You are My Baby!! Chapter 1.1

3392 Words
โอ๊ย โมโห หงุดหงิดโว้ย แม่งเกิดมาไม่เคยมีใครหยามกูขนาดนี้มาก่อน จิ๊ คอยดูนะมึง เลิกเรียนกูจะไปดักหน้าโรงเรียน ต่อยแม่งให้ฟันหลุดไปเลย สัตว์เอ้ย ก็จะใครล่ะครับ ไอ้นักเรียนใหม่กางเกงน้ำเงินหน้าขาวๆนั่นล่ะ เจอมันในห้องน้ำ หน้าตามันนิ่งๆนะ แต่แม่งแอบกวนตีน กูชื่อ เดี๋ยวครับ ไม่ใช่แป๊บเดี๋ยวหรือเดี๋ยวก่อน เดี๋ยวเฉยๆ ใครเรียกไม่ถูกมีอันต้องสังเวยด้วยตีนเพียวๆ โอเคมะ กูเรียนเก่งครับมากถึงมากๆ แต่ไม่ชอบเข้าเรียน จะเรียนทำไม ในเมื่อบางอย่างอาจารย์ยังถามกูเลย แม่งสอบเป็นครูได้ไงวะ กะอีแค่โจทย์ง่ายๆเสือกมาถาม เข้าห้องไปก็มีแต่เพื่อนๆขอลอก ถามเสียงนกเสียงกาบ้าง กูเบื่อบอกตามความจริง อาชีพกูมีนะเว้ยเฮ้ย แม่กูจ้างมาเรียนไง ฮ่าๆๆ เอาน่าๆ กูไม่ใช่คนเลวอะไรขนาดนั้น เป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียน ไหนจะเป็นตัวแทนไปแข่งทักษะทางวิชาการทุกปี ทั้งที่ไม่อยากไปเลยนะ แข่งทักษะวิชาการ เพราะหน้าตามันไม่ให้ มีแต่พวกแว่นหนาๆ ชวนไปดูดหรี่ก็ไม่ไป งั่งเอ้ย ไปทีไรหงุดหงิดทุกที พูดจาก็นุ่มนิ่มรำคาญ สรุปง่ายๆ กูเป็นนักเลงประจำโรงเรียน แต่ที่ไม่โดนทำโทษก็เพราะกูเก่ง โอเคมะ เก่งแบบว่าหาตัวจับยากครับ ไม่ได้คุยเว้ย กูเก่งจริง ข้อสอบยากๆ กูตีแตกหมด ดูจากรางวัลในห้องไอ้หัวล้าน(ผอ) ก็ของกูทั้งนั้น ทั้งเลข ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ไหนจะถ้วยฟุตบอลอีก ตั้งแต่ ม. ๑ แล้วเว้ยไม่ใช่เพิ่งจะเก่ง โรงเรียนนี้จึงติดหนี้บุญคุณกูอยู่มาก ประมาณนั้น ฮ่าๆๆ “สัดเคนเอาบุหรี่มาอีกโตกะน่ะ แม่มึงเอ้ย หนหวยว่ะ” ผมหันไปตวาดสัดเคนเพื่อนซี้ครับ “บักห่านี่สิเรียนแล้วเด้ หว่างฮั่นกะเพิ่งไปมา อีหยังวะ เปลืองของกูเด้มึง” หนอยทำบ่นๆ ทีวิ่งข้ามห้องมาขอลอกการบ้านกู ไม่คิดนะสัตว์ ผมตบหัวมันทันทีครับ อ้อ ลืมบอกนี่มันห้อง ทับ ๗ ผม ห้องทับ ๑ ห้องคิงส์นั่นเองครับ แต่เด็กห้องผม อย่าให้พูด ก็อย่างที่บอกแม่งแว่นหนาๆตาปรือๆ เหมือนพวกเรียนหนักมีแต่สมองไม่มีพละกำลัง เหม็นครับเวลานั่งเรียนกูจะอ๊วก “สัดจ่มบ่ เอามานี่” ผมไม่เคยซื้อครับ เรื่องอะไรจะซื้อ ไถแม่งพวกนี้ล่ะประหยัดดี เดี๋ยวแม่ผมแพ่นกบาลเอา