กณิการ์รู้สึกสมองเออเรอร์ขึ้นทันควัน เธออ้าปากค้าง จ้องมองสัญญาทั้งสองใบนั้นราวกับว่ามันเป็นมังกรทะเลในตำนานโบราณ เธอไม่เคยรู้เลยว่าวิญญาณไร้ร่างกายจะทำอะไรแบบนี้ได้ด้วย แต่ที่แย่ไปกว่านั้น เธอเชื่อสนิทใจแล้วว่าเวนิตาเป็นลูกสาวของแมทเทียแน่ละ
ก็ทั้งพ่อทั้งลูก...จับเธอมัดมือชกชัดๆ!
‘โอเค เข้าใจอะไรง่ายๆ ก็ดี คุณพักห้องประตูน้ำเงินชั้นสองที่อยู่ริมสุดทางเดินนะ แล้วพรุ่งนี้เก้าโมงเริ่มงานได้เลย’
แมทเทียหยิบสัญญาไปฉบับหนึ่งพร้อมๆ กับสัญญาฉบับเก่าของนางแบบทั้งหมดของเขา ก่อนเดินตัวปลิวหายขึ้นชั้นสองไป ปล่อยให้กณิการ์หันมองคาดโทษเวนิตาที่นอกจากจะไม่มีท่าทีสำนึกผิดแล้ว ยังยืนยิ้มแป้นตอบมาเสียอีก หญิงสาวถอนหายใจยาวเหยียด ลุกขึ้นลากกระเป๋าไปยังบันไดบ้าน และอ่านรายละเอียดสัญญาไปด้วย กระทั่งถึงประตูหน้าห้อง เธอจึงเพิ่งเห็นว่าในสัญญาระบุว่านางแบบที่เขาต้องการคือนู้ดอาร์ตโมเดล
นั่นคือเธอต้องเปลือย!
“อ้าว...” เวนิตาอ้าปากกว้าง เบิกตาโต “หนูนึกว่าหนูบอกพี่แล้วซะอีก”
พูดจบก็หัวเราะแห้งๆ ก่อนลอยไปเด้งตัวไปมาบนฟูกนอนอ่อนนุ่ม แต่เมื่อเห็นว่ากณิการ์ขำไม่ออก เด็กหญิงจึงหยุดนั่งนิ่ง ก้มหน้าจ๋อย
“พี่ไม่ตลกนะเวนิตา” เธอเอ่ยอย่างจริงจัง และเลือกจะเรียกชื่อเต็มของวิญญาณเด็กน้อยด้วยความโกรธ “อันที่จริงนี่ไม่ใช่เรื่องของพี่ พี่กับพ่อของหนูไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ เขาจะเป็นจะตายก็ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตพี่นะ แต่พี่อยากจะช่วยตามคำขอร้องของหนู พี่จริงใจที่จะช่วยพ่อหนู แต่ทำไมหนูไม่จริงใจที่จะบอกทุกอย่างให้พี่ฟังเลย!”
เวนิตาอ้าปากเหลอหลากับการระเบิดอารมณ์ของหญิงสาวที่วิญญาณหนูน้อยไม่คาดฝันมาก่อน เธอเลื่อนตัวมาใกล้ ละล่ำละลักบอก
“หนูขอโทษค่ะ” มือเล็กโปร่งใสยื่นมาแตะชายกระโปรงกณิการ์อย่างรวดเร็วด้วยกลัวว่าหญิงสาวจะโกรธไปมากกว่านี้ หากแต่มือนั้นทะลุผ่านไปจนกณิการ์ตกใจก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ
เวนิตายกมือใสแจ๋วของตนขึ้นมอง น้ำตารื้น
“หนูกลัวพี่ไม่ช่วย” เธอเริ่มสะอื้น “หนูอยากมาเกิด...หนูแค่กลัวพ่อจะตายก่อน กลัวคนใจร้ายจะฆ่าพ่อ แล้วหนูจะไม่ได้เกิด...”
