“หนูไม่รู้ค่ะ” เด็กหญิงสั่นศีรษะ “หนูเพิ่งติดตามพ่อวันที่เกิดอุบัติเหตุพอดีค่ะ เมื่อไม่นานมานี้เอง หนูเลยเพิ่งทราบว่าพ่อตกอยู่ในอันตราย แล้วนี่พ่อเดินทางมาพักร้อนคนเดียว หนูว่าพวกคนร้ายต้องหาทางทำอะไรพ่อหนูอีกแน่ๆ พี่หลินต้องช่วยพ่อหนูนะคะ”
กณิการ์ขมวดคิ้ว
“พี่จะช่วยได้ยังไง เดินไปบอกพ่อหนูว่าพี่มองเห็นวิญญาณลูกสาวเขา และเราฝากพี่ไปบอกพ่อว่าให้ระวังตัวอะไรทำนองนี้น่ะเหรอ”
เวนิตาสั่นศีรษะจนผมเปียสะบัดไปมา
“อย่าบอกค่ะ พ่อไม่เชื่อหรอก แต่พวกเราจะหาทางเตือนพ่อหลังจากที่พี่เดินทางไปถึงที่นั่น หนูจะบอกพี่ทีละขั้นเองว่าควรทำอะไร เนี่ย หนูได้ยินป้าหญิงบอกว่าพี่หลินควรพักผ่อน ก็ถือว่าไปพักร้อน และได้ทำประโยชน์ด้วยการช่วยเหลือคนดีๆ แบบพ่อหนูไม่ให้ต้องตายไปเพราะน้ำมือคนชั่วเถอะนะคะ”
กณิการ์นิ่งคิด เธอยังแอบหวั่นว่าตัวเองสร้างภาพจินตนาการเป็นร่างเด็กหญิงในฝันขึ้นมาเองเพราะศีรษะกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุหรือเปล่า แต่สิ่งที่เวนิตาเล่า ทั้งการที่โลกของวิญญาณไม่มีภาษา หรือกระทั่งคำว่า ‘อ่านจิต’ ไม่ใช่สิ่งที่กณิการ์รู้จักมักคุ้นมาก่อน เธอคงมโนไปเองไม่ได้แน่นอน และหากสิ่งที่เกิดตรงหน้านี้คือความจริง เธอก็จะมีโอกาสได้ช่วยชีวิตคนคนหนึ่งไว้จากฆาตกร...
เอาน่า ลองดูกันสักตั้ง!
“ไชโย!” จู่ๆ วิญญาณเด็กหญิงต่างชาติตรงหน้าก็ลุกขึ้นร้องตะโกนไปรอบห้องทั้งที่กณิการ์ยังไม่ทันพูดคำตอบออกมาเลยสักคำ หญิงสาวสะดุ้งตกใจในหนแรก แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเวนิตาอ่านใจเธอได้ แหม! เป็นมนุษย์นี่เสียเปรียบจริง
“นิต้า พ่อของหนูชื่ออะไรจ๊ะ”
เวนิตาหยุดกระโดดโลดเต้นและหันมองมา ใบหน้าเล็กๆ ยิ้มกว้างสดใส
“คุณพ่อของหนูชื่อ...”
“ฉันทนไม่ไหวแล้วนะคะ คุณมาการ์ริโน!”
นางแบบสาวไทยร่างสูงระหงเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเดินทางอย่างลวกๆ ขณะปากก็พูดภาษาอังกฤษฉอดๆ โดยไม่เสียเวลาพักหายใจแม้แต่วินาทีเดียว
“บ้านคุณมันมีผีจริงๆ ผีเด็กผู้หญิงฝรั่ง ฉันอยู่ไม่ได้แล้วค่ะ ฉันจะกลับกรุงเทพฯ แต่คุณต้องให้เลขาฯ โอนค่าเสียเวลาเข้าบัญชีฉันนะคะ เพราะเรื่องนี้คุณผิด ผิดที่มีผีเด็กอยู่ในบ้าน!”
แมทเทียไม่ได้ตอบอะไร เขายืนกอดอกมองร่างผอมบางรูดซิปปิดกระเป๋าเดินทางแล้วหุนหันออกจากห้องพักไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ชายหนุ่มมองตามจนหญิงสาวในชุดเสื้อรัดติ้วกับกางเกงยีนสกินนี่เดินลงบันไดไปลับตา เรือนผมดำสนิทยาวถึงเอวพลิ้วตามแรงกระแทกเท้าของเจ้าตัวคือภาพสุดท้ายที่สะท้อนในดวงตาสีอำพันคมกริบที่ไม่แสดงอารมณ์ใด
เธอคนนี้กับอีกสามคนก่อนหน้านี้เหมือนผู้หญิงในฝันของเขาเพียงผมยาวตรงสลวยสีดำเท่านั้น แต่หน้าตา รูปร่าง และความรู้สึกเหมือนได้รับแรงบันดาลใจจนเต็มเปี่ยมกลับไม่มีเลยสักนิด มีแต่ความจืดชืด แห้งผาก อีกทั้งหญิงสาวทั้งสามคนยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าบ้านเขามีผี ผีเด็กผู้หญิงเชื้อชาติเดียวกับเขา...ทั้งที่เขาเดินทางมาพักที่นี่ทุกปีมาเกือบสิบปีแล้ว ไม่ยักเคยเห็นผีเด็กที่ว่าสักตน
แมทเทียพ่นลมหายใจยาวเหยียด
ความฝันก็คือความฝัน...
เขาคงไม่มีวันตามหาผู้หญิงที่ไม่มีตัวตนคนนั้นเจอจริงๆ
ชายหนุ่มใช้เวลายามบ่ายที่แสนว่างออกเดินลัดเลาะไปตามชายหาดและทิ้งตัวลงนอนบนเปลญวนในพื้นที่ชายหาดส่วนตัวที่เงียบสงบ นัยน์ตาคู่คมมองผ่านแว่นกันแดดสู่ปลายยอดมะพร้าวที่ช่วยบดบังดวงตะวันได้ชั่วคราว ก่อนปิดเปลือกตา และเผลอหลับไป
หญิงสาวชาวเอเชียคนเดิมปรากฏตัวในความฝัน...
เธอสวมชุดเดรสลูกไม้สีขาวเปิดไหล่ฉลุลายดอกไม้ เดินอยู่ริมชายหาดยามเย็นที่ผู้คนพลุกพล่าน เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังแว่วมาจากที่ไกลแสนไกล ในมือของเธอมีช่อบูเก้กุหลาบสีโอลด์โรสที่โบสีขาวยาวพลิ้วไปตามหาดทรายขาวละเอียด เรือนผมยาวสลวยถึงบั้นเอวบางพลิ้วไปตามแรงลมริมทะเล
เธอหันมองกลับมา
ริมฝีปากหยักได้รูปบิดเป็นรอยยิ้มชวนมองจนแมทเทียรู้สึกราวกับต้องมนตร์สะกด และเขาเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังยืนอยู่บนหาดทรายไม่ห่างจากเธอนัก
ร่างอรชรหันเดินกลับมาใกล้จนแทบจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมจากกุหลาบและสัมผัสอ่อนโยนจากเรือนร่างนุ่มละมุน เขาเห็นเธอยกมือขึ้นคล้องรอบคอหนา ใบหน้างดงามยิ้มพรายอยู่ใกล้เพียงคืบจนแทบจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเธอ
“ฉันเจอคุณแล้ว”
เธอร้องบอกด้วยภาษาอะไร แมทเทียเดาไม่ออกแต่เข้าใจความหมาย แก้วเสียงของเธอหวานเสนาะ และฝ่ามือที่เลื่อนมาลูบแก้มเขาก็นุ่มหอมชวนหลงใหล ริมฝีปากของเธออวบอิ่มเย้ายวนจนเขาอดใจไม่ไหว ก้มลงไปประทับจูบตรึงตรา รสชาติหอมหวานอบอวลในโพรงปากหนุ่ม เอวคอดบางถูกกอบกุมด้วยสองมือหนาได้โดยรอบอย่างไม่ยาก
แมทเทียลูบไล้เอวบาง ก่อนกระชากร่างงามเข้ามาบดเบียดกลางกายเขาที่กำลังขยายความปรารถนาคับแน่นเต็มเป้ากางเกง เธออุทานเบาๆ ในลำคอ ลมหายใจกระเส่าเป่ารดแก้มเขาเมื่อชายหนุ่มเอียงคอบดจูบหนักหน่วง ก่อนอุ้มตัวเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยแรงอารมณ์ใคร่
พระอาทิตย์ใกล้ตกดินเต็มที ชายหาดว่างเปล่าไร้เงาผู้คน