แม่ผมเปิดร้านขายสลัดพะพาย่าอยู่ในซอยตรงข้ามโรงเรียนนี่ล่ะครับขายดีมากๆ พ่อผมก็เป็นโชว์เฟอร์ในตอนเช้า ก็ให้แม่ผมนั่นล่ะครับพาไปตลาด โอเคมะ ผมแย่งเอาบุหรี่มาจากสัดเคนครับ แล้วเดินหัวเสียลงไปห้องน้ำอีก พอเดินจะผ่านก็เห็นไอ้หน้าจืดนั่น ยืนขาเดียวคาบไม้บรรทัดอยู่ ฮ่าๆ สม ว่าแล้วไปนั่งเยาะเย้ยมันหน่อย แม่งเมื่อกี๊ป้าวัณวิภาก็ด่าผมกระเจิงแล้ว “บักเล็ก เป็นหยังมึงมาคาบไม้บรรทัดวะ บ่มีหยังแดกติ๊” ผมถามไอ้เล็กครับ แล้วก็ยักคิ้ว ขาไขว่ห้าง กระดิกเท้าตามแบบของคนมีสไตล์ “ย้อนเพิ่นนี่ล่ะ” ไอ้เล็กมันพูดอู้อี้ครับ ฟังไม่รู้เรื่อง ส่วนไอ้หน้าจืด แม่งดูมันทำหน้าใส่ผม ลอยหน้าลอยตา เออลืมบอก ผมเกิดและโตที่กรุงเทพฯล่ะครับ เคยเรียนอยู่โรงเรียนตรงข้ามเมเจอร์เอกมัย จนเมื่อจบ ป.หก แม่ผมตกงาน พ่อผมก็เบื่อเราเลยย้ายกลับมาบ้านยาย พ่อผมเป็นคนเพชรบุรีครับ ปกติเพื่อนๆผม มันจะพูดภาษากลางกับผมล่ะครับ แต่ภาษาอีสานผมก็พอพูดได้บ้าง ลิ้นยังไม่แข็ง โอเคมะ “เพิ่งมา กวนตีนซะแล้วนะมึง เมื่อกี๊อีกกระทงนะ ในห้องน้ำอีกกระทง มึงโดนแน่เลิกเรียน” ผมขู่มันครับ ไม่สิ ไม่ได้ขู่ ผมไม่เคยขู่ใคร จะทำก็ทำเลย เรื่องต่อยตีผมก็ถนัดนะ มันเป็นวิถีของลูกผู้ชายอย่างผม ไปถามดูเลยตั้งแต่ ม.๑ ถึง ม. ๖ มีใครไม่รู้จัก ไอ้เดี๋ยว วิชพงศ์บ้าง เอาหัวเป็นประกันเลย ก็คนมันดังอ่ะนะ ช่วยไมได้ ดูมันครับผมยักคิ้วใส่ผมอีก “บักเล็ก หว่างฮั่นมึงปากหมาบอกเจ๊เตาแม่นบ่ หรือมึงสิเอากะกู” ผมหันไปกัดฟันใส่ไอ้เล็กครับ มันสั่นเลย พอได้ทีผมเลยเดินเข้าไปหาไอ้หน้าจืดอีกครั้งหมั่นไส้มาก ไม่ได้ตบหัวมันนี่ผมคงนอนไม่หลับ “มึงยักคิ้วใส่กูเหรอ” ผมตบบ่ามันแรงๆทีหนึ่ง แล้วเอาหน้าพยักไปใกล้ๆมัน ยักคิ้วคืน มันถอยไปชนผนังห้องครับ “ไม่รู้จักกูอ่ะดิ มึงเตรียมตัวเลือดปากออกได้เลย ไอ้หน้าจืด ลูบคมกูสองกระทง มึงตายแน่ๆ” ผมบีบบ่ามันแรงๆ แต่ทำไมมันไม่สั่นเหมือนไอ้เล็กวะเนี่ย หนอยแน่ไม่กลัวกูเหรอ เอ๊ะ หรือว่าผมยังเสียงดุไม่พอ “สัด” ผมขู่มันอีกครับ “แปรงฟันป่ะเนี่ย ลืมหรือว่าไง ลืมน่ะ ก็อย่ามาพูดใกล้คนอื่น ดิจะอ๊วก” ป๊าด มันว่าผมครับ สัตว์ ไม่เคยมีใครว่าผมได้ขนาดนี้ ผมจับบ่ามันผลักใส่กำแพง ทันที “ปากดีนะมึง เออกูลืม