ก่อนจะลาจากกัน

1314 Words
มู่ลินเก็บสมุนไพรจากในถ้ำเสร็จแล้ว นางก็รีบกลับออกมา โดยเก็บสมุนไพรมาในปริมาณที่ต้องการจะใช้เท่านั้น อากาศเย็นสบายในถ้ำถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศอบอุ่นชื้นของป่าไม้ เมื่อเท้าเล็กๆ ของหญิงสาวก้าวพ้นปากทางเข้าถ้ำ ร่างบางเดินต่อไปตามเส้นทางที่เดินมา แต่ออกมาได้เพียงไม่ไกล ก็ต้องหาที่พักแรม เพราะฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว บรรยากาศยามกลางคืนในป่านั้นดูวังเวงน่ากลัวกว่าปกติ แสงจากกองไฟของมู่หลิน ทำเกิดเงาของต้นไม้วูบวาบดูน่าขนลุก ท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่บรรยากาศในป่าเริ่มน่ากลัวขึ้น ความเงียบเริ่มมีเสียงของสรรพสัตว์ที่ออกหากินยามกลางคืน ดังแทรกมาตามสายลม แม้ว่ามู่หลินจะอยากเดินต่ออย่างไร แต่นางก็รู้ดีว่าควรจะต้องหาสถานที่พักแรมก่อน การเดินทางผ่านป่าตอนกลางคืนนั้นอันตราย แม้แต่กับคนที่มีประสบการณ์เช่นนางก็ตาม มู่หลินสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆ ที่พักแรมของนาง มองหาจุดที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับนอน ดวงตาของนางจับจ้องไปที่ต้นไม้กลวงขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล มันน่าจะให้ที่พักพิงที่สบาย และปลอดภัยกว่านอนบนลานโล่งๆ ข้างกองไฟ อย่างน้อยตรงนั้นก็น่าจะช่วย พลางนางจากนักล่าหรือทหารได้บ้าง หญิงสาวเดินเข้าไปตรวจดูที่นอนอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าตรงนั้นจะปลอดภัยจริงๆ ด้านในโพรงมันมีหินก้อนใหญ่ที่กว้างพอให้นางนอนพักผ่อนได้ มู่หลินวางตะกร้าไว้ข้างในแล้วคลานเข้าไปด้านในนั้น เพียงแค่เอนกายลงนอน ความคิดของมู่หลินก็ลอยกลับไปที่เจินฮุ่ยหมิง นางหวังว่าเขาจะปลอดภัยและไม่มีใครเข้าไปเจอที่ซ่อนตัวของเขาระหว่างที่นางไม่อยู่ ภาพดวงตาที่มุ่งมั่นของเขา นึกถึงแล้วก็รู้สึกหวิวๆ ที่หัวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก คำพูดขอบคุณที่เขาพร่ำบอกทุกวี่วัน ย้อนคิดถึงก็รู้สึกอิ่มเอมใจเสมอ ภาพที่ได้เห็นเขานอนเจ็บอยู่ในกระท่อม ล้วนฉายซ้ำอยู่ในใจของนาง หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความผูกพันที่เพิ่มมากขึ้น กับชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนแปลกหน้า เมื่อนอนพักได้เต็มที่แล้ว หมอสมุนไพรสาวก็ตื่นขึ้นมาในเวลาเกือบจะรุ่งเช้าของอีกวัน นางเร่งออกเดินทางทันที ด้วยความเป็นห่วงทหารต้าหยาง คนไข้ที่นางดูแลอยู่ ไม่รู้ว่าเขาจะกินยาครบตามที่สั่งไว้หรือเปล่า เพราะเขาไม่ค่อยชอบรสขมของยาที่นางเอาให้กินสักเท่าไหร่ กว่าที่มู่หลินจะเดินทางกลับมาถึงเขตที่นางอาศัยอยู่ ก็จนฟ้าเกือบจะมืด เพียงแค่มองเห็นหลังคากระท่อมฝีเท้าของมู่หลินก็ยิ่งเร่งมากขึ้น แต่เมื่อเดินมาถึงที่ลานหน้ากระท่อม ด้วยสายตาที่เฉียบแหลมของมู่หลิน นางเห็นร่องรอยของเท้าคน เดินมุ่งหน้าเข้าไปในกระท่อม จากรอยเท้าที่ทิ้งไว้ ผู้มาเยือนต้องสวมชุดนักรอบอย่างแน่นอน หญิงสาวรีบทิ้งทุกอย่าง แล้ววิ่งตรงเข้าไปที่จุดซ่อนตัวของเจินฮุ่ยหมิงด้วยความร้อนใจ เสียงฝีเท้าเล็กๆ ที่ใกล้เข้ามาทุกที ทำให้เจินฮุ่ยหมิงที่กำลังหลับอยู่รู้สึกตัวตื่นขึ้น เขาแอบมองลอดออกไปผ่านช่องไม้เล็กๆ แต่เพียงครู่เดียวแผ่นไม้ที่ปิดช่องซ่อนตัวของเขาก็ถูกยกขึ้น ปรากฏให้เห็นหญิงสาวที่เขาเฝ้าตั้งตารอ ยืนจ้องเขาอยู่ด้วยสายตาโล่งใจ “ทำไมไม่เรียกกันก่อน เกิดข้าปาอาวุธใส่ขึ้นมา แม่นางจะทำอย่างไร” เขาเอ่ยขึ้น เพราะตกลงกันเอาไว้ว่าถ้ามาถึงจะเรียกก่อน อยู่ๆ นางก็ดันพรวดพราดเข้ามาเสียอย่างนั้น “ข้า...