เสียงกระดิ่งหน้าร้าน ‘มัทนา มง กาโตว์’ ดังกรุ๊งกริ๊งหลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าจะยังไม่มีแขกเข้าร้านและไม่มีลมพัดมาจากไหน จนพนักงานพากันงุนงงสงสัย หากแต่กณิการ์ที่มาทำงานวันแรกหลังจากออกจากโรงพยาบาลกลับไม่มีความสงสัยเลยสักนิด
ก็เธอเห็นผีเด็กฝรั่งนั่นสั่นกระดิ่งเล่นอยู่เป็นนานสองนานต่อหน้าต่อตานี่!
“พี่หลินๆ” กณิการ์ทำหน้าปั้นยากเมื่อวิญญาณของเด็กหญิงที่บอกว่าตนเองเป็นชาวอิตาลีชื่อเวนิตากึ่งลอยกึ่งวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า และพูดภาษาไทยกับเธอแจ้วๆ ราวกับเกิดและโตที่เมืองไทยมาตลอดห้าปีก่อนจะกลายเป็นวิญญาณ “พี่เชื่อยังว่าหนูมีจริง นี่ไง หนูสั่นกระดิ่งแล้วพี่ๆ พวกนั้นได้ยินเสียงกระดิ่งด้วย”
วิญญาณน้อยชี้นิ้วไปยังเหล่าพนักงานที่กำลังกระซิบกระซาบกันเกี่ยวกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา
“ลมพัดต่างหาก” กณิการ์พูดพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเห็นวิญญาณเด็กทำแก้มป่อง แล้วยกมือขึ้นกอดอก ทำท่างอนอย่างสุดกำลัง และแล้วหญิงสาวก็อดอมยิ้มเอ็นดูไม่ได้
เมื่อเห็นกณิการ์ยิ้ม เวนิตาก็ยิ้มแป้นอย่างได้ใจ เธอลอยผ่านสุจีราอย่างรวดเร็วจนกระโปรงยาวแค่เข่าถูกพัดเปิดโดยเจ้าตัวไม่ทันระวัง เสียงวี้ดว้ายดังพร้อมๆ กับการพยายามดึงกระโปรงปิดด้วยมือเดียวเพราะอีกมือถือถาดใส่กาแฟของผู้จัดการร้านสาวใหญ่ เวนิตาหัวเราะคิกคัก แต่คราวนี้กณิการ์ไม่ตลกด้วย เพราะสิ่งที่เวนิตาทำเกือบทำให้สุจีราหกล้มบาดเจ็บ เป็นสิ่งไม่เหมาะไม่ควร
วิญญาณเด็กหญิงหุบยิ้ม หน้าจ๋อย ก่อนกึ่งเดินกึ่งลอยตามกณิการ์เข้าออฟฟิศ และนั่งรอที่โซฟาขณะที่กณิการ์หันไปปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา
กณิการ์มองร่างโปร่งแสงที่นั่งจ๋อยอยู่เป็นนาน เธอหายกลัวเด็กคนนี้แล้วหลังจากที่ได้เห็นครั้งแรกเมื่อสองสัปดาห์ก่อนในโรงพยาบาล แล้วเห็นเด็กคนนี้อยู่ข้างตัวเธอเกือบตลอด มีแค่วันละไม่นานเท่านั้นที่เวนิตาหายตัวไป แล้วกลับมาอีก
เห็นไปเห็นมา จากที่ทีแรกกลัวจนแทบช็อกตาย ก็กลับกลายเป็นชินไปเสียอย่างนั้น
แต่เธอก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าสมองส่วนไหนของเธอกระทบกระเทือนจนเห็นภาพหลอนอยู่ดี แต่ภาพหลอนของเธอปรากฏตัวมาสองอาทิตย์แล้วเนี่ยสิ มิหนำซ้ำยังทำอะไรแปลกๆ ที่นอกเหนือจากสิ่งที่กณิการ์คิดได้มากมาย อย่างเช่นการทำให้เกิดลมจากการลอยผ่าน หรือการที่ผีเด็กฝรั่งจะพูดไทยชัดแจ๋วขนาดนี้ กณิการ์ไม่อาจจินตนาการจนสร้างภาพหลอนมาหลอกตัวเองได้แน่ๆ
หญิงสาวยกมือกอดอก ขมวดคิ้วถามเสียงเข้ม
“เราต้องคุยกันแล้วนะนิต้า”
“ค่ะ” เวนิตาตอบอ้อมแอ้ม บีบมือตัวเองบนตัก ก่อนเงยหน้าขึ้นกะพริบตาปริบๆ “หนูทำให้พี่ฝันแบบนั้นเอง แต่หนูไม่ได้ตั้งใจทำให้พี่ขับรถไปชนต้นไม้นะคะ หนูขอโทษ”
กณิการ์เอียงคอสงสัย
“หนูรู้ได้ยังไงว่าพี่จะถามอะไร”
“หนูอ่านจิตได้ค่ะ พวกเราสามารถอ่านจิตมนุษย์ได้”