ฮ่า” นี่แน่เป่าใส่หน้ามันเลยสิครับ มันก็ย่นหน้าเอามือปิดจมูกไว้ หนอยทำท่าดัดจริตเหลือเกินนะมึง “ปากดี” ผมบีบคอมันครับ มันก็ดิ้นหมั่นไส้แม่งมันจริงๆนะ “นายๆ” มันหน้าแดงแล้วครับ ตัวเท่าลูกหมายังมีหน้ามากล้าลองดีกับกูอีกเป็นไงล่ะ “อะไร” ผมตวาดใส่มันครับ “นายอ่ะลืมรูดซิบ เกงในเป็นคราบอ่ะ แหวะทุเรศ” เฮ้ย สัตว์ ผมรีบก้มหน้าดูทันที “เชี่ย” พอก้มแค่นั้นล่ะครับ มันผลักผม เซถอยหลังไปทันที มันสองคนก็วิ่งเข้าห้องไปแล้วครับ หนอยแน่ โว้ย ผมเสียรู้มันเหรอเนี่ย สามกระทง มึงตายๆ ไอ้หน้าจืด มึงตายแน่ กล้ามากๆ โอ๊ย ผมหงุดหงิด โมโหเว้ย แม่งไปหาเด็กมาแกล้งเล่นดีกว่า ระบายอารมณ์รอ มึงจำไว้ เย็นนี้ล่ะมึงตายแน่ กูจะไม่ให้มึงกล้ามาเรียนอีกเลย คอยดู รู้จักไอ้เดี๋ยวน้อยไปแล้ว ตั้งแต่มาเรียนที่นี่ ไม่เคยมีใครไม่กลัวผมเลยนะ ผมนักเลงครับ นักเลงโตด้วยใครจะทำไม ผมติดนิสัยเกเร เอ้ย ใครบอกเกเร แค่ผมแสดงความแมนผิดตรงไหนวะ ก็ผมไม่ชอบให้คนมาข่มเหงรังแก แต่ไปข่มเหงคนอื่นแทน ก๊ากก ใครจะว่าผมนิสัยไม่ดีก็ช่างแม่ง ก็กูเป็นแบบนี้นี่หว่า พ่อแม่ผมเอือมผมไหม ไม่เลยครับ เพราะเวลากลับบ้านผมก็จะบังคับไอ้เพื่อนๆน้องๆนี่ล่ะ ไปช่วยแม่อุดหนุนส้มตำร้านแม่ผม บังคับให้มันล้างจานด้วย สำหรับใครที่อยากจะลอกการบ้าน เห็นไหมผมเป็นลูกที่ดี เกเรตรงไหน แต่เอาเถอะตอนนี้ผมโมโห ต้องหาที่ระบายออกซะหน่อยแล้ว “เดี๋ยวๆ จารย์พรเอิ้นหาน่ะ” พอผมเดินลงจากตึก ก็เห็นรุ่นพี่เรียกครับ พี่ดาว หึหึ เมียเก่าผมเองล่ะครับไม่อยากจะคุย ก็คนมันหล่ออ่ะนะ ผมไม่ได้มั่วนะเว้ย ก็ทำไงได้ ก็เขามาเสนอตัวเองนี่นาผมก็แค่ปฏิเสธใครไม่เป็นแค่นั้นเอง อย่าให้ผมเผาเลยนะครับ เพราะยังไงผู้หญิงก็เพศแม่ของผม มีตั้งแต่ ม.๑ถึง ม.๖ เลยนะที่มาเสนอตัวให้ผม ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมผู้หญิงเขาถึงชอบผู้ชายเลวๆ เอ้ย กูเลวตรงไหนวะเนี่ย เอาเป็นว่าผู้ชายประมาณผมล่ะกันครับ แต่ผมมีคติประจำใจคือจะไม่กินเด็กที่ต่ำกว่า ม. ๓ เป็นไงล่ะ ผมยังมีคุณธรรมในใจอยู่ล่ะกัน ไม่ใช่เลวแบบไม่มีแนวทางนะเว้ยเฮ้ย “เอิ้นหยัง สิไปขี่” ผมตอบไปครับ แต่ยิ้มให้พี่ดาว พี่แกสวยนะเป็นดาวเลยล่ะ แต่แกมาชอบผมมาก ได้กันไม่กี่ที