“เขาต้องการบอกให้เธอรู้ว่าเขารวย เขามีพร้อมทุกอย่างที่เทียบเท่ากับฐานะของพวกเรา” คำตอบนี้เป็นของไพลินที่พูดไปด้วยชี้นิ้วเข้าหาตัวเองไปด้วย “ฉะนั้นผู้ชายที่พูดว่ารวยคือรวยจริง ถึงจะอวดอีโก้แต่ก็มีดีให้เธอเห็น ดีกว่าพวกผู้ชายที่บูชาความรักแต่จ๊นจน ไม่มีจะกิน... พวกนี้สิน่าขยะแขยงมากกว่า”
ฉันมองเพื่อนสองคนที่ทำหน้าแขยงคนที่จนกว่าตัวเอง จนฉันรู้สึกนะ... รู้สึกว่าฉันไปคบกับพวกหล่อนได้ยังไงกัน?
“เธอน่ะหัวอ่อนเรื่องความรักมากเลยเจ้าเอย” นานาส่ายหน้าไปมาแต่ฉันก็ไม่ได้คิดจะสนใจอะไร เอาจริงเรื่องนี้มันไม่ได้อยู่ในหัวของฉันด้วยซ้ำนะ
“ใช่มะ ทุกวันนี้มีผู้ชายหล่อๆ เยอะแยะแต่หล่อแล้วจน ฉันก็ไม่เอาหรอก”
“แล้วก็จะมีประเภทหล่อ แต่ฐานะปานกลางฉันก็ไม่เอาเหมือนกัน” ไม่คิดจะออกความเห็นใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากนั่งฟังคำพูดเสียดสีคำดูถูกของเพื่อนทั้งสอง
“หรือเธออยากไปกัดก้อนเกลือกินกับผู้ชายที่ไม่มีอะไรให้ นอกจากความรักโง่ๆ น่ะเหรอเจ้าเอย?”
“ความรักมันกินไม่ได้นะเจ้าเอย เงินสิสำคัญที่สุด... เพราะฉะนั้นผู้ชายที่เพียบพร้อมเหมาะสมกับเธอ คือผู้ชายที่พูดโอ้อวดความรวยนี่แหละและความรักที่มาพร้อมกับฐานะด้วย ก็ยิ่งปังปุริเย่”
ฉันได้แต่ถอนหายใจและเลือกที่จะก้มหน้าลงมองชีทงาน โดยไม่เก็บคำพูดของพวกเธอมาคิด ความรักเหรอ? ไม่หรอก สิ่งที่พวกเธอต้องการคือหน้าตาทางสังคมมากกว่า ส่วนฉันก็ไม่ได้อยากจะไปกัดก้อนเกลือกินกับใคร ฉันไม่มีสเปกผู้ชายที่ตายตัว ขอแค่เขาเป็นคนดี ขยันก็เพียงพอ
ส่วนเรื่องของเงินทองถ้าขยันทำงานก็สามารถหาเงินได้อยู่แล้ว แต่พวกที่มาพูดอวดอ้างก็แค่เอาสมบัติของพ่อแม่ที่สร้างมาเพื่อมาผูกอีโก้ให้ตัวเองดูดีมากกว่า ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เขาสร้างมันขึ้นมา... ถ้าสร้างขึ้นมาเองสิ ฉันอาจจะภูมิใจและเปิดใจให้ก็ได้ แต่การที่พูดอวดว่าตัวเองรวยแบบนั้นแบบนี้ ฉันคิดว่ามันไม่ใช่และฉันก็ไม่ชอบผู้ชายแบบนี้ด้วย
“น้องเจ้าเอยครับ” การมาของใครคนหนึ่งทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ความคิดและมองสบตากับผู้ชายคนนี้ที่เป็นหนึ่งในคนที่ตามจีบฉัน “วันนี้เลิกเรียนกี่โมงเหรอครับ?”
“เลิกสี่โมงเย็นค่ะ พี่เมฆมีอะไรหรือเปล่าคะ” แม้ว่าจะไม่ชอบการโอ้อวดของคนที่มาจีบ แต่ฉันก็ละเว้นไว้คนหนึ่งคือพี่เมฆรุ่นพี่ปีสาม คณะนิเทศศาสตร์เขาเป็นเพื่อนกับแฟนของไพลินแต่ต่างกันตรงที่เขาไม่ค่อยพูดเรื่องของตัวเองสักเท่าไหร่
“ดีเลยครับ เย็นนี้พี่อยากพาน้องเจ้าเอยไปชมกิจการของพี่หน่อยน่ะครับ” ขมวดคิ้วทันทีอย่างมึนงง จนพี่เมฆยิ้มหัวเราะออกมากับท่าทางของฉัน “อู่ซ่อมรถน่ะครับ พอดีพ่อพี่เขายกกิจการให้พี่ดูแล ส่วนตัวท่านก็ดูแลร้านทองไม่ค่อยมีเวลา”
“แล้วอยากให้เอยไปทำไมคะ?”
“พี่อยากให้น้องเจ้าเอยได้เห็นว่าพี่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าน้องเจ้าเอย” ฉันรู้สึกไม่ดีเลยนะกับคำพูดของเขา ราวกับว่าฉันสูงส่งมากทั้งที่ก็แค่ฐานะทางบ้านไม่ใช่ตัวฉันสักหน่อย
“ไปสิเจ้าเอย พี่เมฆอุตส่าห์มาชวนขนาดนี้แล้ว”
“แต่ว่า...”
“งั้นเดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน วันนี้พี่วินไม่ว่างด้วยมีถ่ายแบบ” นานาเอ่ยปากจะไปด้วยฉันจึงค่อยโล่งอกหน่อย “ได้ใช่ไหมคะพี่เมฆ?”
“ได้สิครับ งั้นเลิกเรียนเจอกันนะครับ” พี่เมฆฉีกยิ้มกว้างให้ฉันก่อนจะถอยหลังเดินไปจากคณะ
“พี่เมฆก็ไม่ธรรมดานะเจ้าเอย มีอู่ซ่อมรถเป็นของตัวเองด้วยแบบนี้น่าจะโอเค” ไพลินเท้าคางและมองแผ่นหลังกว้างของพี่เมฆที่ขึ้นรถยนต์สีขาวขับออกไป “แต่เสียดายที่รถดูกระจอกไปหน่อย”
“นั่นสิมีอู่ซ่อมรถ ครอบครัวมีร้านทองแต่ก็ยังดูต่ำกว่าฐานะเธอนะเจ้าเอย”
ฉันเบื่อกับการเปรียบเทียบฐานะกันเหลือเกิน รู้สึกว่าทำไมทุกคนต้องยึดติดในเรื่องฐานะของตัวเองด้วยไม่เข้าใจ? ฉันก็เป็นฉัน ส่วนเรื่องฐานะพ่อแม่ฉันเป็นคนสร้างไม่ใช่ตัวของฉันสักหน่อยนะ
สุดท้ายแม้จะไม่ได้อยากมาดูอู่ซ่อมรถของพี่เมฆ แต่ฉันก็มาพร้อมกับนานาที่ดูตื่นเต้นมากๆ แต่ฉันน่ะเหรอยังไงก็ได้ เพราะไม่ได้คิดจะมาอยู่แล้ว “เดี๋ยวแวะอู่เสร็จ พี่พาไปทานข้าวนะครับ”
“เอยอยากกลับบ้านเลยค่ะ เพราะมีงานต้องทำต่อ” ตอบกลับไปตามความจริง ฉันไม่ได้อยากไปกินข้าวหรือไปไหนกับเขาด้วยซ้ำเพราะไม่อยากให้ความหวังในสิ่งที่เขาต้องการไง
“โอเคครับ” แต่พี่เมฆก็ไม่ได้บังคับอะไร ตอนนี้จะบอกว่าตัวเองรู้สึกอึดอัดกับการมาในที่แบบนี้ซึ่งตอนแรกฉันยกเว้นเขาเรื่องไม่โอ้อวดแต่ตอนนี้ฉันคิดผิดจริงๆ เขาต้องการอวดให้ฉันเห็นว่าตัวเองมีอะไรบ้างและฉันไม่ชอบเป็นที่สุด
รถของพี่เมฆมาจอดที่อู่ซ่อมรถซึ่งมันเป็นที่เดียวกับที่ฉันมาเมื่อเช้าเลย “ที่นี่เหรอคะ?”
“ครับ อู่ของพี่เองที่นี่มีลุงพี่ดูแลอยู่ครับ” แต่เมื่อเช้าที่คุยกับลุงพล มันไม่ใช่แบบนั้นนี่นาลุงพลบอกว่าคุณหินเป็นลูกชายของเจ้าของอู่ซ่อมรถ แล้วทำไมพี่เมฆถึงได้บอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของกันล่ะ?
“ใหญ่โตจังเลยนะคะพี่เมฆ”
“อู่ซ่อมรถชัยกิจของพ่อพี่ดังที่สุดในย่านนี้แล้วล่ะครับ” พี่เมฆพาฉันกับนานาเดินเข้าไปด้านในซึ่งช่างซ่อมหลายคนก็ต่างพากันมองฉันด้วยสีหน้าสงสัย ก็แหงสิเมื่อเช้าฉันมาเพราะมาหาคุณหินแต่พอเย็นกลับมากับพี่เมฆที่บอกว่าเป็นเจ้าของอู่