“อ่านจิต” กณิการ์ขมวดคิ้วกับคำนั้น แต่ก็พอจะแปลได้ว่าคงหมายถึงอ่านใจ รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ในใจโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ย “ถ้าเราอยู่ด้วยกันสองคน รอพี่ถามจบก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวพี่งง ถ้าอยู่กับคนอื่นพี่ค่อยถามในใจเอาแล้วกัน”
“ค่ะ”
“แล้วนอกจากหนู มีวิญญาณดวงอื่นอยู่ที่นี่อีกหรือเปล่า”
“มีค่ะ” เวนิตายิ้มแป้น “มีคุณย่าคนไทยท่าทางใจดี สวมชุดไทยพื้นเมืองกระโปรงสีเขียวอ่อนกับเสื้อลายลูกไม้สีขาว ผมหยิกตัดแค่ปลายหู แล้วก็ยิ้มสวย คอยตามดูแลพี่หลินอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ”
กณิการ์รู้สึกขนคอลุกชันจากคำบอกนั้น เพราะลักษณะที่เวนิตาบอกคือคุณย่าของเธอ และชุดที่เวนิตาเอ่ยถึง คือชุดที่ท่านสวมวันที่ท่านเสียชีวิตด้วย เพียงแค่สิ่งที่ท่านสวมไม่ใช่กระโปรง แต่เป็นผ้าซิ่น เวนิตาเป็นเด็กต่างชาติ กณิการ์ไม่แปลกใจที่เด็กหญิงเข้าใจผิด
“จริงเหรอ” หญิงสาวพยายามหันมองหาทั้งน้ำตาซึม “แล้วทำไมฉันไม่เห็นคุณย่าล่ะ ทำไมเห็นแค่หนูคนเดียว”
“หนูไม่รู้ค่ะ” เวนิตาสั่นศีรษะ “แต่หนูเดาว่ามันอาจเป็นโชคชะตาก็ได้นะคะ”
เด็กหญิงพูดอย่างจริงจัง
“จริงๆ แล้วหนูตั้งใจจะมาเข้าฝันพี่เท่านั้นค่ะ พี่เป็นคนเดียวที่จะช่วยพ่อหนูได้...แต่ทำไมจู่ๆ พี่ถึงมองเห็นหนูเนี่ย หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ก็ดีนะคะ ในฝันของพี่ หนูพูดอะไรแทบไม่ได้เลย ข้อจำกัดของการเข้าฝันมนุษย์มันมากมายเกินไป อึดอัดเกินไป พี่เห็นหนูแบบนี้เลยหนูจะได้เล่าอะไรต่อมิอะไรให้พี่ฟังได้เยอะแยะเลยค่ะ”
กณิการ์เดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตรงข้ามเด็กหญิง
“แล้วทำไมหนูพูดไทยได้ล่ะ พ่อแม่ของหนูอยู่ที่เมืองไทยเหรอจ๊ะ”
“ในโลกของวิญญาณไม่มีภาษาค่ะ เราใช้ภาษาเดียวกันหมด” เด็กหญิงยิ้มแป้น “หนูพูดกับพี่ด้วยภาษาของพี่ได้ หรือภาษาอื่นๆ ในโลกนี้ก็ได้ แต่อาจต้องใช้เวลาเรียนรู้นิดหน่อย อย่างเช่น ສະບາຍດີ Je m'appelle Venita Sono di italiaどうぞ よろしく おねがいします[1]”
กณิการ์กะพริบตาปริบๆ ทั้งสี่ภาษานั้นเธอฟังออกแค่ภาษาลาวที่คุ้นเคยจากภาพยนตร์ไตรภาคชื่อดังกับภาษาฝรั่งเศสที่เธอเคยเรียนมาเท่านั้น ภาษาอิตาลีกับญี่ปุ่นนี่เธอไม่กระดิกเลย แต่ก็พอเดาออกว่าเด็กหญิงคงเอ่ยแนะนำตัวแบบมาตรฐานอะไรทำนองนั้น
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ถามอะไรอีก เวนิตาก็หุบยิ้มทำหน้าอ้อนแล้วพาวกเข้าประเด็นที่ตนเองดั้นด้นมาจากอิตาลีเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
“พี่หลินต้องช่วยพ่อหนูนะคะ พ่อหนูตกอยู่ในอันตราย มีคนไม่ดีพยายามจะทำร้าย ตอนนี้พ่อหนูอยู่ประเทศไทยแล้วค่ะ แต่ก่อนจะเดินทางมาประเทศนี้ พ่อหนูถูกตัดสายเบรกรถด้วยละ โชคดีที่บาดเจ็บแค่นิดเดียว แต่หนูรู้ว่าคนไม่ดีจะพยายามทำร้ายพ่อหนูอีก เขาไม่หยุดแค่นี้แน่”
“แล้วคนไม่ดีนั่นคือใครล่ะจ๊ะ”
[1] ສະບາຍດີ : สวัสดี (ภาษาลาว) / Je m'appelle Venita : หนูชื่อเวนิตา (ภาษาฝรั่งเศส) / sono di italia : มาจากอิตาลี (ภาษาอิตาลี) / どうぞ よろしく おねがいします : ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ (ภาษาญี่ปุ่น)