Chapter 07

3268 Words
ทางด้านขัติมากรที่นอนไม่หลับเพราะภาพของผู้หญิงที่ชื่อเคโกะปรากฏขึ้นมาหลอกหลอนเธอตั้งแต่หัวค่ำแล้ว หนำซ้ำผู้มีพระคุณยังบอกไม่กลับมาค้างที่นี่ ทั้ง ๆ ที่ปกติไม่เคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นสักวัน สิ่งที่สมองน้อย ๆ คิดได้ตอนนี้มีเพียง... คุณเพลิงกัลป์ของเธอโกหกว่าไม่ได้คบกับคนสวยคนนั้น และผู้หญิงคนนั้นพูดจริงเรื่องที่เธอเป็นแฟนเขา ครืด~ คนยิ่งเครียด ๆ อะไรมาสั่นให้รำคาญก็ไม่รู้ ทว่าพอนึกได้ว่าเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ได้มาหมาด ๆ แต่ยังไม่เคยได้ใช้งานจริงสักครั้งสั่น จึงรีบกุลีกุจอหาเจ้าตัวต้นเหตุว่ามันสั่นอยู่ตรงไหนแล้วหยิบขึ้นมาดู มุมปากที่เคยคว่ำเบะบัดนี้เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์หราเด่นอยู่หน้าจอ “สวัสดีค่ะ” กรอกเสียงหวานออกไป [ยังไม่นอน?] ทั้ง ๆ ที่มีคำพูดมากมายให้กล่าวทักทาย แต่กลับใช้น้ำเสียงราบ เรียบกล่าวถามในสิ่งที่ไม่น่าถาม “กำลังจะนอนค่ะ” อีกคนก็ช่างปากแข็ง เมื่อกี้ยังนอนเกลือกกลิ้งไปมาเพราะมัวแต่คิดมากเรื่องเขาอยู่เลย [อืม งั้นก็นอนเถอะ] ขัติมากรขมวดคิ้วสงสัยในตัวคนโทร.มาว่าต้องการถามเพียงแค่นี้จริงเหรอ สุดท้ายจึงตัดสินใจชวนเขาคุยเพราะกลัวอีกคนจะวาง “คุณเพลิงกัลป์อยู่ไหนคะ” เขาจะว่าเราจู้จี้ไหมนะ [มีอะไร] แม้อีกฝ่ายจะแอบอมยิ้มที่อีกคนกล้าถามเขาแบบนั้นแต่ต้องเก๊กเสียงให้ดูแข็งเข้าไว้เพราะตรงนี้ไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัว เกิดมีใครเดินผ่านไปผ่านมาแล้วได้ยินเขาทำเสียงอ่อนเสียงอ้อนจะโดนล้อเอาได้ “ปะ… เปล่าค่ะ” เล่นตอบมาแบบนั้นใครจะกล้าเซ้าซี้ต่อล่ะ [วันนี้เป็นเด็กดีมาก] ทว่าคำชมที่แสนธรรมดากลับทำหัวใจสาวน้อยพองโตขึ้นอีกครั้ง แม้จะไม่รู้ว่าเขาชมด้วยสาเหตุอะไรก็เถอะ [ต่อไปถ้าฉันโทร.หาอีกก็ให้รับสายแบบนี้ เข้าใจนะ] ขัติมากรพยักหน้ารับคำราวกับอีกฝ่ายเห็นสิ่งที่ทำ [ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนแต่เช้า] ดวงตาเรียวเบิกโตขึ้น นี่เธอลืมไปเลยนะว่าเข้าเรียนมหาลัยแล้ว อีกอย่าง... นึกว่าคุณเพลิงกัลป์จะไม่ให้เธอไปเรียนต่อแล้วเสียอีก [เดี๋ยว! อย่าเพิ่งวาง] มือน้อย ๆ ที่เอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูได้นิดเดียวก็ต้องนำมันแนบกลับมาที่เดิมอีกครั้งเมื่อเสียงทุ้มสั่ง [เมื่อกี้เรียกฉันว่าอะไรนะ] แย่แล้วสิ! ทำยังไงดี ลืมสนิทเลยว่าทำข้อตกลงอีกอย่างไว้และดันทำผิดกฎเสียได้ [ให้โอกาสเรียกใหม่] เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบ กันตพลก็แกล้งทำเสียงขุ่นให้เด็กตกใจเล่น “ฮะ… เฮีย เพลิง” กว่าจะเปล่งเสียงออกมาได้มันช่างยากนัก ไม่ใช่รังเกียจ หากแต่เป็นอาการหัวใจเต้นแรง ใบหน้าแดงก่ำ ที่ภาษาคนทั่วไปเรียกอาการนี้ว่า ‘เขิน’ [ดีมาก ต่อไปถ้าเรียกฉันเหมือนเดิมอีกจะต้องถูกลงโทษ] น้ำเสียงเขาจริงจังมาก แบบนี้คงต้องระวังให้มากกว่านี้ ไหนจะบทลงโทษที่ไม่พูดออกมาให้จบว่าคืออะไรนั้นอีก แบบนี้ยิ่งเพิ่มความน่ากลัวให้เธอเป็นเท่าตัวเลย [นอนเถอะ ถ้าฝันร้ายอีก อย่าลืมความทรงจำใหม่ที่ฉันมอบให้ล่ะ] สายถูกตัดไปแล้ว แต่ทำไมเธอยังแนบหูกับโทรศัพท์ไว้ดังเดิมแบบนั้น อา... ก็เพราะหัวใจมันเต้นรัว แถมร่างกายยังแข็งทื่อไปหมดเมื่อนึกถึงความรู้สึกที่เขาเคยกระทำไว้เมื่อครั้งยังไม่นาน มือข้างขวาถูกยกขึ้นมาระดับอก ดวงตาคู่สวยมองมือข้างนั้นพร้อมนึกถึงสัมผัสและความอบอุ่นเมื่อวันวานจากลมหายใจอุ่น ๆ ของผู้มีพระคุณ “คืนนี้หนูต้องฝันดีแน่ค่ะ” อันที่จริงต้องบอกว่าเธอฝันเรื่องเดิม ๆ พวกนั้นเบาลงกว่าเมื่อก่อนมาก เบาที่ว่าคือไม่ได้ฝันทุกวัน ทุกเวลาที่หลับลึก หากแต่มีบ้างในบางคืนที่จิตใจเธอวิตก สวบ... ร่างบางคลานขึ้นบนเตียงจากส่วนปลายเตียง คว้าหมอนข้างมากอดให้อุ่นแล้วเคลิ้มหลับไปตามคำสั่งนั้นทันที กลับมาทางด้านกันตพลที่สั่งลูกน้องทั้งทัศน์เทพและฮาเทชิให้ฟังแผนการปิดประตูตีแมวจากเขา “พวกมึงเปลี่ยนชุด ตีเนียนเป็นลูกค้าที่นี่ หาสาวควงสักคนสองคนจะได้ดูเป็นธรรมชาติหน่อย” เจ้านายออกคำสั่ง ลูกน้องน้อมรับคำ “งานถนัดผมเลยนาย” ทัศน์เทพจอมกะล่อนลูบคางทำหน้าตาหื่นกามขึ้นมาทันที “เราจะใช้โค้ดลับว่ายำตีน” ปัณณวิชญ์เกือบหลุดขำออกมากับโค้ดลับของเพื่อนที่ช่างคิดมาได้ “แล้วมึงล่ะ” เขาถามถึงตัวหัวหน้าใหญ่ในการวางแผนครั้งนี้ “รอเติมรสชาติให้ยำแซ่บถึงทรวง” ฉิบหาย! ไม่น่าให้มันมาช่วยออกหน้าแทนเลย มีหวังงานนี้คนที่คิดร้ายกับคลับตนได้เหลือเพียงชื่อจารึกบนสถานที่แห่งหนึ่งที่ทุกคนบนโลกต้องมีในสักวันแน่ ๆ “แยกย้าย อย่าลืมเครื่องสื่อสารด้วย” แม้จะให้ปลอมตัว แต่ก็ต้องมีการติดต่อกัน ทุกคนเลยต้องมีที่ดักฟังและหูฟังที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ไว้ติดต่อสื่อสารกัน ครั้นวางแผนเสร็จ คนที่จิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวก็เอาแต่มองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ เห็นเวลาเพิ่งผ่านไปแค่ยี่สิบนาที ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ทำไมวันนี้เวลาเดินช้าจังวะ! “ไม่ค่อยออกอาการเลยเนอะ!” ปัณณวิชญ์แหย่ไอ้เสือจอมเย็นชาเล่น แต่เหมือนเขาจะได้ค้อนวงใหญ่กลับมา กลัวที่ไหน ได้หยอกได้แกล้งกันตพลบ้างเขาออกจะมีความสุข “วางบ้างก็ได้มือถือน่ะ” พอปัณณวิชญ์ไม่ล้อแล้วอีกคนก็เอาแต่ควักมือถือมาเปิดดูอะไรไม่รู้ “เสือก!” คำหยาบคายถูกพ่นออกมาอย่างไม่เกรงใจคนที่อายุเยอะกว่า ก่อนที่มือหนาจะพิมพ์ข้อความส่งหาน้องสาวบุญธรรมเพื่อฝากฝังเรื่องบางอย่างในวันพรุ่งนี้ แต่ทว่าพอส่งข้อความไปได้ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ อีกคนก็ตอบกลับมาแบบเหมือนคนแปลกหน้าจนกันตพลคาดโทษเธอไว้ในใจ เปลี่ยนจากพิมพ์แชตคุยเป็นโทร.หาทันที [อุ๊ยตาย! คิดถึงลิลลี่เหรอคะ] หมอลิลณารีบเอ่ยแกล้งพี่ชายทันทีที่กดรับสาย “ห้าแสนต่อหนึ่งชั่วโมง” กันตพลรีบเสนอสิ่งที่น้องสาวเพิ่งพิมพ์แลกเปลี่ยนเมื่อกี้ออกไป [แล้วน้องฟางเซียนเรียนกี่ชั่วโมงคะ] เสียงที่ไพเราะอยู่แล้วถูกดัดให้จริตจะกร้านเพื่อกวนประสาทพี่ชาย “ห้าชั่วโมง” ว้าว! งานนี้เธอรวยเละแน่ แม้จะรวยอยู่แล้วก็เถอะ [นี่คงไม่ใช่แค่เด็กข้างถนนที่บังเอิญเก็บติดมือมาด้วยสินะคะ?] หมอลิลณากระเย้ากระแหย่พี่ชายหมายจะคาดคั้นเอาคำตอบจากคนปากแข็งให้ได้ “ตกลงจะเอาไหม” กันตพลที่รู้นิสัยน้องสาวคนนี้ดีไม่อยากมากความ เขารีบส่งเสียงดุถามออกไป [ไม่เอาก็บ้าแล้วล่ะค่ะลิลลี่จะทำให้เฮียเพลิงสายเปย์สาวหมดตัวคราวนี้แหละ] ก็แค่งานแกล้งปลอมตัวไปเรียนเป็นเพื่อนขัติมากร งานง่าย ๆ สบาย ๆ แค่นี้แถมยังได้ตั้งสองล้านห้าแบบนี้ใครจะไม่เอา “ห้ามบอกว่าฉันสั่ง” แหม ทำเป็นปิดทองหลังพระกับเด็กไปได้ ถ้าฟางเซียนดูไม่ออก ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้วล่ะ [บัญชีเดิม ขอภายในสิบนาที] ยัยแสบ! งานเริ่มพรุ่งนี้เก้าโมงเช้าแต่รีบให้โอนให้เชียวนะ แต่เพื่อผู้หญิงของเขา ทำไมจะไม่ได้ล่ะ [ที่จริงควรบวกค่าชุดนักศึกษา ค่าเมกอัปที่ต้องแต่งให้เด็กที่สุดจะได้ไม่สวยโดดเด่นเกินไปด้วยนะเนี่ย] แค่แกล้งบ่น แต่ไม่นานโทรศัพท์ที่คุยอยู่ก็เกิดสั่นขึ้นมาเพราะมีการแจ้งเตือนเงินจำนวนหนึ่งถูกโอนเข้า หมอลิลณาไม่รอช้า รีบกดเข้าไปดูยอดเงินนั้นทันที มุมปากเธอยกสูงพลางหลุดขำออกมาน้อย ๆ [ใจป๋าขนาดนี้จะได้แตะขาอ่อนเขาไหมน้อ] เป็นผู้หญิงใครสั่งใครสอนให้ย้อนพี่ชายคืนแบบนี้ “ถ้าคิดว่าเยอะก็โอนคืนมา” ถ้าเขามีคนอื่นให้พึ่งพิงได้คงไม่ต้องถึงมือน้องสาวคนนี้หรอก และที่เขาให้เธอตามติดขัติมากรเพราะเดาได้ว่าเคโกะจะไม่จบง่าย ๆ แน่ อย่างน้อยน้องสาวเขาคนนี้ก็มีฝีมือพอตัวเพราะร่วมฝึกกับเขามาหลายปีอยู่ [ขอบคุณนะคะสำหรับเงินสามล้าน พรุ่งนี้ลิลลี่จะดูแลประคบประหงมน้องฟางเซียนชนิดที่ว่าไม่ให้โดนตัวผู้ชายคนไหนเลยค่ะ] ยังจะมาล้อเขาอีก นี่สรุปมีน้องสาวหรือมีน้องชายกันแน่ ทำไมถึงแก่นกะโหลกไม่มีความกุลสตรีในคำพูดคำจาสักนิด ไม่เหมือนฟางเซียนเลย รายนั้นทั้งมารยาทดี ขี้เกรงใจ แถมยังพูดเพราะอีก อา... นี่เผลอคิดถึงคนอยู่บ้านอีกแล้วเหรอเรา “ยำตีนมึงมาแล้ว” ปัณณวิชญ์สะกิดเพื่อนเมื่อเป้าหมายมาถึงแล้ว “พรุ่งนี้แปดโมงเช้าเธอต้องอยู่ที่เพนต์เฮาส์” สั่งเสียงเข้มพร้อมกดตัดสายในเวลาต่อมา สายตาเย็นชาทอประกายความสนุกและเลือดเย็นขึ้นมาทันทีที่เห็นเป้าหมายเริ่มทำเป็นตีสนิทลูกค้าในคลับนี้ คิดจะปล่อยยาสินะ? เดี๋ยวได้ปล่อยแน่ พ่อจะปล่อยให้หนำใจไปเลย! ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว เหล่าหนุ่ม ๆ ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่จัดการคนที่มาลองดีอยู่ก็ได้ตัวคนพวกนั้นมาอย่างง่ายดาย ยากูซ่าสามคนถูกจับมัดมือไขว่หลังบนเก้าอี้ไม้ผุ ๆ ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำเพราะไม่ให้ความร่วมมือและยังปากดี “จะถามเป็นครั้งสุดท้าย ใครส่งพวกมึงมา” หน้าที่สอบถามเป็นของฮาเทชิ หนุ่มญี่ปุ่นแท้ที่ถูกครอบครัววิสุทธิ์กมลเทพเก็บมาเลี้ยงเป็นหลายสิบปีด้วยสำเนียงญี่ปุ่นถิ่นบ้านเกิด แม้จะอยู่ไทยมานาน แต่เขาก็ยังไม่ลืมชาติบ้านเกิดและภาษาถิ่น การสอบถามเค้นหาความจริงเลยเป็นหน้าที่เขาไปโดยปริยาย “ไปตายซะ!” หนึ่งในคนที่เข้ามาลองดีในวายเอ็นคลับเอ่ยกลั้วหัวเราะเป็นภาษาชาติเขา จะตายแล้วยังปากดี! “สรุปเท่าไหร่?” กันตพลที่นั่งไขว่ห้างสูบซิการ์ราคาแพงเหลือบตามองของกลางที่เขายึดได้จากสามคนนี้ “ยี่สิบโลครับนาย” หืม? เฮโรอินเยอะขนาดนี้เอาเข้ามาไม่ได้ง่าย ๆ แน่ ถ้าแบล็กหลังไม่แน่พอ “ยี่สิบโลหารสาม ก็เอาไปคนละหกถึงเจ็ดโลแล้วกัน” คิดจะเอาของนรกพวกนี้มาทำลายชื่อเสียงคลับเพื่อนเขาก็ต้องคืนสนองสักหน่อย “ยะ...อย่าฆ่าผม!” หนึ่งในสามคนที่ผอมแห้งแรงน้อยแถมดูจากแววตาแล้วป๊อดสุด ๆ รีบร้องขอชีวิต “มึงคิดว่ารอดไปได้นายจะเก็บมึงไว้หรือไง?” คนที่ดูท่าทางเย็นชาที่สุดในสามคนนี้พูดข่มขวัญให้เจ้าผอมแห้งเบอร์หนึ่งวิตก “บอกก็ตาย ไม่บอกก็ตาย สนุกจังเลย” คนที่ไล่ฮาเทชิให้ไปตายในครั้งแรกพูดเหมือนตัดพ้อชีวิต สองตัวนี้ไม่มีความเป็นยากูซ่าเอาเสียเลย นิยามของยากูซ่าที่เขารู้จักคือรักศักดิ์ศรีและซื่อสัตย์กับคนเป็นเจ้านายเท่านั้น แม้ตัวจะตายก็ให้ตายไปกับความลับที่เก็บซ่อนไว้ ไม่มานั่งพูดอะไรบั่นทอนจิตใจและร้องกลัวแบบนี้หรอก “จะให้โอกาสอีกครั้ง ใครอยากมีชีวิตต่อบอกมาว่าทำงานให้ใคร” ครั้งนี้กันตพลเป็นคนสอบถามเอง เขา ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้ทุกภาษา เพียงแต่เป็นคนค่อนข้างอารมณ์ร้อน หากให้ง้างปากสามคนนี้มาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงขนาดนี้ พวกนี้คงเหลือแต่ร่างไปแล้ว เจ้าผอมแห้งเบอร์หนึ่งมองซ้ายมองขวาอย่างเลิ่กลั่ก เอายังไงดี หรือจะลองเสี่ยงดู “เฮ้ย!” ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก พี่ใหญ่ที่ดูสุขุมที่สุดก็เริ่มมีฟองออกมาจากปาก ร่างกายกระตุกชักเกร็งจนสิ้นลมหายใจต่อหน้าต่อตาคนเกือบสิบ นี่เป็นวิธีรักษาความลับอีกอย่างของแก๊งพวกเขา หากถูกจับได้และบังคับให้คายความลับจะกัดยาพิษที่ถูกซ่อนไว้ในปากตั้งแต่เข้าปฏิบัติงานในแต่ละครั้งเพื่อปกป้องความลับที่ศัตรูอยากรู้ เมื่อลูกพี่นำ คนที่สองก็ทำตาม จนเหลือเพียงแค่คนที่ผอมแห้งที่สุดที่นั่งตัวสั่นงันงกน้ำหูน้ำตาไหลพรากด้วยความหวาดกลัวขีดสุด “บะ...บอกแล้ว คุณเค...เอือก!” ยังไม่ทันจะคายความลับ กระสุนปริศนาก็พุ่งเข้าหน้าผากเขาอย่างเข้าเป้า ไม่มีแม้เสียงดังบ่งบอกถึงทิศทางของกระสุดนั้น “รอบคอบมาก” กันตพลชื่นชมคนบงการอยู่เบื้องหลังที่วางแผนสำรองไว้อีกชั้นได้อย่างดี “เมื่อกี้เหมือนมันจะออกเสียงเป็น เค?” ปัณณวิชญ์ถามเพื่อนรุ่นน้องที่นั่งนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด “ถ้ามันหมายถึงเคโกะ ไม่น่าใช่” จากการร่วมธุรกิจและคลุกคลีกันมานานเป็นปีทำให้กันตพลพอเดานิสัยสาวสวยแดนปลาดิบคนนั้นออกว่าไม่น่ามีนิสัยลอบกัดแบบนี้ เธอค่อนข้างเป็นคงตรง ๆ เกลียดใครก็แสดงออกว่าเกลียดไปเลย ถ้าหากอยากแก้แค้นเขา ไม่มีทางมาลงกับผับเพื่อนแน่ “ลูกน้องเธอ?” เมื่อกันตพลไม่ตอบ ปัณณวิชญ์ก็พูดถึงคนอื่นต่อ “ไม่ใช่แน่นอนครับคุณวิชญ์ ลูกน้องคุณเคโกะที่มีคุณเพลิงกัลป์มีเรื่องด้วยชื่อ อิชิงะ เอเรียว” ฮาเทชิสืบมาหมดแล้วว่าวันนั้นลูกน้องที่กล้าขวางทางนายเขาเป็นใครมีภูมิลำเนามาจากไหนเลยสามารถตอบปัณณวิชญ์ได้อย่างมั่นอกมั่นใจ “แล้วมึงคิดว่าใคร? มีคนอื่นที่เผลอไปเหยียบหางหรือเปล่า” คำถามของรุ่นพี่ทำอีกคนนั่งคิดทบทวนตัวเอง ตั้งแต่รับขัติมากรมาอยู่ด้วย เขาไม่ค่อยได้ค้าขายเกี่ยวกับงานสีเทาเลยด้วยซ้ำ ที่กินอยู่ทุกวันนี้ก็เงินถุงเงินถังที่ต่อให้ไม่ทำงานก็มีใช้ไปอีกเป็นสิบชาติ แล้วจะเอาเวลาไหนไปเหยียบตีนใครเขาเข้า “กูมอบหน้าที่นี้ให้มึงจัดการ” เขาหันไปสั่งมือซ้ายอย่างฮาเทชิให้สืบต่อ ไม่แน่ลูกน้องเคโกะคนนั้นอาจจะไปยืมมือใครคนอื่นต่อเป็นทอด ๆ ก็ได้ ถ้าอยากรู้ก็ง่ายนิดเดียว เอาศพพวกนี้ออกข่าวให้ดัง ๆ ยิ่งเป็นการตายของคนประเทศอื่นยิ่งทั้งดังและพูดปากต่อปากเยอะ รับรองพวกอยู่เบื้องหลังได้ไฟลนก้นแน่นอน ทว่าพอคิดถึงความวุ่นวายจะตามมาและกลัวคนบางคนจะได้รับลูกหลงไปด้วยกันตพลเลยเปลี่ยนใจ “เอาพวกมันส่งกลับประเทศ ออกหน้าเป็นเจ้าภาพจัดการให้พวกมัน” สิ้นคำสั่ง ร่างที่แน่นิ่งทั้งสามก็ถูกลูกน้องเขาจัดการไม่เหลือซาก ครั้นมองดูเวลาบนข้อมือ ตีสองกว่าแล้ว ทำไมมันเลยเถิดไปถึงเช้าวันใหม่ขนาดนี้ “กลับเลย?” ปัณณวิชญ์เห็นเพื่อนลุกขึ้นยืน จัดเสื้อผ้าให้ดูเรียบ ร้อยจึงเอ่ยถาม “อืม งานเสร็จแล้ว” เขาตอบเพื่อนแบบไม่เหลือเยื่อใย ก็นะ... ในเมื่อเยื่อใยเขาผูกพันอยู่กับอีกคน จะมาหลงเหลือให้เพื่อนทำไมกัน “แล้วปากบอกไม่ใช่” เขาได้ยินที่อีกคนแซว แต่ก็ทำเป็นหูทวนลม ไม่รับซะอย่าง อยากคิดอะไรก็คิดไป เขาไม่ได้อยากป่าวประกาศให้ใครรู้อยู่แล้ว ยิ่งรู้เยอะยิ่งปวดหัว แค่กับยัยตัวแสบน้องสาวเขาคนเดียวก็รับมือยากแล้ว แต่จะว่าไป พรุ่งนี้เธอก็จะไปมหาลัยแล้วนี่นา แบบนี้จะมีพวกหน้าม่อมาเกาะแกะอีกหรือเปล่านะ ชักอยากได้เงินสามล้านคืนแล้วไปดูแลเองกับตาจัง [End part] เมื่อคืนยอมรับเลยว่านอนไม่ค่อยหลับ ในใจมันพะวงไม่รู้ว่าคุณเพลิงกัลป์ไปนอนที่ไหน จะนอนหลับสบายดีหรือเปล่า ถึงเขาจะโทร.มาหาและยืนยันแล้วว่าเขาไปทำธุระไม่ได้ไปหาผู้หญิงที่ชื่อเคโกะนั่นแต่ก็ไม่สบายใจอยู่ดี เฮ้อ! ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หยิบกระเป๋าสะพายบนไหล่ หยิบหนังสือเรียนสำหรับคลาสเรียนวันนี้ขึ้นมากอดไว้แนบอก เดินเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงเปิดประตูออกมา ปึก! เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็เหมือนชนอะไรเข้า “อูยยย!” พอเงยหน้าดูเท่านั้นแหละ ขารีบถอยหลังกรูดแต่คงผิดจังหวะไปหน่อยเลยเกือบหงายหลัง หมับ! แผ่นหลังถูกรับไว้ทันด้วยวงแขนแกร่ง แต่ท่าทางแบบนี้ไม่ค่อยดีต่อหัวใจฉันเลย ใบหน้าเราห่างกันนิดเดียว นิดเดียวจริง ๆ คือถ้าฉันขยับหรือเขาขยับมีสิทธิ์ปลายจมูกชนกันได้ แล้วไหนจะสายตาเขาที่จ้องมองฉันอีก มันทอประกายมากกว่าจะถูกดุ “ขะ...ขอโทษค่ะ” พยายามขยับปากให้เบาและระวังที่สุดเพราะกลัวจะไปโดนริมฝีปากอีกคนที่เหมือนจงใจจะอ่อยฉันอย่างไรอย่างนั้น “ทำไมเดินก้มหน้า?” ก่อนจะถามคำถามกัน คุณเพลิงกัลป์ช่วยพยุงฉันยืนขึ้นดี ๆ ก่อนได้ไหมคะ ยืนกอดกันแบบนี้ฉันรู้สึกใจคอไม่ดีเลย “ทำไรกันน่ะ!?” เสียงเจ้ลิลลี่ดังขึ้น นั่นยิ่งทำให้ฉันตกใจจนเป็นฝ่ายดันอีกคนที่กอดอยู่เพื่อยืนให้มันดี ๆ แต่เหมือนจะเป็นการกระทำที่ผิดพลาดมหันต์ เมื่อริมฝีปากฉันดันไปแตะเบา ๆ กับแก้มของอีกคน กลายเป็นว่าฉันหอมแก้มคุณเพลิงกัลป์ไปแล้ว! “คิดถึงกันขนาดนั้นเลย?” มุมปากที่ยกขึ้นเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จะแยกเขี้ยวใส่ก็ไม่ใช่ ทำฉันรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ “นึกว่าเฮียค้างที่คลับเฮียวิชญ์” เสียงเจ้ลิลลี่ดังใกล้เข้ามามาก แอบเห็นแวบ ๆ ว่าเธอยืนอยู่ด้านหลังคุณเพลิงกัลป์ไปแค่นิดเดียว “หนาวกันเหรอ” เจ้ลิลลี่แซว “พูดมาก!” พี่ชายเธอดุ ฉันนี่หน้าเสียแทนน้องสาวเขาเลยที่ถูกดุไปแบบนั้น แต่ก็ดีที่ตอนนี้ฉันกลับมายืนได้แบบไม่ต้องมีใครโอบกอดไว้แล้ว “เลิกเรียนแล้วกลับบ้านทันทีห้ามเถลไถล” ฉันพยักหน้ารับคำสั่งอย่างว่าง่าย จะให้ฉันไปไหนได้ ในเมื่อคนของเขาเป็นคนไปรับไปส่งฉันอยู่แล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD