้องโอดโอยเรียกร้องความสนใจ เพียงแต่ยังยืนกุมไหล่ด้วยใบหน้าที่ทรมานอยู่เหมือนเดิม ทำให้เลลาเริ่มรู้สึกแปลก ๆ
“คุณยังจะเล่นละครอยู่อีกหรอคะ พอได้แล้วน่า กลับไปพักผ่อนเถอะ"
“…ผมเจ็บไหล่มากเลยครับ เจ็บทั้งกายทั้งใจเลยด้วย คุณน่าจะเห็นว่าผมโดนดุอยู่บนเครื่อง สภาพจิตใจผมแย่มากเลยครับ"
เลลาอยากได้น้ำเย็นซักถังมาสาดใส่หน้าตัวเอง
ทำไมเธอถึงมองเห็นดามิทรีเป็นเจ้าไซบีเรียนตัวโตที่กำลังหงอยพร้อมกับยื่นขาที่เจ็บอยู่มาให้เธอเป่าให้ด้วยล่ะ?
“นี่คุณเจ็บจริงหรือหลอกฉันอีกเนี่ย ไม่ใช่พอฉันเดินเข้าไปหาแล้วคุณก็รวบเอวฉันไปกอดนะ คราวนี้ฉันหักคอคุณจริง ๆ ด้วย" เลลาพ่ายแพ้ต่อความเป็นห่วงในใจตน หญิงสาวเดินตรงไปหาคนเจ็บเพื่อเปิดมือหนาออก เพื่อดูรอยช้ำที่หัวไหล่
“…เข้าไปประคบเย็นในบ้านฉันก่อนไหมคะ ถ้ายังปล่อยไว้อาจจะ…”
“เข้าครับ" ดามิทรีดูจะสดชื่นขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำเชื้อเชิญนั้น แต่เมื่อเห็นสายตาของเลลาที่ดูเหมือนจะจับผิด ก็มีท่าทีสลดลงเหมือนเดิม “ช่วยผมด้วยนะครับ…ผมเจ็บมากเลย บี๋ขาต้องช่วยพี่นะคะ"
“ถ้าเรียกฉันว่าบี๋ขาอีกคำเดียวฉันเอาไม้ทุบคุณซ้ำแน่ ตามมาค่ะ"
เลลาเดินลากกระเป๋านำเข้าไปในบ้าน ดามิทรีจึงเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้มสดชื่น แม้ที่ไหล่ของตนจะมีรอยช้ำเป็นวงกว้างอยู่ก็ตาม
“นั่งลงตรงนี้ค่ะ ฉันจะเข้าไปเอากล่องปฐมพยาบาล" เลลาวางกระเป๋าของตนลงที่หน้าตู้เก็บของใกล้กับโซฟา ดามิทรีนั่งลงตามที่เจ้าของบ้านบอกไม่มีอิดออด หญิงสาวกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกล่องพลาสติกสีขาวทึบที่มีกากบาทสีชาดแปะอยู่ด้านหน้า
“ถอดเสื้อออก…ค่ะ ฉันจะช่วยประคบเย็นแล้วก็ทายาให้"
“ถอดเสื้อเลยหรอครับ" ดามิทรีทวน สีหน้ายียวน ทำเอาเลลาป่วยการจะรับมือ
“นับหนึ่งถึงสาม ไม่งั้นฉันจะโยนคุณออกจากบ้านเดี๋ยวนี้เลย ร่างกายคุณน่ะ ฉันไม่พิศวาสหรอก แต่ที่ให้ถอด เพราะยามันซึมผ่านเสื้อเชิ้ตไม่ได้ต่างหาก"
“นับถึงสามเลยครับ ถอดแล้ว ถอดแล้ว" ดามิทรียกมือยอมแพ้ แล้วปลดกระดุมออกทีละเม็ด มัดกล้ามบนหน้าท้องที่เรียงตัวสวยอย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำค่อย ๆ ปรากฏแก่สายตาของเลลาอย่างช้า ๆ หญิงสาวเบือนหน้า รีบเดินหนีเข้าไปในครัว เพื่อเอาน้ำแข็งในพิมพ์ที่ตนทำทิ้งไว้ตลอด ตามนิสัยคนชอบดื่มน้ำเย็น มาห่อใส่ผ้าขนหนูผืนเล็กเพื่อเตรียมประคบเย็นให้กับคนเจ็บหน้าระรื่น
“ขอบคุณนะครับที่ยอมให้ผมเข้ามาในบ้าน" ดามิทรีโพล่งขึ้นมาดื้อ ๆ ขณะที่เลลาค่อย ๆ ประคบเย็นให้อย่างเบามือ
“ฉันไม่ใช่คนทิฐิสูงอะไรขนาดนั้น ถึงแม้จะไม่ชอบหน้าคุณก็เถอะ"
“ทำไมคุณถึงไม่ชอบผม?” ชายหนุ่มถาม ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกำรอบข้อมือที่จับผ้าขนหนูอยู่ให้หยุดลง
เลลาพรูลมหายใจ “ยังจะถามอีก เจอกันครั้งแรกคุณก็เข้ามาจูบฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต ฉันไม่ชอบคนรุ่มร่ามค่ะ"
“แล้วถ้าผมขออนุญาตก่อนล่ะ คุณจะให้หรือเปล่า?”
ตึกตัก
ตึกตัก