หมับ!
“โอ๊ย!” มือที่บีบแขนขัติมากรอยู่ถูกจับเข้าที่ข้อแขนเล็ก เขาบีบเธอในระดับที่แรงขึ้น ๆ จนอีกคนต้องปล่อยมือที่บีบแขนขัติมากรอยู่ออกมา
“เพลิง!” เคโกะตะคอกเสียงเรียกชื่อคนที่ทำร้ายเธอเป็นหนที่สองของวันด้วยน้ำเสียงแข็งและไม่พอใจ
“อย่ามาแตะต้องผู้หญิงของฉัน” กันตพลปรายเพียงหางตามองใบหน้าสวยแต่ร้ายกาจนั้นด้วยแววตาเยือกเย็นดุจขั้วโลกเหนือ ก่อนจะหันไปสนใจคนที่ยืนกุมแขนข้างที่ถูกประทุษร้ายนั้นด้วยแววตาแห่งความเจ็บปวด
“ลากผู้หญิงคนนี้ออกไปจากบ้านฉัน ถ้าไม่มีคำสั่งฉันห้ามใครต้อน รับเธอเด็ดขาด!” คำสั่งแสนดุดันและดุกร้าวทำเอาทัศน์เทพที่รู้สึกผิดรีบลากตัวผู้หญิงที่ถูกขึ้นบัญชีดำจากนายตนออกไปให้พ้นหน้า
เคโกะไม่อ้อนวอนขอร้องหรือรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนกระทำ
เธอมองสองคนที่ยืนพะเน้าพะนอห่วงใยกันด้วยความเกลียดชังที่มากล้นอยู่ในอก
“พานายแกกลับไป!”
ทัศน์เทพโยนผู้หญิงที่เขาลากตัวมาให้กับบอดี้การ์ดเธอ
“ไม่ต้อง!”
เธอรีบสั่งห้ามลูกน้องที่หมายจะเข้าไปสั่งสอนทัศน์เทพที่เสียมารยาทกับนายหญิงของเขา
“กลับ!”
เคโกะสั่งลูกน้องเสียงแข็ง พร้อมก้าวขึ้นรถหรูด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ความแค้นของเธอกับผู้หญิงคนนั้นจะถูกสลักลึกในก้นบึ้งของหัวใจ กล้าทำเธอเสียหน้า กล้าทำให้คนที่ครั้งหนึ่งเคยหลงเธอไล่เหมือน กับหมูกับหมา อย่าได้คิดว่าจะมีชีวิตสุขสบายอีกต่อไปเลย!
[End part]
“เจ็บมากไหม”
ฉันสะดุ้งพร้อมสูดปากไร้เสียงเล็กน้อยเมื่อคุณเพลิงกัลป์จับมือฉันที่กุมรอยตรงที่โดนบีบเมื่อกี้ออก สายตาเขามองที่รอยแดงช้ำที่ยังเหลือร่องรอยนิ้วทั้งห้าไว้ด้วยแววตาหลากหลายอารมณ์
แต่สิ่งที่ฉันเห็นชัดเจนเลยคือสันกรามของเขาที่เกร็งและเสียงขบกัดฟันที่ดังออกมาเบา ๆ
“หนูไม่เจ็บค่ะ”
แม้จะเจ็บแค่ไหนแต่ฉันเห็นแววตาวาวโรจน์ที่สุมไปด้วยเพลิงโทสะนั้นแล้วไม่กล้าบอกความจริงออกไป
“โอ๊ย!”
“ไหนบอกไม่เจ็บ” เสียงเขาดุกลับมาแต่ไม่ได้จริงจังเท่าที่ควร
“ก็คุณเพลิงกัลป์โดนแผล” นอกจากแขนจะเขียวช้ำแล้ว ยังมีรอยเล็บยาว ๆ ของผู้หญิงคนเมื่อกี้จิดลงมาแทบจะทุกเล็บของเธอ
“นายครับ” เฮียเทพกลับมาแล้ว เขาเดินมาถึงก็ยืนค้อมหัวค้างอยู่แบบนั้นเหมือนรออะไรสักอย่าง
“ไม่ใช่ความผิดมึง” คุณเพลิงกัลป์ตวัดสายตามองลูกน้องเขา ด้านหลังมีคุณเทชิยืนทำท่าคล้ายกับเฮียเทพอยู่เช่นกัน
“พวกเราบกพร่องในหน้าที่ทำคุณฟางเซียนได้รับบาดเจ็บ นายสั่งลงโทษพวกเราเถอะครับ” เฮียเทพเอ่ยบอกเสียงหนักแน่น
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
พวกเขาทำเหมือนว่าเป็นต้นเหตุให้ฉันเจ็บตัวงั้นแหละ
“คุณทัศน์เทพกับคุณเทชิไม่เกี่ยวนะคะ” รีบส่งเสียงออกไป
ภาพเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลผุดขึ้นมาจนทำฉันสั่น ไม่อยากให้ใครโดนทำร้ายเพราะฉันอีกแล้ว!
“ใจเย็น ๆ” มือหนาลูบไหล่ฉันแผ่วเบา
“คะ...คุณเพลิงกัลป์ ฮึก จะไม่ทำร้ายทั้งสองคนใช่ไหมคะ”
ฉันกลัว ฉันเกลียดความรุนแรง
“ห้ามร้อง เป็นผู้หญิงของบ้านหลังนี้ห้ามร้องไห้เด็ดขาด” ยิ่งเขาห้ามความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ก็ยิ่งผุดออกมา น้ำตามันรื้นที่ขอบตา จนกระทั่งสมองที่แสนเชื่องช้าจะประมวลคำพูดเมื่อกี้ของเขาอีกครั้ง
‘ผู้หญิงของบ้านหลังนี้?’
เขาคงไม่ได้หมายความอย่างที่เฮียเทพบอกกับเธอคนนั้นไปใช่ไหม
“เก่งมาก”
มือหนาที่แสนอบอุ่นวางลงบนหัวฉันพร้อมกับลูบไปมาเบา ๆ ที่ฉันหยุดร้องไห้เพราะมัวแต่คิดเรื่องสถานะที่เขายัดเยียดให้นั่นแหละ
“เมื่อกี้คุณบอกว่า...” คำพูดฉันถูกหยุดไว้เพียงแค่เขาเบนสายตาขึ้นมาสบตาฉันแล้วค้างมันไว้แบบนั้น
“ต่อไปเธอคือผู้หญิงของบ้านหลังนี้ เป็นผู้หญิงของฉัน แล้วจะไม่มีใครกล้าทำอันตรายเธอ” ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ จ้องลึกเขาไปในนัยน์ตาคู่คมนั้นของเขาเพื่อมองหาความผิดปกติแต่ก็ไม่เจอ ในสายตาคู่นั้นของเขามีเพียงแค่เงาของฉันที่สะท้อนอยู่
“พวกมึงไปสั่งทุกคน ต่อไปถ้าตระกูลนั้นมาที่นี่ ต้องได้รับคำอนุญาตจากฉันเท่านั้นถึงเข้ามาได้” ทั้งเฮียเทพและคุณเทชิรีบรับคำสั่งแล้วเดินออกไปทันที
“เข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวฉันทำแผลให้”
ไหล่ฉันถูกโอบด้วยวงแขนแกร่งอย่างนุ่มนวล ฉันเดินตามแรงนำพาของเขาพร้อมความคิดที่สับสน ที่เขาบอกให้ฉันเป็นผู้หญิงของเขาจะหมายถึงค่าตอบแทนที่ครั้งหนึ่งเขาบอกไว้หรือเปล่า แต่เขาพูดเองนี่ว่าไม่ได้หมายความถึงเรื่องบนเตียง
“เป็นอะไร”
“คะ...คะ!?”
“เห็นหน้าแดง หรือว่าแผลอักเสบ?”
ฉันรีบส่ายหัวไปมาบอกเขาด้วยความเงียบว่าไม่ใช่อย่างที่คิด แค่โดนเล็บจิก ไม่ได้ถูกแทงถูกยิงสักหน่อยจะได้เป็นไข้เพราะผิดบาดแผล
“ถ้าคิดมากเรื่องที่ฉันพูดมันไม่มีอะไรมากหรอก ฉันแค่เห็นไอ้เทพบอกกับเคโกะไปแบบนั้นเลยสวมรอยตาม”
อ้อ! ที่แท้ก็แบบนี้ ค่อยสบายใจหน่อย
แต่ทำไมพอรู้ความจริงไม่ใช่อย่างที่ตัวเองเข้าใจในตอนแรกถึงหน่วง ๆ ตกนี้นะ
“เป็นอะไรอีก”
“คะ? เปล่าค่ะ” นี่เราเป็นอะไรไป ทำไมเดี๋ยวก็ดีใจ เดี๋ยวก็เจ็บหน่วง เหมือนคนเป็นบ้าเลย
“มึงจะโทร.มาทำไม กูยุ่งอยู่”
คุณเพลิงกัลป์คุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้สองมือเขากำลังใช้จุ่มยาทำแผลให้ฉัน ทำให้หน้าที่ถือโทรศัพท์จ่อที่หูเขาเป็นฉันที่มืออีกข้างไม่ได้เป็นอะไรแทน
“คืนนี้กูไปหา” สายตาคมตวัดมองฉันก่อนขยับปากที่พออ่านใจความว่า ‘วางเลย’ ออกมา
“ยังเจ็บอยู่ไหม”
พอฉันวางสายแทนเขาไปแล้ว อีกคนค่อยนั่งทำแผลให้ฉันถนัดหน่อย
“ไม่ค่ะ”
“อย่าโกหก”
อา... โดนจับได้ซะงั้น
“นิดหน่อยค่ะ” ก็ไม่ได้เจ็บอะไรมาก
ตอนนี้ตรงที่โดนบีบก็เริ่มคลายตัวเลือดหมุนเวียนแล้ว จะมีจี๊ด ๆ ก็ตรงแผลที่โดนเล็บจิกนั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นทนไม่ไหวอะไร เป็นเขาเองนั่นแหละที่กังวลไปเกินกว่าเหตุ
“ต่อไปห้ามเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนั้นตัวต่อตัวเด็ดขาด!”
คุณเพลิงกัลป์สั่งเสียงแข็ง ฉันมีคำถามอยากถามเขามากมายเกี่ยวกับเธอแต่ไม่กล้า
“มีอะไรจะถามก็ถามมา”
แต่เหมือนอีกคนจะเดาท่าทีฉันออกเลยอนุญาต
“เธอเป็นแฟนเก่าคุณเพลิงกัลป์เหรอคะ”
จะดูเสียมารยาทไปหรือเปล่านะ
“ฉันไม่เคยมีแฟน” คำตอบของเขาทำฉันตาเบิกกว้าง
“ไม่เชื่อ?”
“...” เผลอหลัดพยักหน้าไปแล้วทำยังไงดี
“ที่จริงฉันกับเคโกะเคยออกเดตกันมาก่อน”
ออกเดตกันแต่ไม่ใช่แฟน? ฟังดูย้อนแย้งจัง
“แค่เรื่องของธุรกิจ ฉันไม่เคยคิดกับเคโกะเกินคำว่าผู้ร่วมการค้า”
“แต่ท่าทางของผู้หญิงคนนั้นดูไม่เหมือนที่คุณเพลิงกัลป์เล่าเลยนะคะ”
โอ๊ยยยย อยากตบปากตัวเองให้เลือดกลบปาก ทำไมถึงได้กล้าย้อนเขาแบบนั้นกันนะ
“หึ! หึงเหรอ”
หะ...หึง?
ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อยจะมามีอาการแบบนั้นได้อย่างไร
“เพราะเคโกะแสดงว่าเป็นเจ้าของฉันสินะเธอเลยคิดว่าฉันโกหก”
“ไม่ใช่นะคะ! หนูไม่ได้บอกว่าคุณโกหก” รีบโบกไม้โบกมือส่ายหน้าไปมาสำทับคำพูด แต่สิ่งที่ได้กลับมานี่สิ ทำฉันเอียงคอมองหน้าเขาอย่างงง ๆ
“ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะสั่งลงโทษเธอหรอก”
เสียงเขาติดตลกหลายส่วน แถมยังคลี่ยิ้มบาง ๆ ให้ฉันเห็นอีก
“กลับห้องเถอะ เดี๋ยวฉันให้แม่บ้านเอายาแก้อักเสบขึ้นไปให้กิน”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“กันไว้ดีกว่าแก้ คืนนี้ฉันอาจจะไม่ได้กลับมาค้างที่นี่ด้วย”
“...” ทำไมพอเขาบอกว่าจะไม่กลับมาค้างที่นี่
ไอ้คำพูดที่เขาปฏิเสธความสัมพันธ์คุณเคโกะก็ฟังดูเหมือนหลอก ลวงขึ้นมาทันที
“คิดอะไรอีกแล้ว หืม?” ใบหน้าคมเข้มหันมาสบตากับฉัน เราอยู่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งคืบ แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าเขาช่างอยู่ไกลเกินเอื้อมถึงขนาดนี้
“เปล่าค่ะ หนูปวดแผล” แล้วทำไมต้องทำเสียงงี่เง่าแบบนั้นออกไปด้วยนะ
“งั้นกลับห้องไปพักเถอะ ยาถึงแล้วก็กินเลยนะ” ฉันทำเพียงแค่ไหว้ขอบคุณแล้วลุกขึ้นเดินออกมา ทว่ายังไม่ทันจะถึงหน้าประตู คำพูดประโยคนี้ก็ทำให้ฉันกลับมาใจเต้นแรงอีกครั้ง
“ต่อไปห้ามเรียกฉันว่าคุณเพลิงกัลป์”
“...”
“ให้เรียกฉันว่า ‘เฮียเพลิง’ เพราะเธอเป็นผู้หญิงของเจ้าบ้านหลังนี้แล้ว”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
เบา ๆ สิ เจ้าก้อนเนื้อ เดี๋ยวจะมีใครได้ยินแล้วล้อเอานะว่าแอบใจเต้นแรงอยู่
“ฟางเซียน!” พอฉันเงียบไม่ตกปากรับคำเขาก็เรียกชื่อฉันอีกครั้ง
“ลองเรียกสักครั้งสิ”
เฮือก!
ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดข้างแก้ม เขามายืนซ้อนอยู่ด้านหลังฉันตั้ง แต่ตอนไหน?
“เรียกสิ ฉันอยากได้ยิน” ยิ่งเขาขยับปากพูด ลมหายใจอุ่น ๆ ปนร้อนยิ่งทำฉันสยิวไปทั่วสรรพางค์กาย ปากบางค่อย ๆ ขยับอย่างยากลำบากเพราะมันเกร็งไปทั้งตัว
“เรียกสิ” เสียงทุ้มรื่นหูดังขึ้นอีกครั้ง
ฉันหลับตาปี๋ก่อนจะรวบรวมความกล้าทั้งหมดขยับปากพูดออกไป
“ฮะ...เฮียเพลิง” พูดออกไปแล้ว และหัวใจก็เต้นแรงมากด้วย
“ดีมาก กลับไปพักเถอะ” ไม่รีรอให้เขาสั่งรอบที่สองสามสี่ รีบจับลูกบิดประตูเปิดออกมา แล้ววิ่งขึ้นชั้นสี่ทันที
ปึง!
เสียงประตูห้องนอนดังสนั่น เหมือน ๆ กับเสียงหัวใจฉันที่เต้นแรงจนมันแทบจะกระเด็นออกมา
ตุ้บ!
ทิ้งตัวนอนคว่ำหน้าลงบนที่นอนนุ่มนิ่ม ซุกหน้าถูไถไปมาบนผ้าปูที่นอนจนมันยับยู่ยี่
“เฮียเพลิง” จู่ ๆ ปากก็ขยับออกเสียงเป็นชื่อนั้นเอง ใบหน้าร้อนผ่าวจนกลัวจะลุกเป็นไฟเลยตัดสินใจวิ่งเข้าห้องน้ำวักน้ำเย็น ๆ ล้างหน้าหวังช่วยลดความร้อนผ่าวบนใบหน้านั้น
“เราเป็นโรคหัวใจหรือเปล่านะ”
ยกมือกุมหน้าอกตัวเองพร้อมถามร่างเงาที่สะท้อนกระจกใสตรง หน้าราวคนบ้า ถ้ามีที่ปรึกษาเรื่องพวกนี้คงดีไม่น้อยนะฟางเซียน
Special Part
แก้วใสทรงเตี้ยถูกมือหนาถือไว้แล้ววนเบา ๆ เพื่อให้รสชาติของแอลกอฮอล์กับน้ำแข็งหนึ่งก้อนซึมซับกันและกันก่อนจะกระดกลงคอราวดื่มน้ำเปล่า
“ได้ข่าววันนี้มีเรื่องดี ๆ”
ร่างกำยำ ผมสีทอง ใบหน้าดุดันแต่หล่อเหลาไม่แพ้คนที่เพิ่งกระดกน้ำเมาเอ่ยถามอย่างอมยิ้ม
“ข่าวดีอะไร” กันตพลขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าเพื่อนสนิทที่อายุห่างกันสี่ปี แถมดีกรียังเป็นถึงเจ้าของสถานที่บันเทิงเริงรมย์ที่เขากำลังนั่งอยู่
“เรื่องผู้หญิงของมึง”
เกือบไปแล้ว! เมื่อกี้เกือบสำลักน้ำเมาให้เสียฟอร์มแล้วไหมล่ะ
“ใครบอกมึง”
แม้ตนเองจะอายุน้อยกว่าเขาถึงสี่ปี ทว่าทั้งสองคนกลับไม่เคยผิดใจกันเพียงเพราะสรรพนามที่เรียกขานกันสักครั้ง
คบกันทำไมต้องสนใจเรื่องพวกนั้นด้วย ตบหัวแล้วลูบหลังแบบนั้นสิ น่ากลัวกว่า...
“มึงไม่ต้องถามหาแพะ” เรื่องอะไรจะบอกให้โง่ ขืนบอกวันนี้ วันหลังก็ไม่มีคนคาบข่าวดี ๆ มาบอกสิ!
“ไม่มีอะไรในกอไผ่ ก็แค่ตามน้ำไอ้เทพไปเท่านั้น”
คนปากแข็งยังวางมาดปากหนัก แต่คิดเหรอว่าคนที่ประสบการณ์เยอะกว่าอย่างเขาจะดูไม่ออกว่าอันไหนกันตพลพูดจริง อันไหนแค่เล่น ๆ
“งั้นเหรอ? ได้ข่าวว่าเด็กด้วยนี่ สเปกกูเลย”
ตุ้บ!
เสียงแก้ววางกระทบพื้นอย่างแรง ดวงตาดุตวัดมองเพียงผ่าน ๆ ก่อนจะเก๊กท่าวางมาดดังเก่าเมื่อรู้ตัวว่าเมื่อกี้เก็บอาหารหึงหวงไม่อยู่
“เสียใจด้วย ยัยนั่นรับปากกูแล้วจะไม่คบใครตอนนี้”
น่าตบกะโหลกให้หัวหมุนสักที ท่าทีเก๊ก ๆ นั่น จะได้หลุดออกจากร่างไป ทำเย็นชากับผู้หญิงที่ผ่านมาเป็นสิบเป็นร้อยเขายังมองออก แล้วทำไมตอนนี้จะไม่รู้ว่าไอ้หน้าอ่อนอายุสามสิบห้า คิดยังไงกับคนที่อยู่ในหัวข้อสนทนานี้
“กูรอได้”
กันตพลคิ้วกระตุกยิก ๆ
นี่ไอ้เฮียวิชญ์ตั้งใจจะต้อนให้จนมุมเลยใช่ไหม?
“ที่เรียกกูออกมามีแค่นี้?”
เริ่มจะไม่อยากอยู่ตรงนี้นาน ๆ แล้ว ถ้าขืนอยู่ต่อไอ้เพื่อนที่เป็นรุ่นพี่ต้องคาดคั้นจนเขาทนไม่ไหววางไม้วางมวยแน่ ๆ นิสัยเสียอีกอย่างของกันตพลที่ไม่มีใครรู้นอกจากคนสนิทคือ ‘เมาแล้วชอบใช้กำลัง’
ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนที่ยังไม่ได้หนีบสาวแปลกหน้าคนนี้กลับมา เขาก็จะใช้กำลังบนเตียงกับสาว ๆ หากแต่ไม่ใช่กำลังตบตีใด ๆ เป็นกำลัง ช้างสาร ความอึด ความทน ของเขานั่นเอง แต่นาทีนี้ หัวใจดวงเดียวของเขาไม่เหมือนเก่าแล้ว
มาเฟียที่ใคร ๆ ต่างมองว่าเย็นชา เจ้าชู้ ไร้หัวใจ กลับมีความอ่อนไหวให้กับคน ๆ เดียวที่รออยู่ที่เพนต์เฮาส์หลังนั้น
“ก็ไม่” กันตพลหรี่ตามองเฮียวิชญ์ของเขาอย่างคาดคั้นคำตอบ
“มีคนอยากลองของ” ปัณณวิชญ์เอ่ยบอกเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลที่สุดที่เขาไว้ใจได้
“ที่ไหน?” กันตพลกระตุกยิ้มร้ายถาม
เด็กอมมือที่ไหนริอ่านมาลองของกับคนของเขา
“ที่นี่ วันนี้”
“ทำไมไม่รอบอกพรุ่งนี้เลยล่ะ”
อ้าว! ไหงออกเสียงได้ ทั้ง ๆ ที่แค่คิดในใจเท่านั้นเอง
“แล้วควายตัวไหนตัดสายกู”
อา... เขาเป็นควายตัวนั้นที่บอกให้คนน่ารักอย่างขัติมากรตัดสาย
“แล้วเฮียจะเอายังไง”
แม้จะบอกจวนตัว แต่ฝีมือคาราเต้สายดำ เทควันโดสายแดง ไหนจะแม่ไม้มวยไทย เขาชำนาญทุกแขนง ต่อให้ศัตรูมาตอนนี้เป็นสิบถ้าเล่นซึ่ง ๆ หน้าเขาไหวอยู่แล้ว
“เชือดไก่ให้ลิงดู”
ปัณณวิชญ์เองก็ไม่ใช่เจ้าของคลับไก่อ่อน เรื่องต่อสู้เขาก็ไม่เป็นสองรองใคร แม้จะไม่ได้ชำนาญทุกสาย แต่เขาก็ออกไม้ออกหมัดให้คนสลบได้ในหมัดเดียวเช่นกัน
“มีรูปไหม?” กันตพลกระตุกยิ้มอย่างสนุกอีกครั้ง
วันนี้จะได้ยืดเส้นยืดสายสักที ตั้งแต่มีขัติมากรมาอยู่ด้วย เรื่องสนุก ๆ กระทืบคนแบบนี้เขาแทบไม่ได้ทำนานแล้ว กระดาษอาร์ตขนาดเท่าฝ่ามือถูก ปัณณวิชญ์วางไว้สองแผ่น กันตพลหยิบมันขึ้นมาดูทีละแผ่นก่อนจะคิ้วขมวดมุ่น ใบหน้าพวกนี้ดูยังไงก็ไม่ใช่คนไทยล้านเปอร์เซ็นต์
“ยากูซ่า?” เขาเห็นรอยสักเต็มแขนของผู้ชายคนหนึ่งเลยถามเพื่อนดู
“สนุกไหมล่ะ” ปัณณวิชญ์แย้มยิ้มขึ้น ทิ้งหลังพิงโซฟาตัวยาวมองรุ่นน้องที่กำลังคลี่ยิ้มเย็นยะเยือกให้เขาเห็น
“กูว่ามันแปลก ๆ” กันตพลที่ชาญฉลาดเปรยขึ้นเบา ๆ
“กูก็ว่ามีเงื่อนงำ” ปัณณวิชญ์เสริม
เดิมที่ YN-CLUB ของเขาใคร ๆ ก็รู้ว่ามีเจ้าถิ่นอย่างแก๊งของกันตพลคุมอยู่ วัน ๆ เลยเปิดกิจการราบรื่นไม่มีอันธพาลที่ไหนกล้ากระตุกหนวดเสือ ทว่าวันนี้จู่ ๆ แก๊งแรกที่คิดลองดีกลับไม่ใช่คนในประเทศนี่สิ
“วันนี้เคโกะมา” กันตพลพยายามเรียงลำดับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันให้เพื่อนฟัง
“แถมวันนี้ถูกกูฉีกหน้าอย่างหนัก” สองมือหนาประกบกันก่อนจะจรดปลายนิ้วลงบนริมฝีปากทำท่า ทางครุ่นคิด
“ถ้าจะบอกว่ายัยนั่นสั่งกูว่าไม่ใช่”
แม้เคโกะจะใจร้อน เอาแต่ใจ แต่เธอไม่เคยระรานคนอื่น หากคับแค้นใจใครก็จะเล่นงานคนนั้นโดยตรง ถ้าคนที่จะโดนวันนี้น่าจะเป็นกาสิโนของเขามากกว่าคลับของรุ่นพี่คนนี้
“อาจจะมีมือที่สาม?” ปัณณวิชญ์ออกความเห็น ทั้งคู่จ้องตากันก่อนที่กันตพลจะเป็นฝ่ายพยักหน้าเมื่อความคิดนั้นตรงกัน
“ลูกน้องเธอ” ต้องเป็นคนที่มีเรื่องกับเขาแน่ ๆ
หมอนั่นอาจจะคับแค้นใจที่ทำอะไรเขาไม่ได้ แต่ไม่กล้าลงมือกับเขาโดยตรงเพราะกลัวนายหญิงจะสั่งลงโทษเลยหันมาเอาคืนเพื่อนตนเองแทนโดยยืมมือคนอื่น
หากคลับของปัณณวิชญ์เกิดเรื่อง กันตพลที่เป็นเพื่อนรักเพื่อนตายต้องยื่นมือมาช่วยแน่นอน และหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันกันตพลได้รับบาดเจ็บก็จะกลายเป็นผลพลอยได้ของคนที่สร้างเรื่องขึ้นมา นายหญิงก็จับมือเขาดมไม่ได้ แถมยังได้แก้แค้นอีก สะใจคนคิดแผนนี้แน่นอน
“งั้นหน้าที่คุ้มกันคลับ กูมอบให้มึงจัดการ”
สองขายาว ๆ ตวัดขึ้นพาดกับโซฟาในแนวนอน สองมือไขว่ประสานไว้ท้ายทอย กระดิกปลายเท้าดิ๊ก ๆ อย่างมีความสุข
“ชอบให้ผมมือเปื้อนเลือดตลอดเลยนะเฮีย”
คำกล่าวสุภาพแบบนี้ช่างขัดกับสีหน้าที่แสดงออกจริง ๆ เขี้ยวเสน่ห์ปรากฏผ่านรอยยิ้มที่น่าเสียวไส้หากคนอื่นมองมันในนาทีนี้
แก้วใบเดิมถูกเติมด้วยน้ำสีอำพันค่อนแก้วอีกครั้งแล้วกระดกลงคอจนบาดแสบไปหมด แวบหนึ่งเขากลับคิดถึงใบหน้าสวยของสาวน้อยของเขาจนต้องยกมือถือขึ้นมาดูเวลา
อืม... แค่สี่ทุ่ม คงยังไม่นอนมั้ง เมื่อนึกได้เช่นนั้นเขาเลยเดินออกมาจากห้องนั้นโดยไม่สนใจสายตาของปัณณวิชญ์ที่มองอย่างจับผิด
“หึ! สงสัยคนนี้จะใช่”
ร่างสูงที่นอนราบบนเบาะโซฟาสบถเสียงเบาให้พอได้ยินคนเดียว ก่อนจะหลับเปลือกตาลง รอคอยเวลาที่เพื่อนรักรุ่นน้องจะเชือดไก่ให้ลิงดู