กณิการ์ขมวดคิ้วมองร่างโปร่งใสที่กำลังยกมือขึ้นปิดหน้าสะอื้นด้วยความรู้สึกปวดแปลบในหัวใจอย่างประหลาด เธอยื่นมือไปแตะเรือนผมของเด็กหญิง หากแต่มือของเธอก็ทะลุผ่านร่างของเวนิตาไปเช่นกัน กณิการ์ไม่รู้ว่าเวนิตาจับมือเธอเซ็นสัญญาได้อย่างไร แต่นั่นคงเป็นอะไรที่ไม่ปกติ หรืออาจเป็นความสามารถพิเศษของวิญญาณที่ไม่สามารถทำซ้ำๆ บ่อยๆ ได้
ก็พวกเขา...ไม่มีร่างกาย
“นิต้า” ร่างโปร่งระหงทรุดลงนั่งตรงหน้าเด็กหญิง “นี่แปลว่าหนูจะเกิดเป็นลูกของคุณแมทกับภรรยาของเขาในอนาคตหรือจ๊ะ”
กณิการ์เคยเข้าใจว่าเวนิตาเป็นบุตรสาวของแมทเทียที่สิ้นอายุขัยไปตั้งแต่ยังเด็กเสียอีก
“ค่ะ” เด็กหญิงตอบปนเสียงสะอื้น
“เอ่อ แล้ว...” กณิการ์กลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก “คือ...ยังไงดี พ่อของหนูแต่งงานแล้ว ทำไมยังมาวาดรูปนางแบบเปลือยอะไรแบบนี้ล่ะ แถมพักอยู่ด้วยกันตามลำพังด้วย แม่หนูไม่ว่าเหรอ”
เวนิตาเงยหน้ามองสบตาหญิงสาวด้วยดวงตาพราวหยดน้ำ เธอนิ่งคิด เริ่มคลายสะอื้น ก่อนสั่นศีรษะ
“หนูไม่รู้ค่ะ”
กณิการ์นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงลุกขึ้นยืนเดินไปเดินมาอย่างกังวล เธอลองคิดแบบใจเขาใจเราดูว่าหากเป็นตนเอง แต่งงานแล้ว สามีออกจากบ้านมาวาดรูปนางแบบเปลือยที่เธอไม่รู้จัก แถมอยู่ด้วยกันสองต่อสองเป็นเดือนๆ แบบนี้ เธอคงขอฟ้องหย่าทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาถามไถ่เหตุผล
“ไม่ได้นะนิต้า” กณิการ์บอกเสียงเครียด “เราควรใช้วิธีอื่นกันนะ แบบนี้ถ้าเขาทะเลาะกับแม่หนู เราจะทำยังไงกันล่ะ เกิดเขาหย่ากันขึ้นมา หนูก็จะไม่ได้เกิดอยู่ดีนะ”
เวนิตาเบิกตากว้าง
“จริงด้วยค่ะ! ทำไงดีคะ ทำไงดีๆ”
ท่าทางลนลานของวิญญาณเด็กหญิงทำให้กณิการ์ถอนหายใจยาวเหยียด นี่สินะที่คุณย่าเธอเคยสอนไว้ว่า ‘อย่าคบเด็กสร้างบ้าน’ แต่เธอก็หลงคิดว่าเวนิตาน่าจะเตรียมการทุกอย่างไว้ให้เธอได้ เพราะหลายวันมานี้ช่วงที่เธอขอเวลาเคลียร์งานจนพร้อมออกเดินทาง ก็เห็นหายตัวไปๆ มาๆ ระหว่างเธอกับพ่อตัวเองได้นี่ น่าจะรู้อะไรๆ มากมายพอดู
แต่เด็กก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำนี่นะ...
กณิการ์เดินไปเดินมาอย่างครุ่นคิด โดยไม่ทันเห็นว่าวิญญาณเด็กหญิงแอบหันไปอีกทางและกำลังอมยิ้มอย่างมีเลศนัย ภรรยาของพ่อน่ะหรือ...มีอยู่ที่ไหนกัน ไม่อย่างนั้นพ่อคงไม่เปลี่ยวขนาดที่เวลาเวนิตาทำให้แมทเทียฝันถึงผู้หญิงที่เดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าเธอคนนี้ทีไร พ่อก็ใช้จิตสำนึกหยาบโลนย่ำยีกณิการ์ในฝันเสียเกือบทุกที จนระยะหลังเวนิตาก็ทำแค่ให้เขาฝันแล้วรีบหนีออกมา เพราะไม่อยากเป็นตากุ้งยิง!
“พี่จะไปคุยกับเขา”
หลังจากตัดสินใจได้ก็เดินไปดึงลูกบิดประตูเปิดออก เพื่อจะได้เห็นแมทเทียยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตูพอดี หญิงสาวยืนตัวแข็งครู่หนึ่ง ก่อนหันหลังขวับให้เขาแล้วร้องกรี๊ดเบาๆ ในคอ ให้ตายสิ! เธอไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว และไม่รู้ว่าเขาได้ยินอะไรหรือเปล่าด้วย
แต่เอ๊ะ เธอคุยกับเวนิตาเป็นภาษาไทยนี่ ถึงจะได้ยินเขาก็คงฟังไม่ออกหรอก คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็พ่นลมหายใจยาวอย่างโล่งอก
“เฮ้” เสียงเรียกห้าวๆ ทำให้เธอหันกลับไปมอง และเห็นแมทเทียยืนล้วงกระเป๋ามองมางงๆ “เป็นอะไรน่ะคุณ ผมจะมาชวนไปกินข้าวเย็น จะได้คุยรายละเอียดงานกันด้วย คุณหิวหรือยัง หรือจะพักให้หายเหนื่อยก่อน ถ้าจะพักก่อนผมก็รอได้นะ”
กณิการ์กะพริบตาปริบ เธออ้าปากแล้วหุบอยู่สองครั้ง ก่อนเอ่ยตอบออกไปได้แค่สั้นๆ
“หิวค่ะ”
เสียงคลื่นทะเลยามรัตติกาลม้วนตัวเข้าหาฝั่งผสานกับเสียงหัวเราะที่กณิการ์ได้ยินคนเดียว รวมถึงได้เห็นร่างเล็กๆ โปร่งใสราวกับจะถูกกลืนหายไปในท้องทะเลของเวนิตากำลังวิ่งไล่ฟองคลื่นอย่างสนุกสนาน แถมวิญญาณเด็กหญิงยังเปลี่ยนชุดเป็นชุดบิกินี่สำหรับเด็กสีแดงแจ๋ด้วย
กณิการ์ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเพื่อกลั้นยิ้ม ก่อนจะลงมือรับประทานอาหารต่อ แต่เมื่อละสายตาจากวิญญาณตัวน้อยมามองหน้าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน เธอก็อึดอัดจนต้องรวบช้อนไว้ข้างจาน ชักจะกินอะไรไม่ลงแล้ว ทั้งที่เขาก็ไม่ได้คุกคามหรือทำอะไรเธอเลย