บทที่ 4 เจ้าช่อมาลี - 100%

1796 Words
“คุณช่อ เลิกงานคุณแล้วจะไปไหนต่อรึเปล่า ไปกินมื้อเย็นกับผมหน่อยสิ” พชรถอดเสื้อสูทเอามาพาดไว้กับท่อนแขน ปลดเนกไทออกจากคอ จากนั้นก็ปลดกระดุมเม็ดบนออกสองเม็ดขณะหันไปพูดกับหญิงสาวที่เดินข้างกายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หากแต่ภายในใจนั้นกลับลุ้นอยู่ว่าเธอจะตอบรับหรือปฏิเสธ “เย็นนี้คงจะไม่ได้ค่ะท่านประธาน ดิฉันต้องกลับบ้านแม่น่ะค่ะ” ช่อมาลีหันมายิ้มแกน ๆ ให้เขา พชรจับความรู้สึกไม่สบายใจได้ในน้ำเสียงจึงไม่อยากตอแยคาดคั้นอะไรให้มากความ เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่ควรก้าวก่าย “งั้นหรือ...อืม ไม่เป็นไร วันหน้ายังมี เดินทางปลอดภัยนะ” “ไม่ได้ไกลอะไรหรอกค่ะท่านประธาน แค่ปทุมธานีนี่เอง นั่งรถตู้ไปแค่สองชั่วโมงก็ถึงแล้วค่ะ ถ้ารถไม่ติด” ช่อมาลีหันไปพูดกับเขา พชรจึงพยักหน้าขึ้นลงเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะพูดลาหญิงสาว “ถ้างั้นก็เจอกันพรุ่งนี้ครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ก่อนเดินออกจากลิฟต์เมื่อถึงลานจอดรถที่ตนเองต้องลง ช่อมาลีจึงยกมือขึ้นไหว้ เธอมองตามแผ่นหลังกว้างในเสื้อเชิ้ตสีเข้มที่เดินห่างออกไปด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ช่อมาลีกลับไปห้องพักก่อนเพื่อเปลี่ยนชุด และจัดเสื้อผ้าสำหรับใส่มาทำงานในวันรุ่งขึ้น เพราะอย่างไรเสียคืนนี้ก็ต้องนอนค้างบ้านแม่อยู่แล้ว กว่าจะจัดการเรื่องของน้องชายตัวดีเสร็จคงดึกแน่นอน เวลาอย่างนั้นคงไม่มีรถตู้เข้ามาในเมืองอีก แค่คิดเรื่องของน้องชายก็ให้รู้สึกหนักใจเมื่อนึกถึงยอดเงินคงเหลือในบัญชี ไม่รู้ว่างานนี้เธอต้องเสียเงินอีกเท่าไร หญิงสาวมาถึงสถานีตำรวจในเวลาเกือบสามทุ่ม เธอเดินเข้าไปข้างในทันทีที่ลงจากรถตู้ แล้วตรงไปยังส่วนที่เป็นห้องขังของผู้ต้องหา เห็นร่างผอมบางของมารดานั่งตาแดงก่ำอยู่บนเก้าอี้ไม่ไกลจากห้องขังจึงรีบไปทรุดตัวลงนั่งใกล้ ๆ “แม่!” ช่อฟ้าหันมาตามเสียงเรียก ทันทีที่เห็นหน้าบุตรสาวคนโต น้ำตาก็หยดแหมะร่วงพรูลงมาอีกคำรบ “มาลี...ช่วยน้องมันด้วยนะลูก ช่วยเขตมันด้วย” เห็นคนเป็นแม่ร่ำไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดแล้วก็ให้สะท้อนในอก กี่ครั้งกี่คราวแล้วที่แม่ต้องเป็นอย่างนี้เพราะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว ที่ขยันหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ไม่เว้นแต่ละวัน แต่ละครั้งเธอต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากเพื่อประกันตัวเขตไท น้องชายตัวดีให้ออกมาจากห้องขัง “คราวนี้มันไปทำอะไรอีกล่ะแม่” ช่อมาลีพยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้เกรี้ยวกราดตอนพูดกับมารดา หากแต่คนฟังก็ยังรู้สึกได้ ช่อฟ้าเข้าใจดีว่าบุตรสาวต้องเหน็ดเหนื่อยกับการหาเงินมากแค่ไหน และก็ต้องมาหมดไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องของบุตรชายคนเล็ก แต่หล่อนเป็นแม่ จะให้นิ่งดูดายนั่งมองบุตรชายติดคุกติดตะรางก็ทำไม่ได้เช่นกัน “อ้าว...มาลี” ยังไม่ทันที่มารดาจะตอบ เสียงทุ้มคุ้นหูของใครคนหนึ่งก็เรียกช่อมาลีจากด้านหลัง ทำให้หญิงสาวต้องหันกลับไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงส่งยิ้มให้แกน ๆ “พี่โจ้” ช่อมาลีลุกขึ้นยืน เป็นเวลาเดียวกับที่ร่างสูงใหญ่ของร้อยตำรวจเอกชินกฤตเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าของหญิงในดวงใจ “เป็นยังไงบ้าง หายหน้าหายตาไปเลย แล้วนี่มาประกันตัวน้องชายหรือ” ผู้กองหนุ่มหันไปมองมารดาของหญิงสาว แล้วก็ต้องลอบถอนหายใจเล็กน้อย เขาพยักหน้าให้ช่อมาลีเดินตามเข้าไปคุยในห้องทำงาน “เดี๋ยวหนูมานะแม่” หญิงสาวหันไปบอกมารดา ก่อนจะก้าวเท้าตามผู้กองหนุ่มไป เมื่อเข้าไปในห้อง ชินกฤตก็ผายมือเชิญให้เธอนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา “คราวนี้เขตมันเจอคดีอะไรอีกคะพี่โจ้” ช่อมาลียิงคำถามกับชายหนุ่มทันที ผู้กองชินกฤตระบายลมหายใจออกมาอย่างลำบากใจกับการที่จะต้องบอกปัญหาเกี่ยวกับน้องชายของเธอ “อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับพวกเสพยาน่ะ คราวนี้โดนจับคาของกลางเลย แต่ตรวจปัสสาวะแล้วไม่เจอสีม่วงนะ” ผู้กองหนุ่มตอบพร้อมกับจ้องใบหน้าเล็ก ๆ ของช่อมาลีด้วยความเห็นใจ ยิ่งเห็นมือทั้งสองข้างของหญิงสาวยกขึ้นมากุมศีรษะ เท้าศอกไว้กับโต๊ะแล้วหลับตานิ่ง เขาก็รู้แล้วว่าเธอเครียดแค่ไหน “ประกันตัวเท่าไรคะพี่โจ้” ช่อมาลีรู้สึกโล่งอกที่น้องชายยังไม่ได้เสพยา พลางถามเขาทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ภาวนาให้ไม่เกินวงเงินที่เธอมีในตอนนี้ เพราะถ้าหากเกินกว่านี้ ไม่แคล้วต้องโทร. ไปขอหยิบยืมจากเพื่อนในวงอีกตามเคย “หนึ่งหมื่น ถ้ามาลียังไม่มีเอาเงินพี่ก่อนก็ได้นะ” ชายหนุ่มอาสาช่วยอย่างเต็มใจ เขาเห็นใจช่อมาลี เพราะเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา หญิงสาวก็เพิ่งมาจ่ายค่าปรับให้น้องชายอย่างเขตไทในคดีแข่งรถจักรยานยนต์บนถนน “ขอบคุณมากเลยนะคะพี่โจ้ แต่ถ้าหมื่นเดียวมาลียังพอมีเงินเก็บอยู่บ้างค่ะ อีกอย่างมาลีไม่อยากรบกวนพี่โจ้ด้วย เกรงใจ” หญิงสาวรู้สึกซาบซึ้งกับน้ำใจที่เขามอบให้ ตั้งแต่บิดาเสียไปในหน้าที่เมื่อตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย ก็มีแต่ผู้กองหนุ่มคนนี้ที่คอยช่วยเหลืออะไรหลาย ๆ อย่าง “พี่ล้อเล่น! เจ้าเขตมันไม่ได้เสพ พี่จะไปเอาผิดอะไรมันได้เล่า ที่ขังเอาไว้นี่ก็แค่จะดัดสันดานเฉย ๆ จะเกรงใจพี่ทำไม มาลีก็รู้ว่าทุกอย่างที่พี่ทำให้ พี่ยินดี และเต็มใจทุกครั้ง” เขาเอื้อมไปกุมมือหญิงสาวเอาไว้ ตาคมดุมองสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่งามภายใต้แว่นสายตาที่เธอใส่อยู่ เมื่อตอนที่เขาเพิ่งรับตำแหน่งเป็นตำรวจใหม่ ๆ บิดาของช่อมาลีเป็นผู้บังคับบัญชาที่เขาให้ความเคารพนับถือคนหนึ่ง ครั้นเมื่อบิดาของเธอเสียชีวิตลงเพราะถูกยิง เขาก็รู้สึกสงสารและเห็นใจครอบครัวนี้มาก ตอนนั้นช่อมาลีเป็นแค่เด็กมัธยมปลายธรรมดา ที่เขาให้ความเอ็นดูเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น ทว่าพอหญิงสาวเริ่มโตขึ้น ความสวยผุดผาด ความดี และความเป็นคนสู้ชีวิตของเธอ จึงทำให้ความรู้สึกของเขาค่อย ๆ แปรเปลี่ยนจากรักแบบน้องสาวมาเป็นรักในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักผู้หญิงสักคนได้ และเขาก็เชื่อว่าหญิงสาวตรงหน้าเขานี้ก็รู้ดีว่าเขาคิดกับเธออย่างไร ช่อมาลีหลุบตาลงเพื่อหลบเลี่ยงสายตาคมกริบคู่นั้น ผู้กองชินกฤตจัดว่าเป็นผู้ชายที่ดีและเพียบพร้อมคนหนึ่ง เธอเองก็ไม่ได้รังเกียจเขา แต่เพราะในเวลาอย่างนี้ เธอไม่มีกะจิตกะใจจะไปนึกถึงเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อะไรทั้งสิ้น น้องชายก็ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย เธอกับมารดายังต้องคอยตามล้างตามเช็ดให้อยู่ทุกวี่วัน แล้วจะให้เธอตัดช่องน้อยแต่พอตัวหนีไปมีครอบครัวได้อย่างไร ตราบใดที่เขตไทยังไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้มารดาได้ “ยังไงก็เกรงใจอยู่ดีค่ะ แค่นี้ก็รบกวนพี่โจ้จะแย่อยู่แล้ว” หญิงสาวก้มหน้าก้มตาพูด พลางค่อย ๆ ถอนมือออกจากการเกาะกุม ผู้กองหนุ่มเองก็พอจะเข้าใจจึงชักมือกลับ ก่อนจะคุยถึงเรื่องของเขตไทต่อ “มาลีไม่ต้องห่วงเรื่องเจ้าเขตมันหรอกนะ พี่คอยดูแลให้อยู่ ยังไงเสียเขตไทมันก็เหมือนน้องชายพี่คนหนึ่ง บางครั้งพี่อาจทำรุนแรงกับมันไปบ้าง มาลีก็อย่าโกรธพี่นะ พี่ทำเพราะพี่หวังดีจริง ๆ” “จัดการได้เต็มที่เลยค่ะพี่โจ้ ถ้าคิดว่ามันเป็นน้องนุ่งคนหนึ่งแล้วละก็พี่ไม่ต้องเกรงใจมาลีกับแม่เลย” ช่อมาลีรู้สึกซาบซึ้งกับน้ำใจที่เขามีให้สม่ำเสมอ ก่อนจะพึมพำขอบคุณชายหนุ่มเบา ๆ ที่เป็นธุระจัดการเรื่องให้ หญิงสาวเดินออกจากห้องของผู้กองชินกฤตด้วยท่าทางเหม่อลอย ในหัวครุ่นคิดไปถึงสาเหตุของความเหลวแหลกของน้องชายเพียงคนเดียวว่าเกิดจากอะไรแต่ก็นึกไม่ออก เพราะครอบครัวของเธอก็ไม่ใช่ครอบครัวที่มีปัญหา แค่ขาดพ่อ แต่แม่ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ทำหน้าที่ที่เป็นทั้งพ่อและแม่ได้ดีเสมอมาไม่มีขาดตกบกพร่อง ออกจะตามใจมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ หรือเพราะการเป็นเด็กช่างกล จึงต้องมีเรื่องพวกนี้เข้ามาข้องเกี่ยว รถ ยา ผู้หญิง ตีรันฟันแทง มันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่เด็กนักเรียนช่างกลทุกคนควรจะต้องทำหรืออย่างไรกัน ร่างผอมเก้งก้างของเขตไทเดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมา เด็กหนุ่มไม่กล้าสบตาผู้เป็นพี่สาวนักเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงโกรธมาก แต่จะให้ทำอย่างไรได้ เขาพยายามวิ่งหนีแล้วแต่มันหนีไม่ทัน และเขาก็โดนจับไปแล้วด้วย “กลับไปคุยกันที่บ้าน” ช่อมาลีพูดเสียงกดต่ำกับน้องชายอย่างคนที่พยายามระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านไม่ให้ระเบิดอารมณ์ใส่น้องชายต่อหน้าคนอื่น เธอหันไปร่ำลาผู้กองชินกฤตที่ยืนส่งสายตาอาวรณ์มาให้ เพราะเขาขันอาสาขับรถไปส่งที่บ้าน แต่หญิงสาวปฎิเสธเพราะเกรงใจ และเห็นว่าเขายังไม่ออกเวร “มาลีกลับก่อนนะคะพี่โจ้” ชายหนุ่มพยักหน้าส่งยิ้มให้ มองตามร่างระหงที่เดินนำหน้าน้องชายกับมารดาออกไปจากโรงพักด้วยความรู้สึกของคนที่อยากปกป้อง และอยากร่วมรับผิดชอบในชีวิตของเธอ แต่เขาก็ไม่รู้จะหาทางเข้าถึงจิตใจของช่อมาลีได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้ชีวิตของเธอมีแต่คำว่างาน เงิน และครอบครัวเท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD