Don't call me Baby!! Chapter 4

3782 Words
แหมนะ ถ้ากูมีตัวเลือกนี่ กูจะไม่ยอมเสวนาด้วยหรอกนะไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ ด่ากูอยู่ได้ เป็นไรมากป่ะเนี่ย มีปมด้อยอะไรในใจแน่ๆเลย อยากนั่งตายล่ะ รถโกโรโกโสแบบนี้น่ะ เบาะจะติดก้นกูมาป่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่ามีเชื้อรา แว้กก จะดีต่อสุขภาพก้นไหมเนี่ย อึ๋ยๆๆ น่ากลัวน่าเกลียดที่สุด             “ไม่ต้องกอดเอวกูนะ” เอ่อ มันบอกครับ หลังจากที่ผมปีนขึ้นไปนั่งบนรถแสนจะเก่าแก่ รุ่นสงครามโลกเวียดนามคันนี้ แหมนะอยากกอดมาก อ๊วก ฝันไปเถอะ ต่อให้เหลือผู้ชายคนเดียวในโลกเป็นมึง กูก็คงต้องเอา แว้กก ยังไง โอ๊ย อย่าสงสัยมากได้ไหม ก็ว่าไปแล้วมันก็หล่อนะ แต่ชอบไหม ไม่เลย แต่ถ้าให้เหลือมันคนเดียวน่ะ หลับตาลงก็คงเหมือนๆกันนั่นล่ะนะ ผู้ชายอ่ะ อิอิ             “เฮ้ย” เชี่ยแล้วไหมล่ะครับ พอมันออกตัวก็ล้อฟรีทันที ไอ้เชี่ยนี่มันแกล้งผมชัดๆ             “อ้าว กูบอกไม่ให้กอดนะ กอดกูไมวะ อยากโดนถีบลงรถเหรอ” มันตวาดครับ             “ก็ออกตัวแรงอ่ะ เรากลัวตก” ผมตอบออกไป แหมนะ ไอ้เวรเอ้ย นิสัยแย่สุดๆ เมื่อไหร่จะถึงบ้านเนี่ย บ้านอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ รู้แต่อยู่แถวจวนผู้ว่า มีต้นมะยมหลังบ้าน แล้วซอยอะไร เอ่อ จำไม่ได้นิ             “อย่านะมึง แล้วที่กูสงเคราะห์มาส่งเนี่ย ไม่ได้มาส่งฟรีๆนะเว้ย” นั่นไงครับ ผมว่าแล้วเชียว ช่างมันเถอะมันอยากได้อะไรก็ช่างมัน แต่พริงเกิ้ลซื้อมาแค่หกกระป๋องเองนะ แบ่งให้มันสักกระป๋องก็คงไม่เป็นไร แต่มีแต่รสที่ชอบทั้งนั้นเลยอ่ะ แว้กก เสียดายจัง             “ทำไมเงียบ ไม่มีปากเหรอ” อ้าว ดูมันครับ             “หือ” “กูถามน่ะทำไมไม่ตอบ” ถาม? มึงถามกูตอนไหนวะ เห็นมีแต่ด่ากู ตะเบ็งเสียงแว้ดๆอยู่ บ้าป่ะเนี่ยมึง จิตไม่ปกติหรือเปล่าเนี่ย             “ถามว่า” ผมตะโกนออกไปครับ เพราะลมเริ่มแรง เอ๊ะทำไมมันครึ้มๆ เหมือนฝนจะตก             “เชี่ยเอ้ย ฝนตก” เอ่อ ผมไม่ได้เรียกมันมานะ แค่คิดมันดันตกลงมาจริงๆ             “ฝนตกๆ” “เออ กูไม่ได้ตาบอด” เอ่อ นี่จะให้กูพูดบ้างโดยที่ไมด่ากูได้ไหมเนี่ย เงียบก็ด่าไอ้บ้าเอ้ย มันพาผมขับรถเข้าไปในป่า แว้กก ในป่า ไม่เอาๆ มันจะฆ่าผมหรือเปล่าเนี่ย ยังไม่อยากตายนะเว้ย ไม่เอาๆ ร้องดีไหม ร้องขอความช่วยเหลือ             “เฮ้ย” โหย มันขับรถเข้าไปในศาลาครับผมนี่กระเด้งเกือบตกรถ             “ลงสิมึง จะนั่งอีกนานไหม หลบฝนก่อน เพราะมึงคนเดียวแท้ๆ แม่งซวยฉิบหาย แม่กูด่าตายแน่ๆ” เอ่อ ขอบคุณนะ ที่มอบทุกอย่างให้กู กูไม่ซวยว่างั้นที่เจอมึง แหมนะ เข้าใจพูดนะไอ้ควาย ขอด่าหน่อยเถอะ ผมก้าวลงจากรถ เอาของวางบนที่นั่ง แล้วมองไปรอบๆ มันมืดแล้วอ่ะ ที่ไหนวะเนี่ย เอ๊ะ อะไรแว้บๆ อยู่ตรงนั้น แว้กก หรือว่าจะเป็นผี             “เฮ้ย มาเบียดกูทำไมวะ สัด” ผมกระเด้งตัวเข้าหามันครับ             “อะไรอ่ะ นั่นน่ะ” ผมบุ้ยปากไปทางที่ผมเห็น ลึกเข้าไปในป่าอีกล่ะครับแล้วจะสั่นทำไมเนี่ยกู             “พระไง มึงไม่เคยเห็นพระหรือไง พระมิ่งมงคล” อ้อ พระ ถอยออกจากมันทันทีสิครับ ผมยกมือขึ้นไหว้ทันที ใจหายหมดหลวงพ่อนะหลวงพ่อ ทำไมองค์ใหญ่จังลูกตกใจนะเนี่ย อิอิ             “อะไรมึง คิดว่าผีหรือไง ไอ้ห่า ฮ่าๆ หน้าซีดเลยวะ ป๊อดเอ้ย ใจตุ๊ดสัดๆ” เออ หัวเราะได้หัวเราะไป อย่ามากลัวอะไรให้กูเห็นอีกล่ะ ไอ้นี่เดี๋ยวแม่งจะล้อสามปีสี่ปีเลย             “แม่งท่าทางตกหนัก หยุดซะทีเว้ย” “เปรี้ยง” “แว้กก” ไอ้เชี่ยนี่ แหกปากเพื่อ ผมกระโจนเข้าหามันทันทีครับ             “นั่นๆ กอดกูอีกแล้ว แรดนะมึงน่ะ” จิ๊ โอ๊ยย กูอยากกอดมึงมากๆ โว้ยยนะ กอดเสาก็ได้วะ มันหัวเราะชอบใจครับ แต่ผมกลัวนี่หว่า ใครไม่มาตกอยู่ในสถานการณ์แบบผม คงไม่มีวันเข้าใจหรอกนะ ฮึ งอน             “เออ พอดีเลย ระหว่างรอฝนหยุดมาให้กูต่อยเล่นดิ๊” หือ ผมทำท่าเป็นไม่ได้ยินครับ เมินหน้าไปเสียทางอื่น             “มาเร็วดิ จะได้หายกัน” มันพยักหน้าให้ผมเข้าไปหาครับ เรื่องอะไรล่ะกอดเสาไว้ดีกว่า             “ทำไม นายไม่ชอบหน้าเราขนาดนั้นเลยเหรอ เราไปทำอะไรให้นายอ่ะ” ผมคาใจครับ ไม่เข้าใจเลย คนไม่ชอบหน้ากันนี่มันมากมายขนาดนี้เลยเหรอ             “เออดิ กูไม่ชอบหน้ามึง มึงหน้ากวนตีน ทำหน้ามึนใส่กู ไม่รู้เว้ยเห็นหน้ามึงแล้วกูคันตีน”             “อืม แล้วต่อยแล้วมันจะหายคันไหมล่ะ” ผมถามออกไป คำถามที่แสนจะฉลาดผมคิดว่านะ ใครจะว่าตัวเองโง่ เฮอะฝันไปเถอะ แม้จะคิดน้อยไปหน่อยก็ตามทีเถอะ อิอิ             “ไม่หาย ต้องให้กูต่อยทุกวัน” มันหัวเราะชอบใจครับ ผมนี่มันน่าหมั่นไส้ขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย             “ถ้านายเห็นเราเป็นที่ระบายอารมณ์ (หยุดถอนหายใจเพราะระอา อิอิ) ก็ต่อยเถอะ แต่ต่อยแต่เราได้ไหม อย่าไปต่อยคนอื่น สงสารเขา คนที่เขาโดนรังแก คงไม่มีใครชอบหรอก” ผมตอบออกไปหลังจากที่เงียบประมาณสี่นาทีสามสิบห้าวินาที อิอิ มันอึ้งเหมือนกันครับ เพราะเงียบไปผมจ้องหน้ามัน มันหน้าเหวอๆ             “สัด มึงเป็นบ้าป่ะเนี่ย หรือว่าชอบซาดิสต์ ถ้าให้กูต่อยแทนคนอื่นกูต่อยเยอะนะเว้ย วันนึงๆกูต่อยเป็นสิบ”             “จะต่อยจนตายก็ทำเถอะ ถ้ามันจะช่วยคนอื่นได้บ้าง” ปรบมือเดี๋ยวนี้ แว้กก ตอบเหมือนนางงามเลยอ่ะ ถ้าขึ้นประกวดนี่เอามงกุฎมาๆ อย่างเดียวเท่านั้น ปลื้มใจกับคำตอบของตัวเองจังเลย             “อ๊วก ถุย อย่ามาทำเป็นนางงามแถวนี้เว้ย มึงเป็นใครมาขอร้องกู กูจะต่อยมึงทุกวัน คนอื่นกูก็จะต่อย ฮ่าๆ ไอ้หน้าจืด ไอ้ตุ๊ด” เอ่อ เสือกรู้ทันกูอีก นี่ล่ะนะที่เขาบอก คนไม่มีสุนทรีย์ในจิตมันเป็นคนเลว คำกลอนเขามีว่าอะไรไม่รู้จำไม่ได้ เพิ่งเจอกับตัวไอ้เชี่ยนี่เอง             “เออ กูถามมึงหน่อยสิ ทำไมมึงไม่จีบหญิงวะ ท่าทางมึงก็ไม่เหมือนอีชาตินี่หว่า ทำไมมึงยอมให้เขาอัดตูดวะ มันเสียวเหรอ” ถามเชี่ยไรเนี่ย ความชอบส่วนบุคคลเว้ย ถ้ากูถามมึงกลับ ว่าทำไมมึงถึงชอบผู้หญิงล่ะมึงจะตอบกูได้ไหม อย่าๆ อย่าบอกว่าพระเจ้าสร้าง ในเมื่อพระเจ้าสร้างมึงให้ชอบผู้หญิง พระเจ้าก็สร้างกูให้ชอบผู้ชายเหมือนกันนั่นล่ะ ทีกูยังไม่อยากรู้เรื่องอะไรของมึงเลย แล้วนี่ มาถามอะไร ไร้มารยาท เลวทรามต่ำช้า สถุล แว้กก             “เสียว” อ้าวตอบมันทำไมเนี่ย แว้กกกู             “เสียวยังไง”             “ทำไมอยากรู้ นายอยากลองเหรอ” อย่าเข้าใจผิดว่าผมจะบอกว่าลองกับกูไหมนะครับ ไม่มีทาง ฝันไปเถอะ ที่คนอย่างมันจะเห็นเรือนร่างประหนึ่งเทวดาปั้นมาเนี่ยนะ อิอิ มีบ้างน่า อย่าหัวเราะ อย่าเบะปากขอร้อง เห็นแล้วเหรอพวกคุณน่ะ             “สัด ใครจะอยากลอง สกปรกจะตายรูขี้น่ะ อึ๋ย สกปรก”             “แล้วถามทำไม อยากคุยก็คุยเรื่องอื่น” ผมทำหน้ารำคาญมันเต็มที่ มันปรี่เข้าหาผมทันทีครับ             “สัด อยากตายอยู่นี่หรือไง กวนตีนกูนะมึง”             “บ้านเราอีกไกลไหม” ผมเปลี่ยนเรื่องเองครับ ผมยังคงไม่พอใจมันอยู่มากแต่พอเถอะ เหนื่อยที่จะต่อกร มันอึ้งไป             “มะ ไม่ไกล”             “ฝนหยุด นายไปส่งเราตรงถนนใหญ่ก็ได้ เดี๋ยวเราเรียกแท็กซี่กลับเอง” ผมเมินหน้าหนีไปทางอื่นครับ ไม่อยากมองหน้ามันแล้ว             “สัด นี่ไม่ใช่กรุงเทพฯนะเว้ย แท็กซี่บ้านมึงสิจะมีแถวนี้ หรือว่าจะเดินกลับเอง ปากดีนักนะมึง”             “อ่า ไม่อ่ะ นายไปส่งก็ได้” แหะๆ แหมนะ มาปากเก่งอะไรตอนนี้ เดี๋ยวได้เดินกลับสมใจอยาก บรรยากาศยิ่งน่ากลัวอยู่ด้วย             “สัด กูนึกว่าจะเก่ง”             “นายๆ” “อะไร เรียกพ่อไมลูก” หนอยแน่ เรียกหน่อยไม่ได้นะมึง คอยดู             “มีอะไรติดปากนายอ่ะ” ผมชี้ไปที่ปากมันครับ มันรีบเอามือปาดออกทันที             “ไรวะ ไม่เห็นมี มึงหลอกกูเหรอเชี่ย” มันทำท่าขึงขังใส่ผม             “มีสิ แต่มันไม่ได้ติดอยู่หรอกนะที่จริงอ่ะ มันฝังอยู่อ่ะ”             “ไรวะ พูดดีๆนะมึงไม่งั้นมึงตาย”             “สัดไง เชี่ยด้วย” “เชี่ย” หลบสิครับมันง้างเท้าขึ้นแล้ว             “นี่มึงด่ากูเหรอ มึงตาย” จะให้เล่าไหมว่าเกิดอะไรขึ้น อ๊ะๆ ย่าคิดไปไกลขนาดนั้น มันก็แค่ไล่เตะผมอ้อมศาลา ที่มีขนาดเล็กกระจิ๋วนั่นล่ะครับ ไล่จนเหนื่อย แต่มันเตะผมไปทีเดียวไม่แรงมาก พอทนๆ เป็นไงล่ะขอด่าหน่อยเถอะ คำก็สัด สองคำก็เชี่ยไม่ชอบเว้ย สรุปเลยละกันนะ ว่าพอฝนหยุดก็เกือบสามทุ่มครับ มันยอมมาส่งผมที่บ้านแต่โดยดี แต่รู้ไหมอากาศมันดีจริงๆนะ กลิ่นหอมแปลกๆ อากาศเย็นสบายมันเต็มไปด้วยความชุ่มฉ่ำ แสงไฟของรถบนถนน ที่สาดสะท้อนแผ่นน้ำที่เปียกปอนอยู่ตามถนนส่องประกาย สวยดีนะ             “อากาศดีใช่ไหมล่ะ ไม่เหมือนในกรุงเทพฯ” มันพูดขึ้นครับ ใครถามมึงเนี่ย เสียอารมณ์หมดคนกำลังดื่มด่ำ             “อืม” “ลงไปถึงแล้ว แม่ง แม่กูแพ่นกะบาลแน่ๆ” มันบ่นครับ อ้าวถึงบ้านแล้วเหรอเนี่ย พอผมก้าวลงจากรถ มันก็เลี้ยวรถมันกลับทันทีครับ             “นายเดี๋ยวก่อน” ผมร้องเรียกมันไว้ครับ             “อะไรอีก กูรีบนะเว้ย สัด” มันทำหน้ายักษ์ใส่ผมเหมือนเคยล่ะครับ เอ๊ะ ทำไมพูดว่าเหมือนเคย ไปเคยกันตอนไหนเนี่ยกู             “ขอบใจนะที่มาส่ง อ่ะนี่เราให้ ตอบแทนที่นายมาส่ง” ผมยื่นกระป๋องพริงเกิ้ลให้มันครับ             “สัด ให้หนมกูเนี่ยนะ ปัญญาอ่อนป่ะมึง” อ้าวนะไอ้นี่ ให้ไม่เอายังด่ากูอีก             “ไม่เอาเหรอ” ผมชักมือกลับ มันรีบมาคว้าไปจากมือผมครับ             “ไม่เอาก็ควายสิวะ เออเอาก็ได้ เห็นแก่มนุษย์โลกนะเนี่ย” เฮอะ เวรเอ้ย มีอะไรที่มันดีกว่านี้ไหมเนี่ย เก๊กมากๆ อยากได้ก็ไม่รับเอาไปดีๆนะมีมาพูดนั่นพูดนี่อีก นิสัยๆ             “ทำไมเพิ่งกลับอุ่น พ่อเป็นห่วงนะ” พอเดินเข้าบ้านไป พ่อผมก็ยืนจังก้ารออยู่แล้วครับ ห่วงจริงเหรอพ่อ ห่วงจริงไม่ออกไปรับมาล่ะ มารออยู่บ้านเนี่ยนะ แล้วไม่โทรหาลูกตัวเองล่ะ มาบ่นทำไม แต่เอ๊ะ มันอาจจะไม่มีสัญญาณ             “ติดฝนอ่ะพ่อ”             “แล้วใครมาส่งเพื่อนเหรอ”             “ครับ”             “ไม่ชวนเพื่อนเข้ามากินน้ำกินท่าก่อนล่ะ แต่ฝนมันตกตอนทุ่มกว่าๆนะ เลิกเรียนตั้งสามโมงครึ่ง ไปทำอะไรมา เพิ่งเข้าเรียนนะอุ่นทำไมเถลไถล” เอ่อ เข้าใจพ่อนะ เพราะว่าพ่อเป็นห่วง แล้วพ่อเข้าใจผมไหม เคยเข้าใจลูกคนนี้บ้างไหม ขออะไร ทำให้หมดเลย จากที่เคยเป็นคนคิดอะไรพูดแบบนั้น ก็กลายเป็นคนคิดเยอะไม่พูด ปากไม่ตรงกับใจเพราะใคร เพราะทำให้พ่อนะ เข้าใจลูกบ้างไหมเนี่ย โอ๊ย ปวดใจ             “ก็คุยกับอาจารย์เรื่องไปเข้าค่าย อาจารย์เขาเทสต์ภาษา” ผมจ้องหน้าพ่อ ไม่รู้ทำไมน้ำตามันเอ่อออกมา ผมพยายามไม่คิดนะ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ             “อุ่น พ่อขอโทษ” พ่อผมโผเข้ามากอดตัวผมไว้ ผมเม้มปากแน่น อะไรเนี่ยทำอะไรกัน             “อุ่นอยากอาบน้ำพ่อ อุ่นกินข้าวมาแล้วนะ จะนอนเลย” ผมผละออกครับแล้วเดินขึ้นข้างบนไปเลย             “อ้าวคุณอุ่นขา บ่กินเข่าติ๊ค่า คุณพ่อถ่าอยู่เด้ค่า” พี่ต้อยครับ ผมไม่สนใจ เดินขึ้นข้างบนไปเลย น้อยใจไหม มีบ้างนะ แต่มันไม่มากนักหรอกครับ ผมแค่สะเทือนใจนิดหน่อย คิดถึงแม่จังเลย ถ้าแม่อยู่ ตอนนี้เราจะกำลังทำอะไรกันอยู่นะ             “อุ่นๆ พ่อเข้าไปได้ไหม” ผมกำลังนอนคิดอะไรเพลินๆครับ รอให้โจ้ตอบวอทแอบ ไอ้บ้านี่ก็อะไรไม่รู้ บอกไปงานวันเกิดไอ้ต่อ นึกถึงภาพแล้วอยากไปด้วยจังเลย พวกเขาคงกำลังสนุกกันอยู่ในงานเลี้ยงวันเกิด แล้วผมล่ะกำลังทำอะไรอยู่             “ครับพ่อ” ผมเดินไปเปิดประตูให้พ่อครับ สีหน้าพ่อเหมือนว่าจะมาขอโทษ หรืออะไรไม่รู้แต่แววตาของพ่อมันสะท้อนแววแปลกๆ             “พ่อขอโทษนะ ที่ว่าอุ่นไป พ่อเป็นห่วงอุ่นนะ”             “ครับ อุ่นไม่ได้คิดอะไร อุ่นเข้าใจ”             “อุ่น รู้ไว้นะที่พ่อทำทุกอย่างก็เพื่ออุ่นนะ เรามีกันแค่สองคนนะลูก” โว้ยย ทำไมน้ำตาไหลเนี่ย             “พ่อ” ผมโผเข้ากอดพ่อครับ ร้องไห้ออกมา ร้องทำไมวะ ซึ้งตรงไหน แต่ทำไมร้องไม่หยุดเลยวะเนี่ย ต่อมน้ำตาแตก ร้องจนเหนื่อยล่ะครับท่าน จนหลับ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้             “คุณอุ่นขา ตื่นได้แล้วค่า ไปใส่บาตรกับเอื้อย คุณพ่อถ่าอยู่ตาล่างค่า” พี่ต้อยมาเคาะห้องครับผมสะดุ้งตื่น หือ นี่มันกี่โมงวะเนี่ย อ่ายังไม่หกโมงเลย อะไรอ่ะพี่ต้อย             “ไปใส่บาตรค่า มื้อนี้ครบรอบคุณแม่เสียเด้อ จำบ่ได้ติ๊” เอ่อ ผมรีบกระโจนลงจากเตียงทันทีครับ รีบเดินออกจากห้อง ไปล้างหน้าล้างตา พอเดินออกมาหน้าบ้านก็เห็นพ่อยืนรออยู่แล้ว             “นิมนต์ครับหลวงพ่อ” พอสายหน่อยพระก็เดินผ่านมาครับ ผมไม่เข้าใจว่าจะตื่นมารอทำไม ในเมื่อพระท่าน มาเกือบจะหกโมงครึ่ง เตรียมตัวสินะ เฮ้อ เอาน่ะๆ วันนี้ต้องไม่คิดสิ่งที่ไม่ดี ทำบุญให้แม่ พอพระท่านให้พรเราก็กรวดน้ำให้แม่ล่ะครับ ไม่ว่าจะอยู่ที่แห่งไหน ภพภูมิใดขอให้แม่ได้รับกุศลผลบุญนี้ อย่าให้แม่ต้องลำบาก ผมตั้งจิตแผ่ส่วนกุศลให้ครับ รู้สึกดีขึ้นจริงๆ             “อ้าว สิไปโรงเรียนติ๊ค่าคุณอุ่น มื้อนี้วันศุกร์เด้ บ่เก็บของไปเข้าค่ายติ๊” พี่ต้อยแกเตือนก่อนออกจากบ้านครับ ค่ายอะไรอีก เก็บของไปทำไม แว้กก ลืมเสียสนิทเลย             “อ่า ลืมอ่ะพี่ต้อย ช่วยหน่อย” ผมลนลานขึ้นมาทันทีครับ เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย ชอบลืม แล้วต้องเอาอะไรไปบ้างเนี่ยกู นี่มันไม่ใช่วันพฤหัสฯหรอกเหรอเนี่ย โว้ย อะไรวะต้องมารีบอีกแล้วอะไรเนี่ย ผมรีบเข้าห้องน้ำ ที่เข้าห้องน้ำ ก็ไปเอาเครื่องอาบน้ำ ไมได้หรอกนะ ผมชอบของผมนี่นา ไปไหนต้องเอาไปด้วย ส่วนเรื่องครีมทาหน้าไม่ได้ดูแลอะไรมาก พื้นฐานหนังหน้ามันค่อนข้างดีอ่ะนะ อิอิ             “จะทันไหมเนี่ยกู” ผมวิ่งออกไปจากบ้านล่ะครับ แต่วิ่งทำไมเนี่ยเพิ่งจะ ๗.๕๐ อีกตั้ง ๑๐ นาทีแน่ะ แว้กก ๑๐ นาทีมันจะทันไหมเนี่ยกู วิ่งสิเอ้า แต่นะผมวิ่งไปได้ไม่นานก็เหนื่อย ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายนี่หว่า เล่นแต่บีบี ถ้ามาวัดกำลังนิ้วกันมาเลยมา สู้กันสักตั้งแต่กำลังขานี่ไม่ไหวจริงๆ อิอิ             “ฮ่าๆ ไปสายเหรอมึง สัด” เอ่อ แทบอยากจะวิ่งไปให้ถึงโรงเรียนในบัดดล ทำไมต้องได้ยินเสียงนี้ก่อนเพื่อนคนอื่นด้วยวะเนี่ย เบื่อและหน่ายอย่างรุนแรง             “อ๊ะๆ อย่าทำสายตาวิงวอน กูไม่ให้ไปด้วยหรอกนะเว้ย ฮ่าๆ สม ตื่น สายล่ะสิมึง” จะเชื่อผมไหม ว่ามันจอดรถลงมาวอแวกับผม ไอ้นี่มันเป็นเอามากจริงๆ รู้นะว่าเกลียดกู แต่ทำไมมาวอแวกูจังวะ เออ กูจะคอยหลบเองก็ได้เว้ย             “ทำไม กูคุยด้วยไม่คุย สัดหยิ่งอีกนะมึง” ดูเอาเองนะครับ พิจารณาเอาเองมันเลวแค่ไหน กูหอบอยู่เนี่ยไอ้เชี่ยย จะให้กูพูดแป๊ะไรวะ กูหายใจไม่ทัน             “เรา เราเหนื่อย อย่า” ผมหยุดเอามือลงค้ำเข่าเอาไว้ครับไม่ไหว             “อย่าเชี่ยไร ไม่ให้ไปด้วยเว้ย อยากเห็นนักเรียนใหม่วิ่งรอบเสาธง ฮ่าๆ มาไม่ทันไรลายออกนะมึง สม ปากเก่งดีนักเป็นไงล่ะ เออ หนมที่ให้มาน่ะ ไม่ได้เรื่อง ไม่เห็นอร่อยตรงไหน กูชอบกินเลย์เว้ย” บอกกูทำไมเนี่ย             “อย่า” “อย่าเชี่ยไร” “อย่าชวนคุยได้ไหม เหนื่อย” ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดครับ หนอยแน่ ด่ากูอยู่ได้ฉอดๆ กูเหนื่อยหรอกนะมึง ไอ้บ้า อยากรีบไปก็ไปเลย กูก็เบื่อหน้ามึงเหมือนกันนั่นล่ะวะ ไปให้พ้นๆเสียทีเว้ย             “ขึ้นมาดิ กูสงสาร เดี๋ยวมึงจะขาดใจตายซะก่อน กูจะไม่มีคนแกล้ง” หือ มันว่าอะไรนะ ฝันไปเถอะ นี่ถ้ากูขึ้นรถไปกับมึงนี่ คงพูดไปสามปีเจ็ดปีเลยสิ คนอย่างอุ่นไม่เคยง้อใคร ไม่แคร์ไม่แลมองเว้ย จำไว้ จำใส่หัวเอาไว้             “มาดิ ยืนบื้ออยู่ได้ หรือมึงอยากวิ่งรอบเสาธงไอ้เชี่ยนี่” อ้าว ตวาดกูเพื่อ ไอ้นี่ นิสัยเสียมากเกิดมาไม่เคยเจอใคร เถื่อนดิบเท่าไอ้บ้านี่มาก่อนเลยนะ ให้ตายเถอะ             “ไม่ไปใช่ไหม เออ ดีกูจะไปบอกจารย์เดช ให้มึงวิ่งรอบเสาธงสักสิบรอบ เอ๊ะ หรือจะเอาสนามบอลดีวะ ฮ่าๆ”             “จิ๊ ออกรถดิ” เอ่อ อุ่นๆ ทำไมอุ่นทำตัวแบบนี้อ่ะ แว้กก ขึ้นรถมันทำไม โอ๊ย ไม่เข้าใจตัวเอง ศักดิ์ศรีน่ะมีบ้างไหม หือ มันด่าเอาฉอดๆแบบนั้น ทำไมต้องไปยุ่งกับมันอีก อะไรอ่ะ ไม่เข้าใจตัวเอง             “สัด สั่งกูนะเดี๋ยวให้แม่งวิ่งไปเลยเลยนี่”             “นายๆ” “เรียกพ่อไมลูก” หนอย ไอ้นี่มันวอนนะ             “นายอาบน้ำมาโรงเรียนป่ะ” “เอี๊ยดด” “นั่น ปากหมาอยากกินตีนกูแต่เช้านะมึง”             “ก็มันมีกลิ่นอ่ะ เราจะอ๊วก” “ลงไปเลยมึง ปากหมานักเดินเอาเลย อาบดิ เชี่ย กูอาบสะอาดเว้ย แม่งกูเสียความมั่นใจนะเว้ย” ที่จริงมันไม่ได้เหม็นหรอกครับผมแกล้งมัน หนอยด่ากูอยู่ได้ไอ้บ้า เป็นไงล่ะ เสียความมั่นใจไปเลย ฮ่าๆ เก่งดีนักมาเจอกูๆ             “ไม่เอาอ่ะ เราจะทน อีกไกลไหม กว่าจะถึงโรงเรียนน่ะ” ผมแถไปครับเรื่องอะไรจะลงเดิน มาถึงขั้นนี้แล้ว             “สัด จะลงไม่ลง” มันยังตวาดอยู่ครับแต่ผมไม่สนใจ             “ไม่อ่ะ เราไม่อ๊วกหรอก เออๆ ไม่พูดแล้วก็ได้” ผมสงบปากสงบคำครับ มันก็ด่าอะไรไม่รู้ ไม่ได้ใส่ใจฟัง ด่าได้ด่าไปสิ กูไม่ลงอ่ะ มึงจะทำไม เก่าหน่อยแต่ก็โอเควะ ดีกว่าเดิน             “แล้วมึงหอบเสื้อผ้ามาทำไมวะเนี่ย จะหนีตามผู้ชายเหรอ ฮ่าๆ” พอขับไปได้สักพักมันก็ถามขึ้นล่ะครับ ควายอีกแล้ว แหมนะ แล้วมึงไม่ไปหรือไงเข้าค่ายดัดสันดานมึงน่ะไอ้บ้า เออ แล้วมันขับรถแบบอ้อยอิ่งมากเลยนะครับ แทนที่จะรีบ ที่คิดว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะแปดโมง ถ้าได้นั่งรถมันไปนี่ คงทันแบบคาบเส้นพอดี แต่ตอนนี้คงไม่ทันแล้วล่ะ แต่ดูมันไม่สะทกสะท้านเลยนะครับ             “เข้าค่ายไง นายไม่ไปเหรอ” ผมทำเสียงแบบเหยียดหยามเต็มที่ เป็นไงล่ะไอ้บ้าดีแต่กร่างสมองฝ่อเอ้ย             “วันนี้วันพฤหัสฯ เข้าค่ายพรุ่งนี้ไม่ใช่ไง” “เอ่อ ไม่จริง วันนี้วันศุกร์ นายลืมเหรอ อิอิ” ได้ทีครับหัวเราะมันเลย ไอ้นี่ กูนึกว่าจะแน่ นี่ล่ะนะมัวแต่มาคอยหาเรื่องชาวบ้านจนลืมวันลืมคืน สม             “ฮ่าๆ สัด ไอ้เชี่ย วันนี้วันพฤหัสฯเว้ย ฮ่าๆ” มันจอดรถทันทีครับ อ้าว จอดทำไมวะเนี่ย             “ไหน กูดูหน้ามึงหน่อยซิ เชี่ย ฮ่าๆๆ ไอ้โง่ เอ๋อนะมึง ฮ่าๆๆ” เอ่อ มันจอดรถเพื่อที่จะมาหัวเราะผมเนี่ยนะ เอ่อ จริงเหรอ ไม่จริงนะไม่มีทาง วันนี้วันศุกร์ ยังไงก็ศุกร์เว้ย ไม่มีทางที่จะเป็น เอ่อ ดูโทรศัพท์กูก็ได้วะ แว้กก ทำไมมันบอกวันพฤหัสฯ ไม่จริง อุรดิศไม่ใช่คนแบบนี้ ไม่จริง             “ฮ่าๆ ไอ้เอ๋อ สัด ฮ่าๆ” อ่า อายก็เป็นนะเว้ย อะไรอ่ะ ทำไมพี่ต้อยทำแบบนี้ แว้กก โมโห             “อ่ะ อายๆ หน้าแดง เป็นไงล่ะ เถียงอยู่ได้ ฮ่าๆ โอ๊ย กูปวดท้องแม่ง หน้าเอ๋อเลยนะมึง ไปเข้าค่ายไหนอ่ะจ๊ะ ตัวเอง” เออ เอาเข้าไปล้อกูเข้าไป ไอ้บ้า หนอยคนเรามันก็มีบ้างอ่ะนะ             “ไปได้ยังอ่ะ” ผมพูดออกไปครับ ไม่รู้จะเถียงมันยังไงดี ไม่น่าเลยกู ไอ้อุ่นทำไมนะ เว้ย             “ยัง ฮ่าๆ มึงนี่เหลือเกินจริงๆนะ นอกจากจะหน้ามึน กวนส้นตีนแล้ว ยังเสือกเอ๋ออีก ฮ่าๆ” เอ่อ ชมกูเพื่อ กูไม่ต้องการคำชมจากมึง รีบไปเสียทีได้ไหมเนี่ย กูร้อน โว้ย             “โอ๊ย แม่งปวดท้องแต่เช้า” มันหัวเราะ เอ่อ จนน้ำตาไหลครับ นั่งลงหัวเราะ ส่วนผมก็ยังคงเกาะอยู่บนเบาะรถ รุ่นสงครามโลกของมัน เอาเข้าไปได้ทีมึงเอาใหญ่เลยนะ ไอ้บ้าเอ้ย อย่าให้มีทีกูบ้างนะมึง กูจะหัวเราะไปสามวันเจ็ดวันเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD