@ห้าง SES
พวกเราเดินเข้ามาในห้าง และมันคือสิ่งเดียวที่ยัยลิเดียร์อยากกินก็คือชาบู ตั้งแต่รู้จักกันมา ชาบูคือของโปรดของมันก็ว่าได้
"นานแล้วนะที่เราไม่ได้มากินชาบูด้วยกัน ก็ตั้งแต่ฉันย้ายมาทำงานที่กรุงเทพมันก็ดูวุ่นวายไปหมด เวลาว่างยังไม่ค่อยจะมีเลย"
"ทำยังไงได้ล่ะก็เป็นลูกจ้างเขานี่ แล้วก็ไม่ต้องพูดมาก รีบกินจะได้รีบกลับป่านนี้หัวหน้าตามหาให้ทั่วแล้วมั่ง"
"จะว่าไป เป็นนักข่าวอิสระแบบแกก็ดีนะ แต่ฉันไม่ขอทำดีกว่า เหมือนเอาชีวิตไปแขวนบนเส้นด้าย"
เพราะเริ่มมีเสียงพร้อมกับสายตาหลายคู่จับจ้องไปที่คู่ชายหญิงที่กำลังเดินเข้ามาใหม่จึงทำให้การคุยของพวกเราต้องยุติลง เผลอสบตากับผู้ชายคนนั้นที่มีแมสปิดหน้าก่อนที่จะชะงักเมื่อนึกถึงสายตาของใครคนหนึ่ง
" ยัยบาร์ นั่นไงคุณเคนตะแถมมากับคุณอลิซนักแสดงชื่อดังอีกด้วย นี่อย่าบอกนะว่าคนที่แต่งงานกับเขาจะเป็นคุณอลิซ" ฉันเบือนหน้าหนีทันที ทำไมมีแต่ชื่อนายนั่นคอยเวียนวนอยู่รอบตัวฉันตลอดเลยนะ
"อย่าไปสนใจเลย เรื่องของเขา" ใช่ว่าลิเดียร์จะละความพยายาม มือถือกดชัดเตอร์ถ่ายรัวๆแบบมืออาชีพถ้าไม่สังเกตุดีๆก็ไม่มีทางรู้ว่าเธอกำลังแอบถ่ายรูป
" ถ้าแกถ่ายรูปพวกเขาเสร็จเมื่อไหร่ก็ตามฉันไปที่ร้านไอศครีมแล้วกันนะ" ว่าจบก็เดินแยกตัวออกมาจากบรรยากาศที่น่าอึดอัด
" เอารสมะนาวค่ะ"
ไอศครีมถูกยื่นออกมาก่อนที่จะรับแล้วจ่ายเงิน ฉันเดินมารอลิเดียร์บริเวณเก้าอี้หน้าร้านไอศครีม แต่รอนานจนไอศครีมจนหมดแล้วหยิบมือถือจะโทรหาก็พบกับข้อความที่บอกว่ามีงานด่วนต้องขอกลับก่อน
" ให้มันได้อย่างนี้สิเพื่อนฉัน"
ในขณะที่จะเดินกลับนั้นดันมีเสียงผู้หญิงตะโกนขอความช่วยเหลือ หันไปมองก็พบว่ามีตำรวจไล่ตามจับตัวผู้ชายคนหนึ่ง
"โจรกระชากสร้อย ระวังนะคะเขามีอาวุธ"
แรกๆก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่าตำรวจคงจะจัดการได้ แต่ทิศทางของเขากำลังวิ่งเข้าไปหาผู้หญิงที่ชื่ออลิซที่ตอนนี้ยืนอยู่คนเดียวหน้าห้องน้ำและฉันเป็นคนที่โจรกระชากสร้อยต้องวิ่งผ่าน ถ้าเขาต้องการตัวประกันระหว่างฉันกับคุณอลิซใครจะเป็นคนที่โดนหมายหัวไว้ แต่ถ้าให้เดา มันคงไม่ใช่ฉัน
คิดได้ดังนั้นขาก็เผลอไปเกี่ยวเก้าอี้มาเหยียบไว้แล้ว สายตาจับจ้องไปที่ฝีเท้าของโจรกระชากสร้อยคนนั้น ก่อนที่จะนับเลขในใจ
1….2...3.. ครืด โครม!!