ข้าเห็นรอยเท้าเข้ามาในกระท่อม ข้ากลัวว่าทหารจะเจอเจ้าเข้าแล้ว ก็เลยรีบวิ่งมาดู” นางเอ่ยก่อนจะหันหน้าหนี คนฟังคลี่ยิ้มอย่างชอบใจ การที่นางบอกแบบนั้นก็แปลว่า นางเป็นห่วงเขาน่ะสิ “มีทหารเข้ามาในนี้จริงๆ” เขานึกสนุกอยากจะแกล้งมู่หลิน จึงได้เอ่ยขึ้นมาแบบนั้น แต่ก็เป็นความจริงนี่ มีทหารเข้ามาที่นี่จริงๆ “แล้วทำไมพวกมันถึงไม่เจอเจ้า” “ก็ที่ซ่อนนี้มันปลอดภัยน่ะสิ แต่ข้าก็ลุ้นแทบแย่ ถ้ามันเจอตัวข้า อย่างไรก็คงตายสถานเดียว” เขาแอบมองหน้าคนฟัง ที่ตอนนี้ดูซีดเผือดจนเหมือนไม่มีเลือดไหลผ่าน เห็นแล้วก็กลั้นหัวเราะไม่ได้ “เจ้าหัวเราะอะไร นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายนะ” หญิงสาวร้องขู่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของนายทหารหนุ่ม แต่เขายังคงหัวเราะไม่หยุด ทำให้มู่หลินเริ่มคิดแล้วว่า หรือเขาโกหก “ข้าไม่ตลกกับเจ้าด้วยหรอกนะ หากเจ้าถูกจับได้ ข้าก็จะเดือดร้อนไปด้วย หวังว่าเจ้าจะไม่ลืมเรื่องนี้” คำพูดนี้ของมู่หลิน ทำให้เจินฮุ่ยหมิงเพิ่งจะคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าที่มู่หลินยอมเสี่ยงอันตรายไปเก็บสมุนไพรในป่าลึกก็เพราะต้องการให้เขาหายเร็วๆ เพื่อที่จะได้ส่งเขากลับต้าหยาง แล้วนางก็ไม่ต้องแบกรับปัญหาอะไรอีก “ข้าเข้าใจแล้ว แม่นางบอกว่ามีสมุนไพรที่จะช่วยให้ข้า หายได้โดยเร็วมิใช่หรือ รีบเอามันมารักษาข้าเถอะ ข้าจะได้ไปจากที่นี่เสียที แม่นางจะได้ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายเพราะช่วยชีวิตข้า” เพราะต่างคนต่างก็ปากแข็ง ทำให้การเจอกันที่ควรจะเกิดเป็นความดีใจ กลับกลายเป็นบรรยากาศที่อึมครึมไปเสียอย่างนั้น มู่หลินเดินออกมาเก็บตะกร้าสมุนไพรที่หน้ากระท่อม แล้วเริ่มลงมือปรุงยาที่จะใช้รักษาเจินฮุ่ยหมิงทันที เจินฮุ่ยหมิงนั้นก็พยายามขยับตัวออกมานั่งในจุดที่สบายตัวมากกว่าในหลุมหลบภัย แล้วมองมู่หลินปรุงยาอย่างตั้งใจ เมื่อต่างฝ่ายต่างอารมณ์เย็นลง พวกเขาก็คิดได้ว่าเมื่อครู่นี้ ได้โต้เถียงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเอาเสียเลย มู่หลินรู้สึกว่าตัวเองพูดกับเจินฮุ่ยหมิงแรงเกินไป เขาก็แค่อยากจะหยอกเย้านางเท่านั้น แต่เพราะตอนนั้นเป็นห่วงเขาเกินไป ก็เลยไม่ตลกด้วย ส่วนเจินฮุ่ยหมิง เมื่อได้อยู่เงียบๆ เขาก็เริ่มคิดได้ว่า ตัวเองทำให้ความห่วงใยของมู่หลินกลายเป็นเรื่องตลก ทั้งที่เห็นอยู่แล้วว่านางเป็นห่วง แต่กลับล้อเล่นกับความรู้สึกของนาง “เอายานี่ทาตรงจุดที่รู้สึกเจ็บ ส่วนนี่ดื่มก่อนนอน พรุ่งนี้เช้าเจ้าจะตื่นขึ้นมาโดยปราศจากความบาดเจ็บทั้งปวง แล้วข้าจะนำทางเจ้าไปส่งที่ชายแดนทางกลับต้าหยาง” หญิงสาวเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินหนีไป “แม่นาง...” เจินฮุ่ยหมิงพยายามเรียก แต่อีกฝ่ายก็ไม่หันกลับมา แค่คิดว่าจะต้องแยกจากกัน หัวใจทั้งสองดวงก็เหมือนจะแตกสลาย มู่หลินไม่อยากเห็นหน้าของเขาอีก เพราะกลัวจะเสียน้ำตาให้เขาเห็น ใจจริงก็ไม่ได้อยากให้เขากลับไป แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ หลังจากนี้ต้องกลับไปใช้ชีวิตตัวคนเดียว เหมือนที่เคยอยู่มาตลอด ส่วนเจินฮุ่ยหมิง เขาไม่อยากทิ้งให้มู่หลินอยู่เพียงลำพังแบบนี้เลย ถึงนางจะเก่งกาจอย่างไร แต่นางก็ได้ชื่อว่าเป็นสตรี คิดอย่างไรก็ดูไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD