แมทเทียเดินยิ้มค้างมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับหญิงสาวตามตำแหน่งที่เธอจัดอาหารเช้าไว้ให้ ก่อนลองชิมไข่อบขนมปังง่ายๆ ที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะอร่อยเหาะขนาดนี้ แต่พอเงยหน้ามองแม่ครัวจำเป็น เกือบจะเอ่ยปากชมว่าเธอเก่งกว่าเชฟในภัตตาคารเสียอีก กณิการ์กลับก้มหน้าก้มตากินอาหารในจานของตัวเองอย่างระมัดระวัง และไม่เงยหน้าขึ้นเหลียวแลเขาสักนิด
แมทเทียไม่เข้าใจ เขาทำอะไรให้เธอโกรธล่ะนี่
“ผมว่า” เขาเว้นระยะให้เธอเงยมองมาก่อนเอ่ย “วันนี้เราอย่าเพิ่งเริ่มงานกันเลย คุณควรพักการทาลิปสติกไว้ก่อนนะ ถึงแผลจะเล็กนิดเดียว แต่โดนอะไรซ้ำบ่อยๆ จะหายยากเอา”
“แต่...”
“ไม่มีแต่” เขาออกคำสั่ง “คุณเซ็นสัญญาแล้วนะ ตอนนี้ผมเป็นเจ้านายคุณ อย่างน้อยก็หนึ่งเดือนต่อจากนี้ คุณต้องทำตามที่ผมสั่งทุกอย่าง”
“เผด็จการ”
เธอกล่าวหาขมุบขมิบ เข้าใจว่าตัวเองพูดภาษาไทยแต่ดันพูดภาษาอังกฤษออกไปโดยไม่รู้ตัว
แมทเทียเม้มริมฝีปากไว้ไม่ให้ยิ้มขำ ก่อนลุกเก็บจานชามของตัวเองกับของกณิการ์วางซ้อนกัน แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์ล้างจานโดยมีร่างบอบบางลุกตามมาด้วย
“ฉันล้างเองค่ะ”
“ช่วยกัน” เขาตัดสินว่าตนเองจะล้างด้วยน้ำยาล้างจานและให้กณิการ์ล้างน้ำสะอาด แมทเทียเหลือบมองคนตัวเล็กกว่าที่ก้มหน้าบ่นอะไรงึมงำในคอที่เขาฟังไม่ออก แต่แน่นอนว่าคงแอบบริภาษเขาอยู่นั่นละ คราวนี้เป็นภาษาไทยเสียด้วย ชักหมั่นไส้...
ก่อนจะรู้ตัว ชายหนุ่มก็ป้ายฟองน้ำยาล้างจานไปที่จมูกโด่งรั้นโดยที่แม้แต่ตนเองก็ไม่ทันคาดคิดว่าจะทำแบบนี้กับผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักกันเมื่อวานนี้เอง
กณิการ์นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนเช็ดฟองตรงจมูกออกแล้วหันมาทุบแขนเขา
“ทำอะไรคะ เล่นเป็นเด็กไปได้”
“ผมเสียใจ” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่เขากลับหัวเราะ “ก็คุณทำตัวน่าแกล้ง จะพูดอะไรก็ไม่พูด งึมงำๆ อยู่ในคอแบบนั้น มันตลกนะคุณ”
หญิงสาวมองเขาตาขุ่น ก่อนสะบัดหน้าหนีไปล้างจานจนสะอาดแล้วก้าวหนีเขาไปเช็ดจานคนเดียว พอจะไปช่วยก็ขู่ฟ่อๆ อย่างกับลูกแมว กลัวตายละ...แมทเทียหัวเราะในคอ ก่อนเดินหายขึ้นไปชั้นสองและกลับลงมาพร้อมกุญแจรถ เขาเดินไปหากณิการ์ที่ยืนใช้ผ้าเช็ดมืออยู่ตรงซิงค์ล้างจานในครัว
“ปะ ไปข้างนอกกัน”
ดวงตาคู่สวยแลมองมานิดหนึ่ง ก่อนสะบัดหน้าหนี กณิการ์ไม่เข้าใจผู้ชายที่กำลังจะเป็นพ่อของเวนิตาคนนี้จริงๆ ว่าทำไมเขาดูประหลาดคนนัก นึกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่ถามไถ่เธอสักคำว่าอยากไปกับเขาด้วยหรือเปล่า ถ้าวันนี้เขาเลื่อนงานออกไปก่อน เธอก็อยากไปนอนเล่นใต้ต้นไม้ริมชายหาด ดื่มด่ำเสียงคลื่นให้สมกับที่ได้มาทะเลบ้าง ทำไมต้องตะลอนๆ ไปกับเขาด้วยล่ะ
“ทำไมฉันต้องไป...”
พูดได้แค่นั้น ข้อมือบอบบางก็ถูกฉุดให้เดินกึ่งวิ่งตามออกจากบ้าน โดยที่เธอไม่มีสิทธิ์ร้องห้ามเลยสักคำเดียว
ท้องทะเลยามเย็นกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ตรงผิวน้ำห่างออกไปจากเรือมีวิญญาณดวงน้อยกำลังดำผุดดำว่าย หยอกล้อปลาทะเล และชื่นชมความงามของปะการังอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากใสแจ๋วราวระฆังดังแว่วเข้าหูกณิการ์ที่ขึ้นจากน้ำมาพักบนดาดฟ้าเรือได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว จนหญิงสาวอดหันไปมองแล้วยิ้มออกมาไม่ได้
“สนุกใช่ไหมล่ะ เห็นไหม เชื่อผมแล้วดีเอง”
กณิการ์หันไปมองผู้ชายตัวโตที่เปียกซ่กไปทั้งตัวแล้วก็อดย่นจมูกใส่เขาไม่ได้ มันก็ใช่ที่เธอสนุก ก่อนมาดำน้ำนี่ แมทเทียพาเธอไปซื้อเสื้อเปลี่ยนและทิ้งเสื้อสีขาวเปื้อนกาแฟไว้ในรถของเขา แต่เธอก็สวมเสื้อที่เปลี่ยนใหม่ได้ไม่นานเท่าไรหรอก แค่ไปดูฟาร์มหอยมุก รับประทานอาหารที่แพกลางทะเล แล้วเขาก็พามาดำน้ำดูปะการัง โดยบังคับให้เธอเปลี่ยนจากเสื้อยืดกางเกงยีนเป็นชุดว่ายน้ำที่เขาซื้อมาเผื่อให้ ด้วยเหตุผลว่ากางเกงยีนมันหนักเกินไปเวลาเปียกน้ำ
หญิงสาวเถียงไม่ออกจึงยอมเปลี่ยนชุด และคิดว่าการสวมชุดว่ายน้ำเที่ยวทะเลก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร กระทั่งตอนถือถุงเข้าไปเปลี่ยนชุดนั่นละเธอถึงเห็นว่าชุดนี่เป็นทูพีช!
แถมยังเป็นทูพีชที่กะขนาดหน้าอกและสะโพกเธอได้แม่นยำราวกับเคยวัดมา...
เขาเองก็สวมกางเกงว่ายน้ำตัวเดียวตอนลงไปดูปะการังกับเธอ แม้ไม่เคยดำน้ำมาก่อนแต่ไกด์นำเที่ยวสาวชาวไทยกับแมทเทียก็ช่วยกันสอนช่วยกันดูแลจนเธอดำน้ำลงไปกับเขาได้ นี่เธอเหนื่อยแล้วเลยแอบมานั่งพัก ส่วนเขาเพิ่งขึ้นมาจากน้ำอีกรอบ หยดน้ำเกาะพราวทั่วร่างแกร่ง ระยิบระยับอยู่บนกล้ามอกกล้ามท้องสมบูรณ์แบบจนกณิการ์แอบใจสั่น
เธอสะบัดหน้าหนี ตอบคำถามของเขาอย่างค่อนขอด
“ปะการังสวยค่ะ ปลาก็น่ารัก แต่คนชอบออกคำสั่งสิคะ น่าชัง”
แทนที่จะโกรธ แมทเทียกลับหัวเราะเสียงดังจนกณิการ์อดบริภาษเขาในใจไม่ได้ว่าสงสัยจะเมาคลื่นทะเลจนเพี้ยนไปแล้ว เธอถอนหายใจก่อนลุกขึ้นเดินผ่านเขาตั้งใจจะไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ แต่แรงโคลงของเรือทำให้เธอเสียหลัก กณิการ์ร้องกรี๊ดเมื่อเกือบจะพลัดตกจากเรือโดยไม่ทันตั้งตัว
หากแต่ท่อนแขนแข็งแรงที่โอบรัดเอวเธอไว้จากทางด้านหลังกลับทำให้เธอทั้งจุกและรู้สึกปลอดภัยอย่างที่สุดได้ในคราวเดียวกัน
กณิการ์วางมือลงบนแขนเขาที่โอบรัดหน้าท้องอย่างตกใจไม่หาย ก่อนทันได้เห็นเวนิตาแอบเกาะขอบเรือทำตาแป๋วอยู่ตรงหน้า ลมไม่มี คลื่นไม่แรง เรือจะโคลงได้อย่างไรเล่าถ้าไม่ใช่ว่าเธอโดนวิญญาณเด็กน้อยแกล้งเข้าให้อีกแล้วน่ะ
“เดี๋ยวเถอะ”
กณิการ์แยกเขี้ยวใส่ แต่เวนิตากลับหัวเราะคิกคัก ร่างโปร่งใสลอยขึ้นสู่ฟ้าสวยแล้วทิ้งตัวลงไปแหวกว่ายในน้ำทะเลต่อ
“อะไรนะครับ” เสียงกระซิบถามจากข้างหูทำให้กณิการ์เพิ่งรู้ตัวว่าถูกรั้งมาชิดแผ่นอกกว้างจากทางด้านหลัง ลมหายใจของเขาเป่ารด เสียงหัวใจเต้นตึกตักด้วยความตกใจที่แนบชิดแผ่นหลังนั้น ทำให้กณิการ์รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาอย่างประหลาด
“ฉันบอกว่าขอบคุ...” เธอหันไปแตะอกแกร่งเปลือยเปล่าเพื่อดันตัวเขาออกและกำลังจะเอ่ยขอบคุณ แต่เมื่อใบหน้าคมคายอยู่ห่างไปเพียงสายลมบางเบาคั่น และร่างชุ่มน้ำที่แนบชิดกันกลับทำให้เธอชะงักงัน รู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อๆ