ร่างของโจรกระชากสร้อยล้มลงกับพื้นพร้อมกับเก้าอี้ที่ตอนนี้หักละเอียดพอถ่วงเวลาให้ตำรวจจับตัวได้
"ไม่พลาดแฮะ" ตำรวจนายหนึ่งเงยหน้ามองฉันอย่างอึ้งๆก่อนจะยกนิ้วบอกว่าเยี่ยมมาให้ ส่วนฉันก็ยิ้มรับอย่างภาคภูมิใจเดินออกจากห้างอย่างอารมสุนทรีย์ แต่ถีบเก้าอี้ขวางทางโจรมันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
หมับ!! "กลับกับฉันเดี๋ยวนี้" สะบัดมือที่จับแขนออก เอียงหัวเชิงถามผู้ชายตรงหน้าที่ตอนนี้ยืนรอดักทางฉันไว้
"ฉันกลับเองได้ ส่วนนายมากับใครก็กลับกับคนนั้นเถอะ"
" ฉันมาคนเดียวแต่ฉันจะให้เธอกลับพร้อมกับฉัน แค่นี้มันเข้าใจยากนักหรือไง"
"พอดีสมองฉันมันไม่ค่อยดีน่ะ ถ้าไม่พูดตรงๆคงไม่มีวันเข้าใจ และตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจ ขอตัวก่อนนะคะคุณสามี" ทว่าเขากลับไม่ยอมปล่อยฉันไปนะสิ ขาฉันก้าวไปตามแรงดึงของอีกคนจนมาหยุดนั่งอยู่ในรถของเขา
ผีเข้าหรือไง จู่ๆก็ลากตัวขึ้นรถแบบนี้
" เธอพูดอะไรบอกนักข่าวคนนั้นบ้าง อย่าคิดทำอะไรโง่ๆล่ะถ้ายังไม่อยากเดือดร้อน" พอเข้ามาในรถได้ไม่นานเสียงทุ้มก็ดังขึ้นทันทีเกือบจะยกมือปิดหูไม่ทัน
" ฉันดูเป็นคนปากสาธารณะขนาดนั้นเลยหรือไง"
" เธอทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวเอง"
"นายคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นหรอ ดี ดีแล้วแหละที่คิดแบบนั้น เพราะฉันก็ไม่อยากให้ใครมองว่าฉันดีเลิศเลออะไรนักหรอก ฉันหน่ะเทียบกับคุณอลิซของนายไม่ได้สักอย่าง"
"หึ หัดเจียมตัวไว้บ้างก็ดี" มันก็มีเพียงเท่านั้นแหละ คนที่มองแค่ภาพลักษณ์ภายนอกอย่างเขาไม่มีทางได้เห็นความสุขที่แท้จริงหรอก
เอี๊ยด ขับมาได้ไม่นานรถก็ตีไฟเลี้ยวจอดข้างทางจนทำให้ฉันมองเขาด้วยความมึนงง
" ลงไปได้แล้ว"
" นายจะบ้าหรอ ผีเข้าหรือไงเดี๋ยวก็ลากฉันขึ้นรถแล้วตอนนี้ก็กำลังจะให้ฉันลงข้างทาง จิตใจนายทำด้วยอะไรถึงกล้าให้ผู้หญิงลงจากรถในถนนเปลี่ยวๆแบบนี้"
"หยุดพูดแล้วก็ลงจากรถฉันไปได้แล้ว"
"อ้อ ที่ลากฉันขึ้นรถมาเพราะว่ากลัวฉันจะประกาศเรื่องการแต่งงานสินะ" ปัง!! พอฉันลงจากรถเขาก็ขับมันออกไปทันที ไอ้ผู้ชายนิสัยเสีย ฉันก็ไม่อยากขึ้นรถนายสักเท่าไหร่หรอก
" ไอ้บ้าเคนตะเอ้ย ยังเป็นผู้ชายอยู่ไหมห๊ะ ชิ๊ หาวินนั่งไปก็ได้" เพราะว่าถนนไม่ค่อยมีรถผ่านจึงลำบากนิดหน่อย จะโทรหาให้ยัยลิเดียร์มารับป่านนี้ก็คงทำงานอยู่
สุดท้ายก็ต้องเดินไกลพอสมควรกว่าจะถึงถนนใหญ่ ตุ๊บ เรี่ยวแรงลดลงมากจนต้องนั่งพักข้างๆผู้หญิงสามสี่คนที่นั่งรออะไรสักอย่าง แต่เหมือนมันไม่ปกติสักเท่าไหร่
" ผมต้องการคนนี้ จะเอาเท่าไหร่ว่ามา" เหมือนประโยคหลังเขาจะหันมาพูดกับฉัน ผู้ชายตรงหน้าจัดว่าเป็นคนหน้าตาดีไม่น้อยเขามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะแซะยิ้มออกมา
"อะไรเท่าไหร่"
"ก็ค่าตัวเธอไง" พอได้ยินดังนั้นก็หันไปดูผู้หญิงข้างๆที่ตอนนี้กำลังเดินขึ้นรถกับผู้ชาย
" ฉันไม่ได้ขาย"
" เอ่อ เจ๊ว่าไปดูเด็กในร้านดีกว่านะ"
"ไม่ ผมจะเอาคนนี้" สายตาคู่นั้นไม่แม้จะมีท่าทียอมแพ้เลยสักนิด
"เอ๊ะ ก็ฉันบอกว่าไม่ดะ…"
"ยัยนี่เป็นของฉันแล้ว" หันขวับไปมองบุคคลมาใหม่ด้วยความแปลกใจไม่คิดว่าไอ้คนใจร้ายที่กล้าทิ้งฉันไว้คนเดียวจะย้อนรถกลับมาคืน ว่าจบมือฉันก็ถูกดึงให้เดินขึ้นรถด้วยอาการมึนงง
ปัง!! "ไม่มีปัญญาหาทางกลับจนต้องไปขายตัวเลยหรือไง คงหวังว่าผู้ชายคนนั้นจะไปส่งเธอถึงบ้านโดยที่ไม่ทำอะไรเธอเลยสินะ"
"นายมันคนใจแคบ ไม่เคยถามฉันเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น มาถึงก็ด่าว่าฉันเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าฉันดูไร้ค่าขนาดนั้นจะกลับมารับฉันทำไม"
" เพราะฉันยังไม่อยากเห็นเธอออกข่าวหน้าหนึ่งว่าถูกลากไปข่มขืนยังไงล่ะ"
ตึก ตึก ฉันเดินขึ้นบ้านด้วยความโมโห ตั้งแต่ย้ายเข้ามาในบ้านหลังนี้ที่มีเพียงฉันกับเขา หลังจากที่จบการเข้าหอในคืนนั้นเขาก็แยกห้องนอนกับฉัน ก็ดีแล้วนี่ทำอะไรจะได้สะดวก
" ไอ้ผู้ชายปากร้าย สักวันนายจะต้องเสียใจเพราะปากเน่าๆของนาย สาธุ" เลิกคิดเรื่องที่ทำให้ปวดหัวก่อนจะหยิบเอกสารฉบับนั้นขึ้นมาดู พอเห็นรูปเท่านั้นแหละก็ต้องเบือนหน้าหนีทันที
“อ่า งานมาถึงอีกแล้ว” เก็บเอกสารไว้ในลิ้นชักแล้วเดินออกจากห้องหวังจะไปช่วยป้าแม่บ้านทำอาหาร พอเดินลงไปกลับพบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่งคุยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับนายเคนตะ มาหากันถึงบ้านเลยนะ ฉันไม่สนใจเดินเข้าไปในห้องครัวก่อนจะหยิบน้ำเทใส่แก้วดื่ม
“ช่วยจัดเค้กใส่จานให้ด้วยสิ” ฉันเลิกคิ้วมองกล่องเค้กตรงหน้า
“ฉันหรอคะ”
“ใช่ เธอเป็นคนใช้ไม่ใช่หรอ เอาใส่จานเสร็จก็เอาไปให้ฉันกับเคนด้วย” ว่าจบเธอก็เดินไป เผลอสบตากับอีกคนที่ตอนนี้นั่งทำหน้าร้ายมาให้ฉัน
“คุณหนูไม่ต้องทำก็ได้นะคะ เดี๋ยวป้าจะจัดเอาไปให้เธอเอง”
“เป็นไรค่ะป้า คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด” แต่คนที่คิดไปเองโดยที่ไม่คิดจะถามคนแบบนี้ผิดเต็มๆ
หลังจากเอาเค้กใส่จานเสร็จก็เดินเอาไปให้พวกเขา ในขณะที่จะเดินออกกลับต้องหยุดชะงักกับคำพูดประโยคหนึ่ง “ คนใช้คนใหม่หรอคะ ไม่มีมารยาทเอาซ่ะเลยเดินผ่านก็ไม่รู้จักก้มหัว คนนี้ใช่ไหมคะที่เคนบอกว่ามาจากบ้านนอก” นายเคนตะเพียงแค่ยกยิ้มโดยไม่คิดจะพูดอะไรออกไป
“ขอประทานโทษนะคะคุณผู้หญิง ถึงฉันจะเป็นเด็กบ้านนอกแต่ฉันก็เลือกค่ะ ฉันเลือกที่ก้มหัวให้แค่กับคนที่ควรก้มหัวให้ ส่วนคนที่ชอบดูถูกคนอื่นไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง” เหมือนเธอจะพยายามระงับอารมณ์ตัวเอง รอยยิ้มนั้นเผยออกมาให้เห็นได้ชัดแต่มันแฝงไปด้วยความเสแสร้ง
“เคนคะ”
“ขอโทษอลิซซ่ะ” มันจะมากไปแล้วนะ
“ทำไมต้องขอโทษในเมื่อฉันไม่ได้เอ่ยปากพูดว่าเป็นชื่อของเธอ มีประโยคไหนที่ฉันพูดเป็นชื่อคุณอลิซหรอคะ”
ฉันกลับมาที่ห้องครัวเหมือนเดิมเพราะขี้เกียจอยู่ทำสงครามประสาทกับพวกเขา ป้าพลอยมีสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่หลังจากเห็นฉันเดินเข้ามา ป้าพลอยคือแม่บ้านที่นี่ ท่านเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ฉันนับถือเลยล่ะ
“คุณหนูไม่บอกเขาไปคะ ทำไมต้องทนให้เขาดูถูกด้วย”
“หนูไม่มีสิทธิ์พูดหรอกค่ะในเมื่อเขาไม่ต้องการให้พูด”
“โถ่ คุณหนู ทำไมคุณชายต้องทำแบบนี้ด้วยนะ”
“ช่างเขาเถอะป้า อย่าเอามาใส่ใจเลยเรื่องไร้สาระแบบนั้น เอาแค่เรื่องดีๆเข้ามาก็พอ วันนี้บาร์จะเป็นลูกมือช่วยทำอาหารนะคะ”
โปรดติดตามตอนต่อไป.........