“กลัวคนอื่นไม่รู้หรอคะว่าไม่รักเมียตัวเองแค่ไหนถึงกล้าไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนอื่นอย่างเปิดเผยขนาดนี้!” น้ำเสียงประชดประชันของอัญญาดังขึ้นต่อว่าสามีของตัวเองทันทีเมื่อเธอรู้มาวันนี้สามีของเธอได้ไปรับไปส่งผู้หญิงคนอื่นท่ามกลางผู้คนมากมายอย่างไม่เกรงกลัวอะไร
“ถ้าเธอมีความสุขกับการเรียกตัวเองว่าเมียขนาดนั้นฉันก็จะสงเคราะห์ให้ แต่จำใส่หัวเธอไว้อย่างหนึ่งนะอัญญา ว่าผู้หญิงคนเดียวที่ฉันรักคือเอมอร ไม่ใช่เธอ!” คำตอกย้ำที่ดังขึ้นบ่อยๆ ตั้งแต่แต่งงานกันมาปีกว่าๆ มันไม่เคยทำให้เธอชินเลยสักครั้ง หนำซ้ำมันยังทำให้เธอเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ เจ็บเจียนตายเลยก็ว่าได้
“แต่ให้รักแค่ไหนสุดท้ายก็เป็นได้แค่ชู้ ชอบแบบนั้นหรอคะ” แต่ต่อให้เจ็บแค่ไหนเธอก็ยังคงทำตัวเหมือนเก่งสู้รบกับเขาต่ออย่างไม่หยุดยั้ง
“เข้าใจผิดแล้วอัญญา งานแต่งที่เกิดขึ้นเพียงเพราะต้องการกอบกู้ภาพลักษณ์ฉันนับเป็นแค่ธุรกิจอย่างหนึ่ง เพราะงั้นเอมอรไม่ใช่ชู้สำหรับฉันแน่นอน” ความเย้ยหยันและความเหนือกว่าเอ่ยออกมา
และที่เขาเหนือกว่าเธอมันก็คงไม่พ้นเพราะเธอรักเขา แต่เขาไม่ได้รักเธอ
“ถ้าพี่รัญคิดแบบนั้นแล้วสบายใจเชิญเลยค่ะ แต่ทำอะไรระวังตัวหน่อยก็ดีนะคะ เพราะถ้าเกิดอัญทนไม่ไหวจนเกิดฟ้องร้องขึ้นมา นอกจากตัวพี่รัญแล้วผู้หญิงที่พี่รัญรักจะถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นเมียน้อยได้” คำพูดที่ดูเหมือนจะได้ใจ เหมือนจะเหนือกว่า แต่ใครจะไปรู้ว่าหัวใจมันกำลังบอบช้ำแค่ไหน บอบช้ำจากการตอกย้ำตัวเองว่าเขานั้นรักผู้หญิงคนนั้นไม่เปลี่ยนไปเลยแม้ว่าจะแต่งงานกับเธอมาเป็นปีแล้ว แต่เธอกลับไม่เคยแทนที่ในใจใครได้เลย
ตัวอยู่ใกล้ แล้วใจเขาอยู่ไหนกัน
“อย่าคิดสร้างปัญหาโง่ๆ ให้ฉันอีก เพราะถ้ามีอีกฉันบอกไว้ตรงนี้เลยว่าฉันไม่เอาเธอไว้แน่!” เสียงเยือกเย็นดังขึ้นพร้อมสายตาดุดันของอรัญที่จ้องมองไปยังภรรยาของตัวเองตรงหน้า แต่กลับเป็นสายตาที่ใช้มองศัตรูมากกว่า
หลังจากร่างสูงเดินขึ้นชั้นสองของบ้านไปน้ำตาใสๆ ก็ไหลออกมาอย่างกลั้นต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ไหลออกมาเพียงคนเดียวไม่ให้ใครเห็นมัน
การแต่งงานที่ผ่านมาได้หนึ่งปีกับอีกสี่เดือนของเธอกับอรัญมันไม่ต่างจากธุรกิจอย่างที่เขาพูดเลยสักนิด เพราะการแต่งงานครั้งนี้มันเกิดขึ้นเพียงเพราะทุกคนต้องการกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองที่เสียหายไปในงานวันเกิดครั้งนั้น งานวันเกิดของคุณอมราที่อรัญขอเอมอรแต่งงานพร้อมกับเธอที่ประกาศให้ทุกคนรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับอรัญ...สิ่งที่เธอแต่งเรื่องขึ้นมา
เธอยอมรับว่าการกระทำนั้นเป็นการกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเธอ แต่ใครจะไปรู้ว่าการที่เห็นผู้ชายที่ตัวเองแอบรักมานานนับสิบปีกำลังขอผู้หญิงอื่นแต่งงานต่อหน้า ตอนนั้นเธอกลัวแค่ไหน ถ้าเกิดเธอไม่ทำอะไรเลยแล้วเอมอรตกลงแต่งงานกับอรัญขึ้นมา เมื่อทั้งสองได้แต่งงานกันจริงๆ นั่นก็หมายความว่าชีวิตของเธอหมดสิทธิ์แล้วที่จะได้ครอบครองอรัญ
เพราะแบบนั้น ความสิ้นคิด ความกดดัน เวลาที่เหลือน้อยนิด สุดท้ายมันทำให้เธอตัดสินใจทำในสิ่งที่หน้าอับอายและขายหน้าที่สุดของตัวเองโดยการประจานตัวเองว่าถูกผู้ชายล่วงเกินเพียงเพื่อรักษาเขาไว้ และผลที่เธอได้รับจากการกระทำครั้งนั้นมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือการได้แต่งงานกับอรัญอย่างที่ใจหวัง ได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา
ส่วนข้อเสียนั้น นอกจากเธอจะไม่ได้รับความรักจากเขาแล้ว เธอยังได้รับความเกลียดชังจากเขาแทน ความเกลียดชังที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจทำแบบนั้นจนถึงทุกวันนี้ และที่น่าเจ็บปวดที่สุดก็คงจะเป็นหัวใจของเขา หัวใจที่ไม่เคยตัดผู้หญิงที่เขารักออกจากใจไปได้เลย
“ในเมื่อเลือกทางนี้แล้ว แกก็ต้องยอมรับความจริงที่จะต้องเจออัญญา”
หลังจากอัญญาปลดปล่อยน้ำตาของตัวเองจนพอใจเธอก็เช็ดหน้าเช็ดตาของตัวเองและเข้าไปเอาของว่างจัดใส่ถาดขึ้นไปให้ผู้เป็นสามีที่ห้องนอนของเขา ใช่ เธอถูกเขาไล่ออกไปนอนห้องอื่น และถ้าเธอไม่ยอมทางเดียวก็คือออกไปอยู่ที่อื่น เพราะแบบนั้นทำให้เธอกับอรัญเป็นสามีที่ถูกต้องถามกฎหมายแต่เป็นสามีภรรยาที่แยกห้องกันนอนตั้งแต่วันแรกจนวันนี้
แกร็ก ประตูห้องนอนของอรัญถูกเปิดออกโดยไร้การเคาะจากอัญญาก่อนเธอจะถือผลไม้และน้ำผลไม้ไปวางไว้ที่ชั้นข้างหัวเตียง ร่างบางเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดลำลองออกจากตู้เพื่อเตรียมให้อรัญอย่างทุกครั้ง แม้หลายครั้งเธอจะเถียงเขาคำไม่ตกฟาก ประชดประชันเขาอย่างไม่ยอมแพ้ แต่เรื่องหน้าที่ภรรยาเธอไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยสักครั้ง
แกร็ก ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างสูงของอรัญที่พันผ้าขนหนูผืนเดียวเดินออกจากห้องน้ำด้วยผมที่เปียกจากการสระ เท้ายาวชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นอัญญาแต่มันไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเลยสักนิดเพราะเธอมักจะทำแบบนี้ตลอด
แต่ต่อให้เธอทำแบบนี้ตลอดเธอก็ถูกมองเข้ามอยู่เสมอ เสื้อผ้าที่ถูกเธอเตรียมไว้ให้ถูกดึงออกจากไม้แขวนก่อนจะโยนลงตะกร้าผ้าใช้แล้วพร้อมกับตู้เสื้อผ้าที่ถูกเปิดออกและหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาสวมใส่มันเอง