ผมไม่ติดแกครับเพราะอะไร ไม่รู้ดิ ผมไม่ชอบผู้หญิงที่ภายนอกทำเป็นเรียบร้อย แต่เวลาอยู่กับผมสองต่อสองนี่นะ ไม่อยากจะเผาที่นี่เขาเรียก “จก” ครับคือแกจะล้วงผมเองตลอดเลยนะ ลีลาท่าทางนี่ โอ้โห ผมไม่ต้องทำอะไรเลยครับท่าน เป็นไงบอกแล้วอย่าให้ผมเผา ผมยิ่งปากหมาอยู่ด้วย “คือสิเรื่องจะไปแข่งวิชาการนั่นล่ะ ไปหาเพิ่นแน่ เพิ่นถ่าอยู่ห้องภาษาอังกฤษ” “บ่ว่าง บอกแล้วสิไปขี่” ผมเดินหนีไปครับพี่แกวิ่งตามมา “เดี๋ยวก่อนเดี๋ยว แลงนี้ไปหาได้บ่” นั่นไงครับ ผมพูดอะไรผิดตรงไหน “บ่ว่าง สิไปตีปากคน” “สิไปมีเรื่องอีกแล้วบ้อ ดาวขอได้บ่ อย่าไปมีเรื่องกันเลย ดาวเป็นห่วง” ฮ่วย เมียเก่านะไม่ใช่แม่ อย่ามาขอไม่มีให้เว้ย ผมหันหน้ามามองแกแบบรำคาญเต็มทีครับ แสดงตัวเป็นข้าเจ้าของกูจังนะ “สิไป” ผมตอบออกไปครับ “ดาวบ่ให้ไป เดี๋ยวก็เจ็บตัวมาอีก ดาวไปหาดีกวั่ว นะๆเดี๋ยว” “เป็นเมียบ่แม่นเหรอ บ่แม่นแม่เด้อ อย่ามาสั่ง เมียเก่านำ” ผมบอกแล้ว ผมเป็นคนพูดตรงๆ ไม่เก็บไว้ในใจครับ แกหน้าหงายไปเลย ผมเดินหนีไปแล้ว แม่งเอ้ย อารมณ์เสียว่ะ มีเมียมาไม่รู้กี่คน ไม่เคยถูกใจเลยสักคน กับคนที่คบอยู่ตอนนี้ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง แต่ผมคิดว่าเธอดีที่สุดแล้วล่ะครับ ชื่อ เพ็ญ อยู่ห้อง ๕/๙ ครับ ลีลาเด็ดดวงมากขอบอก ผมติดใจเธอแต่ก็ไม่มากนัก ท่าทางภายนอกเธอดูแรดๆ ภายในก็แรด กูชอบว่ะไม่ดัดจริต ไม่เหมือนหลายคน ที่แอ๊บเป็นเรียบร้อย แต่เอาเข้าจริงแรดกว่าเห็นๆ ผมเดินไปห้องน้ำที่เดิม อ้าวสัตว์เอ้ย มีแต่บุหรี่ไม่มีไฟแช็ก ฮ่วย อะไรของกูวะเนี่ย โว้ย โมโห เพราะไอ้เชี่ยนั่นคนเดียวเลย สี่กระทงจดไว้แล้ว มึงเจอจัดหนักแน่ๆ คอยดูเถอะ กูไม่เลี้ยงไว้แน่ หนอยเด็กใหม่ทำกูแสบได้ถึงสามสี่กระทง “จารย์พงษ์ ยืมไฟแช็กแน่ครับ” ผมเดินไปที่ช็อปอุตสาหกรรมครับ เห็น อาจารย์สมพงษ์กำลังสอนเด็ก ม.๓ อยู่ “มึงจะดูดบุหรี่เหรอ” แกตวาดมาครับ “บ่ครับ ผมสิเอาไปให้ลุงสม เพิ่นสิสุมอันหยังบ่ฮู้” ผมแถไปครับ ลุงสมภารโรงครับ สุมคือเผาอ่ะแปลให้ “อย่ามาโกหก มึงจะเอาไปสูบบุหรี่ล่ะสิ ไม่ให้เว้ย” “ฮ่วย จารย์ บ่ได้ดูด พู้นเด้ลุงสมกวดใบไม้อยู่ สิให้ยืมบ่ให้ยืมเนี่ย” “เออๆ เอามาคืนด้วยนะมึง นี่มึงมายืม หรือมาขู่กูวะไอ้เดี๋ยว” เออนะ แหมก็ยืมดีๆ พูดไปซะหลายตลบยื่นให้ก็จบ โอเคมะ พอได้ไฟแช็กมา ผมก็แว้บเข้าห้องน้ำล่ะครับ อัดบุหรี่เข้าปอด อืม ค่อยยังชั่ว ขี้เกียจเรียนจังเลยวะ ไปโรงอาหารดีกว่า อีกไม่นานก็จะพักเที่ยงแล้วนี่ แต่ไปหาจารย์พรก่อนดีกว่าเผื่อแกจะให้เงินกินหนม อิอิ “มีหยังครับจารย์” ผมโผล่หน้าเข้าไปในห้องภาษาอังกฤษครับ เขากำลังเรียนกันอยู่นะรู้สึกจะเป็น ม. ๔ สนใจที่ไหนก็ตามผมเองนี่หว่า “ตอนเที่ยงค่อยมาครูสอนอยู่” ฮ่วยอยากจะเรียกตอนไหนก็เรียกเหรอวะ “บ่ว่างครับ ผมต้องไปกินเข่า ไปหาจารย์เอมอรอีก” ผมพูดออกไป ลอยหน้าลอยตา แล้วทำท่าจะเดินออกจากห้อง เออลืมบอกห้องวิชาการที่นี่ เขาจะให้นักเรียนถอดรองเท้าไว้นอกห้องนะครับ แต่ไอ้เดี๋ยวเป็นใครไม่เคยถอด หรือจะให้ถอดกับถุงเท้าที่ไม่เคยซักเลยน่ะ หรือจะดม? “เออๆ จิ๊ แปบนะคะนักเรียน” เป็นไงครับ ผมบอกแล้ว ครูที่นี่เขาง้อผมจะตาย ก็ผมมันเรียนเก่งเทพๆ ตอบปัญหาแข่งทักษะเชี่ยไร ไม่เคยได้หรอกนะที่สอง บอกแล้ว ไปดูโล่ประกาศเกียรติคุณในห้องไอ้หัวล้านได้เลย มีแต่ของผมทั้งนั้น “ก็วันศุกร์นี้ จะมีเข้าค่ายภาษอังกฤษที่มุกดาหาร เป็นค่ายของภาคอีสานทั้งหมดเลยนะ สามวันกลับวันจันทร์” “บ่ไปครับ บ่อยากไปค้างหม่องอื่น” ผมตอบไม่คิดเลย ไม่จำเป็นต้องคิด ไม่อยากไปคือไม่อยากไป “ทำไม ครูขอล่ะไปกับพี่ ม.๖ สามคน นะนะเดี๋ยว ครูขอล่ะเป็นโอกาสที่ ดีนะได้สร้างชื่อ” “ผมดังพอแล้วครับ บ่ไปคือบ่ไป ซ่ำนี้เบาะจารย์” ผมเดินออกมาจากห้องทันที “โว้ย เล่นตัวนักนะ กูล่ะเบื่อ จิ๊” เสียงแกอวยพรไล่หลังมาครับ ไม่ต้องอวยพรกูขนาดนั้น เบื่อจะฟัง ก็คนมันไม่อยากไปนี่หว่า จะให้ทำยังไงวะ แม่งหาคนอื่นไปดิวะ ไม่อยากไปค้างที่อื่น เบื่อจะเจอหน้าเบื่อจะคุย เบื่อจะตอบเข้าใจไหม โอเคมะ “น้าติ๋วเอาเตี๋ยวมาแดกแน่ เอาพิเศษเด้อ” เป็นไงครับ วิธีการสั่งก๋วยเตี๋ยวของผม น้าผมเองล่ะ น้องสาวแม่ ตระกูลนี้ขายของกินกันทั้งตระกูลเลยมั้งเนี่ย กินพิเศษน่ะ ฟรีนะครับท่าน อย่าได้หวังว่าจะได้เงินไอ้เดี๋ยว “อีหยังเที่ยงแล้วติ๊ บักเดี๋ยว” น้าผมดีกับผมเสมอครับ ผมพูดไม่เพราะ หรือเกเรมีเรื่องแค่ไหน แกก็ไม่เคยว่า พูดเพราะกับผมมาก แปลกใจไหม ไม่นะ ผมว่าน้าผมต้องมองเห็นอะไรบางอย่างในตัวผม ฮ่าๆ “บ่เที่ยงแต่หิว เอาลูกชิ้นหลายๆเด้อ” “มาเข้ามาเฮ็ดเอง น้าจะเตรียมของขาย” แกบอกครับ อ้าวนะ เออๆ ทำเองก็ทำเองวะ ผมเดินเข้าไปในร้านแกล่ะครับ ลูกชิ้นก็ไม่เยอะหรอกครึ่งถุง เส้นสองกำ ผักไม่กิน เพราะมันไม่มีราคา พอทำเสร็จผมก็เดินมานั่งที่อย่างสบายอารมณ์ “ป๊าด บ่เอาไปเหมิดห่อโลดล่ะบักเดี๋ยว โพดพะโลเนาะ หลานเจ้าน่ะเจ๊งพอดี” น้าเต๋าครับผัวน้าติ๋ว แกบ่นไปงั้นล่ะครับ เพราะแกถือไก่ย่างมาให้ผมอีกจาน ฮ่าๆ ผมรู้ดีครับว่าน้าผมเขารักผม “ฮ่วย บ่เจ๊งดอกน่า ซ่ำนี้หนึ่ง แล้วสิให้ขายช่อยบ่น้า” ผมถามแกครับ ปากก็กินก๋วยเตี๋ยวไป “บ่ต้องดอก เออ จารย์พรเพิ่นมาบอกแล้วเบาะ ว่าให้ไปเข้าค่าย” จิ๊ วางตะเกียบทันทีครับ “บอก บ่ไป” “ฮ่วย เป็นหยังบ่ไป มีเบี้ยเลี้ยงนำเด้” “โอ๊ยน้า เบี้ยเลี้ยงร้อยสองร้อย บ่อยากได้ดอก บ่ไป ขี้คร้าน” “มึงไปคุยกับแม่มึงเองโลด จารย์พรไปบอกแม่มึงแล้ว” “โอ๊ย” จบครับ แม่ผมน่ะ ผมเกรงกว่าพ่อผมอีก ตายห่านล่ะอะไรวะ ร้าย นักนะจารย์พร เดี๋ยวๆจะเจอหักหน้า แม่งไรวะ บอกไม่ไปๆ นี่แกเล่นไปบอกแม่ผมก่อนจะมาบอกผมอีก จิ๊ กูเบื่อเว้ย ผมไม่สนใจครับกินก๋วยเตี๋ยวต่อ สักพักเสียงออดเที่ยงก็ดัง เด็กนักเรียนกรูกันเข้ามาในโรงอาหาร ไม่อยากจะเล่า มันยั๊วเยี๊ยะเหมือนปลวกหนีน้ำท่วมครับ ผมยืนเป็นนางกวักอยู่หน้าร้านครับ คอยขู่เด็กๆให้มากินก๋วยเตี๋ยวต้องซื้อเท่านั้น ฮ่าๆๆ กลวิธีการขายเป็นไงใช้ได้มะ “เอาเส้นหมี่ลูกชิ้นน้ำใสครับ” สำเนียงที่แปลก แตกต่าง เป็นการพูดภาษากลาง ที่ไม่ได้กระแดะ กกลิ้นแข็ง เหมือนที่เด็กๆในโรงเรียนพูดกัน ผมหันขวับทันที ป๊าดติโธ่ กล้ามากครับ ไอ้ห่านนี่ กล้ามากๆมันมายืนสั่งก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าร้าน ผมมัวแต่หลีสาวเลยไม่ทันมองครับ “ไม่ขายเว้ย” ผมเดินเข้าประชิดตัวมันทันที เปล่งเสียงออกไปอย่างดัง เด็กๆแถวนั้นวงแตกฮือ เป็นไงครับอิทธิฤทธิ์ของผม “หือ ร้านนายเหรอ” ดูมันทำหน้าครับ มันกวนตีนมากๆ หันหน้ามามองผม แล้วยักคิ้วขึ้นเหมือนไม่เชื่อ “เออร้านกู กูไม่ขาย” “อีหยังบักเดี๋ยว ขายจ้าหนู เพิ่งย้ายมาเหรอจ๊ะ หน้าตาดีเชียว หล่อนะเรา” อ้าวนะน้าติ๋ว พวกบ้าคนหล่อ กูล่ะเซ็งจริงๆ หลานก็หล่อเว้ยเฮ้ย ไม่เคยชม “เอาเส้นหมี่” “ไม่ขาย กูไม่ขาย” “กูจะขาย” เป็นสามเสียงครับ ผมกัดฟันแล้วเดินปรี่จับบ่ามันแล้ว “นี่นาย ถามหน่อยดิ” มันทำหน้าเซ็งใส่ผมครับ โว้ ไอ้เชี่ยนี่ ไม่เคยมีใครทำหน้าเซ็งใส่กูมาก่อนเลยนะ มึงคนแรก สงสัยวอนจะโดนตีน ห้ากระทงแล้วมึง “อีหยัง” ผมตะคอกใส่มันครับ “เหนื่อยป่ะเนี่ย” “เหนื่อยไร” “แอ๊บนักเลงเนี่ย เหนื่อยมากป่ะ อยู่นิ่งๆ เป็นคนธรรมดาบ้างก็ได้นะ เบื่อจะคุย หิว” ป๊าด ผมนี่จุกไปเลยครับ มันทำหน้าแบบว่ากวนส้นตีนมากๆ “เชี่ย” ผมผลักบ่ามันแรงๆ หน้าคะมำไปข้างหน้า “เซาเดี๋ยวนี้บักเดี๋ยว มึงบ่เซากูสิบอกแม่มึง ไปหนี ไปให้พ้นร้านกู” เอ่อ น้าติ๋วแกออกมายืนขวางไว้ครับ จี๊ด ปวดใจๆ มึงนะมึงผมกัดฟันกรอดเหมือนโดนเหยียบหัวใจ คอยดูๆ กูจัดหนักแน่ๆไอ้หน้าจืด มึงจะหน้าเป็นแผลก็วันนี้ล่ะ โอ๊ย กูเจ็บปวด เชี่ยเอ้ยทำไงดีวะเนี่ย “เอาพิเศษนะครับ อยากกินทุกวันจังครับน้า แต่น้าบอกคนนั้นอย่ามาอีกได้ป่าวอ่ะ” ป๊าด ผมหยุดกึกทันทีครับ มันทำหน้าแบบว่าไม่สะทกสะท้านอะไรเลยนะครับ ผมนี่จะถอยกลับไปตั้นหน้ามันสักที แต่น้าเต๋าออกมายืนยักคิ้วให้ไป โอยๆ ตายๆกูไม่เคยโดนหยามหน้าขนาดนี้มาก่อน ตายมึงตาย ตายสถานเดียว คอยดู ถ้ามึงไม่เละ อย่ามาเรียกกูว่าไอ้เดี๋ยว โว้ย “บักเดี๋ยว แลงนี้ซ้อมบอลเด้อมึง มื้อฮือโรงเรียนจากยโสฯสิมาแข่ง” อ้าวนะ พอเดินออกมายังไม่พ้นจากโรงอาหาร สัดแบงค์รุ่นพี่ล่ะครับ มันก็ร้องมาบอกผม ผมหยุดกึกลง แม่งอะไรกันหนักหนาวะเนี่ย เรื่องเตะบอลคือหัวใจของผมเลยก็ว่าได้ รักเข้าเส้น เรื่องเรียนเป็นงานอดิเรกครับ เรียนเก่งเองโดยกรรมพันธุ์ ฮ่าๆ มือฮือก็มะรืนอ่ะแปลให้อีก “เออๆ” ผมบอกไป แล้วหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกมาจากโรงอาหาร แม่งเอ้ย แล้วเรื่องที่จะไปตั้นหน้าไอ้บ้านั่นล่ะ เอาไงดีวะ หรือว่าจะไปดักต่อยหน้ามันก่อนขึ้นเรียน ไม่ดีๆ ผมนักเลงก็จริง แต่ไม่เคยต่อยตีใครในสถานที่ เดี๋ยวแม่จะมาเด็ดหัวเอา โอ๊ย แม่งเซ็งว่ะ เอาไงดีวะเนี่ย ไปห้องพยาบาลนอนสักงีบดีกว่า เผื่อจะคิดออก ตอนนี้ไม่มีคนแน่ๆ นอนแม่งสักงีบ ว่าแล้วผมก็เดินไปตึกอำนวยการล่ะ ครับไปห้องพยาบาล
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD