แกร็ก แกร็ก ผมพยายามเปิดประตูแต่กลับเปิดไม่ออก กัดฟันแน่นก่อนจะเหลือบไปมองผู้หญิงหน้าเงินที่กำลังยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ผู้หญิงแบบเธอผมเกลียดที่สุด เธอเข้ามาทำลายความสุขของผมทุกอย่าง ทำลายชีวิตอิสระของผม พ่อไปพาผู้หญิงบ้านนอกมาจากไหนก็ไม่รู้ให้มาแต่งงานด้วย ผมไม่คิดจะแต่งด้วยซ้ำ แต่เพราะทรัพย์สินทั้งหมดจะตกไปเป็นของมูลนิธิถ้าหากผมไม่ยอมแต่ง ทำไมพ่อต้องทำแบบนี้กับผมด้วย
“น่าจะถูกล็อกจากข้างนอกนะ คุณสามี” ผมไม่สนใจก่อนจะเดินไปคว้าผ้าขนหนูเข้าไปจัดการธุระส่วนตัว
“ฉันจะรออยู่บนเตียงนะคะ อย่าอาบนานล่ะ” นอกจากหน้าเงินแล้วเธอยังมีความคิดต่ำทรามอีก เมื่อกี้ทำตัวเป็นผู้หญิงบริสุทธิ์แต่ตอนนี้กลับพูดให้ท่า หึ ผู้หญิงแบบนี้หรอจะมาเป็นแม่ของลูกผม
ฟู่ พ้นลมหายใจเข้าออกเบาๆหลังจากสู้ศึกกับนายเคนตะนั่น เดินไปหยิบผ้าห่มมาปูที่พื้นเพื่อหวังจะใช้เป็นที่นอน ดูท่าทางเขาแล้วไม่มีทางที่ฉันจะได้นอนเตียงนุ่มๆของเขาแน่ แค่คืนแรกก็ตีกันแบบนี้ ท่านเจ้าสัวเอาอะไรมามั่นใจนะว่าพวกเราจะรักกันได้ เฮอะ ตลกชะมัด
“ทำอะไรของเธอ”
“เตรียมที่นอนไงคะ”
“หึ รู้ตัวนี่ คนอย่างเธอไม่มีทางได้นอนข้างกายฉัน จำเอาไว้” ชิ๊ ได้แต่จิปากใส่เขา ตอนนี้ขี้เกียจเถียงกับเขาแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า โชคดีการมาอยู่กรุงเทพมันไม่มีปัญหากระทบกับงาน
หลังจากที่ฉันอาบน้ำเสร็จก็ล้มตัวนอนบนผ้าที่ค่อนข้างหนาพอสมควร ชินแล้วแหละกับการนอนบนอะไรแข็งๆ ไฟในห้องถูกปิดลงเหลือแต่ความมืด คนบนเตียงก็เหมือนจะหลับแล้วมั่ง เสียงเงียบแบบนั้น ฉันหยิบมือถือก่อนจะส่งเมลล์ให้เพื่อน มันคือหลักฐานชิ้นสำคัญที่ฉันมีอยู่ตอนนี้ ป่านนี้คนชั่วพวกนั้นอาจจะกำลังตามตัวฉันอยู่ เพื่อความปลอดภัยเรื่องนี้มีแค่ฉันกับเพื่อนที่รู้
ผ่านไปหลายชั่วโมงพยายามกล่อมให้ตัวเองหลับมากเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล อาจจะต่างที่และไม่ค่อยคุ้นชินเวลามีผู้ชายมานอนร่วมห้องก็เลยนอนไม่หลับ ฉันเดินไปที่ระเบียงห้องค่อยๆเปิดประตูเบาๆแล้วจึงเดินออกไปเพื่อไม่ทำให้อีกคนตื่น
ลมยามค่ำคืนลอยมากระทบกับใบหน้า แสงสีต่างๆในยามค่ำคืนมองไปแล้วก็สวยไปอีกแบบ แต่มันกลับรู้สึกว่าไม่ใช่ ฉันชอบบรรยากาศแบบบ้านนอกมากกว่า ไม่ต้องวุ่นวาย ไม่ต้องคอยกังวลถึงภัยอันตรายรอบตัว
“ชีวิตยัยบาร์บี้คนนี้จะมีเรื่องตื่นเต้นอะไรเกิดขึ้นอีกนะ”
ผมเดินลงมาชั้นล่างของบ้านก็พบกับผู้หญิงที่แม้หน้ายังไม่อยากจะมอง ตอนนี้เธอกำลังนั่งยิ้มหน้าระรื่นคุยหยอกล้อกับพ่อของผม มีเพียงแม่ผมเท่านั้นที่ไม่เห็นด้วยกับงานแต่งครั้งนี้ และท่านคงเห็นอะไรบางอย่างในตัวผู้หญิงที่ชื่อบาร์บี้ไม่ต่างกับผม
“มาแล้วก็นั่งลง”
“อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ คงไม่พ้นเรื่องสำคัญสินะ”
“แต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้ว ว่างก็พาเมียแกไปเที่ยวบ้าง” ตั๋วฮันนิมูนต่างประเทศถูกยื่นมาให้ผม
“ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปก็ได้นะตาเคน เด็กบ้านนอกแบบนั้นคงไม่เหมาะที่จะไปต่างประเทศ อย่างมากก็สวนสาธารณะ” ฉันเม้มปากแน่นเผลอบีบมือตัวเองหลังจากรู้ถึงคำดูถูก ทำไมคนรวยอย่างพวกเขาถึงมองคนบ้านนอกแบบนั้นกันนะ
“ทำไมพูดจาไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้ใหญ่เลยล่ะคุณ หนูบาร์บี้ถึงจะเป็นคนต่างจังหวัดแต่เขาก็มีจิตใจที่ดีงาม”
“ผู้หญิงที่ดีเข้าไม่มีทางแต่งงานเพราะเงินหรอกค่ะ หนูอลิซยังเหมาะสมกับลูกชายของเรามากกว่า”
“คุณหญิงพูดถูกค่ะ คนจบแค่ปริญญาตรีอย่างบาร์คงไม่เหมาะไปเที่ยวต่างประเทศหรอกค่ะ แค่ได้ไปเที่ยวงานวัดก็ถือว่าบุญแล้ว”
“เห็นไหมคะคุณ เด็กนี่ใช่ย่อยซ่ะที่ไหน ชอบพูดประชดประชันไม่มีมารยาท”
“เฮ้อ เอาเป็นว่าเรื่องฮันนิมูนก็ลองกลับไปคิดดูก็แล้วกัน ฉันกลับก่อนนะหนู” ท่านทั้งสองเดินออกจากบ้านจนลับสายตาก่อนที่เสียงเคลื่อนเก้าอี้ข้างๆจะดังเป็นเวลาต่อมา
“เห็นแก่คนที่ยอมให้เธอปั่นหัวเล่นอยู่ตอนนี้ ฉันจะพาเธอไปเปิดหูเปิดตาที่ต่างประเทศก็แล้วกัน เธอควรจะดีใจนะที่ฉันยอมสละเวลาพาไป”
“ขอบคุณในความกรุณาเป็นอย่างสูงค่ะที่ยอมพาเด็กบ้านนอกอย่างฉันไปเที่ยวต่างประเทศ” ฉันจะทนกับคำดูถูกของแม่ลูกคู่นี้ได้นานแค่ไหนกันนะ
ผู้คนพลุกพล่านเต็มไปหมด ฉันเดินออกไปหน้าสำนักงานใหญ่ไม่นานก็มีรถไปรษณีย์ขับมาจอดอยู่ตรงหน้า
“ฺบีหกศูนย์” ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับคนตรงหน้า “บีหกศูนย์ศูนย์” อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะส่งเอกสารมาให้ฉัน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พอได้เอกสารก็จัดการฉีกซองนั้นออกพร้อมกับเอาซองใหม่มาใส่แทนแล้วจึงเก็บใส่กระเป๋าตัวเอง
“ยับบาร์”
“ทำไมชอบมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเนี่ย”
“แหม๋ ขวัญอ่อนเหลือเกินนะ พอดีเห็นยืนทำลับๆล่อๆกับไปรษณีย์ก็นึกว่าแกกำลังจีบหนุ่มไปรษณีย์อยู่นะสิ แล้วตกลงแกจีบเขาหรอ”
“แกจะบ้าหรอ เขาแค่ถามชื่อคนรับพัสดุป่ะ แล้วนี่ไม่มีงานให้ทำหรือไงถึงได้มาเดินเอ้อระเหยลอยลมได้”
ลิเดียร์เธอเป็นเพื่อนร่วมงานของฉันและก็เป็นเพื่อนที่สนิทกันตั้งแต่เรียนมัธยม ลิเดียร์มันเป็นคนขี้แกล้งแบบนี้แหละ แต่ไม่มีพิษมีภัยอะไรหรอก พวกเราทำงานคนละสาย ฉันทำงานเกี่ยวกับข่าวอาชญากรรมส่วนลิเดียร์จะเกี่ยวกับสายบรรเทิง
“พอดีช่วงนี้ข่าวลือเรื่องลูกชายเจ้าสัวหม่ากำลังเป็นที่นิยมมาก ฉันไม่รู้จะเริ่มหาข่าวนี้ยังไงก็เลยออกมาเดินชมนกชมไม้เผื่อจะคิดอะไรออก”
“นายนั่นมีอะไรน่าสนใจ”
“เฮ้อ เจ้าแม่สายบู๊อย่างแกจะไปรู้อะไร คุณเคนตะเขาทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมเป็นนักแสดงอิสระและตอนนี้ก็กำลังขึ้นแท่นเป็นประธานคนใหม่ของบริษัทย์ยักษ์ใหญ่ ไม่แปลกที่จะมีข่าวลือว่าเขาแต่งงานแล้วทุกคนต้องการที่จะได้เห็นหน้าผู้หญิงของเขา” นี่มันงานช้างชัดๆโชคดีที่เขาไม่ต้องการเผยตัวเจ้าสาว ไม่งั้นชีวิตฉันไม่สงบสุขแน่ เพราะงานแต่งจัดขึ้นแค่ภายในครอบครัวเท่านั้น
“ยัยบาร์”
“.....” ต่อจากนี้ไปเวลาเข้าออกบ้านต้องระวังตัวซินะ
“ยัยบาร์”
“ห้ะ ว่าไง”
“แกเหม่ออะไรของแก ทำงานหนักเกินไปแน่ๆ หัดพักผ่อนบ้างนะ หน้าที่นักข่าวก็แค่หาข่าวมาเสนอให้ประชาชนได้รับรู้ ไม่ได้มีหน้าที่ตามจับตัวคนร้ายซึ่งแกไม่ใช่ตำรวจ”
“แล้วถ้าใช่ล่ะ”
“ว่าไงนะ” เหมือนลิเดียร์จะตกใจกับคำพูดของฉันไม่น้อย
“ฮาฮา นี่แกเชื่อฉันหรอ ฉันจะไปเป็นตำรวจได้ไงในเมื่อฉันกับแกก็จบคณะเดียวกัน”
“ใครจะไปรู้ล่ะ แกอาจจะแอบหนีไปเรียนตอนที่หายไปตั้งสองปีตอนนั้นก็เป็นได้”
“แกก็คิดจริงจังไปป่ะ ฉันพูดเล่นเฉยๆหน่า”
"ข้อหาที่ทำให้ฉันตกใจ เพื่อเป็นการไถ่โทษแกต้องเลี้ยงข้าวฉัน"
"วนมาที่ของกินจนได้เลยนะ"
โปรดติดตามตอนต่อไป..............