EP04 ll เป็นเพื่อนกันก่อน โอเคปะ

1384 Words
สุดท้ายฉันก็ยอมเลยตามเลยมากินข้าวกับเขาจนได้ ดูจากท่าทางแล้วถ้าฉันไม่มาเขาคงไม่เลิกราแน่ๆ และถ้าพวกเรายังต่อปากต่อคำกันมากกว่านี้คงมีมวยกันสักยก เขาพาฉันมาร้านสเต๊กหน้ามหาลัย อาจเพราะคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหน พวกเราเลยมาจบที่นี่ ข้างในร้านตกแต่งด้วยโซฟาสีขาวสะอาด เน้นโทนสีฟ้าน่านั่ง มีนิสิตนักศึกษาประปราย คนร่างสูงขยับเท้าเข้าไปนั่งในโซฟาแล้วหยิบเมนูขึ้นมาด้วยใบหน้านิ่งๆ “เธออยากกินไรอ่ะ” เขาถามขึ้นมาแล้วเลื่อนสายตาขึ้นมามองฉันที่พยายามเก๊กหน้าให้สวยทุกองศา ตอนนี้ก็ยังงงๆ และคงสงสัยอยู่ว่าเขาจะเล่นลูกไม้อะไรรึเปล่า “กินอะไรก็ได้อ่ะ” ฉันตอบแบบผ่านๆ เพราะไม่ได้หิวอะไร ทำให้คนร่างสูงกลอกตาแล้วอมยิ้มนิดๆ “ตะกละว่ะ นี่กินทุกอย่างที่ขวางหน้าใช่ปะ? มิน่าอ้วนเชียว” เขาว่าทำให้ฉันเบ้ปาก คือไง นี่เขาจะหาเรื่องกวนประสาทฉันทุกครั้งที่มีจังหวะเลยใช่มั้ย? ถ้าไม่ได้พูดจาหมาๆ นี่จะกินข้าวไม่อร่อยเหรอ? “อ้วนแต่ก็สวยอ่ะ” ฉันสวนด้วยใบหน้านิ่งๆ พร้อมกับปัดปอยผมหน่อยๆ คิดว่าคำพูดเขาจะทำอะไรฉันได้เหรอ บอกเลยว่าโน! “เหรออออออออออออ” หมอนั่นลากเสียงทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ก่อนที่ฉันจะลอยหน้าลอยตาไม่แคร์ว่าเขาจะเบะปากหรือกลอกตาเพลียที่ฉันพราวในตัวเอง “งั้นก็กินเยอะๆ จะได้อ้วนกว่านี้” “จะกินอะไรเยอะแยะ จะขุนให้เป็นหมูเลยไง?” ฉันย่นคิ้วและนึกสงสัยว่าไอ้คนตรงหน้าแอบมีแผนการชั่วร้ายยังไง ไม่ไว้วางใจเขาเลย “เออ ปีหน้าก็จะได้ไม่ต้องเดินไง กลิ้งเอา สนุกดีออก” เขาว่าแล้วหัวเราะร่าอยู่คนเดียว จ้า พ่อคนตลก เตรียมเดบิวท์เป็นสามช่าเหรอ เล่นมุขไม่เลิก “เออ ก็ดีนะ จะได้กลิ้งทับนายให้ตายไปเลย” ฉันชี้หน้าขู่เขาอย่างหมั่นไส้ เขาเงียบไปขณะที่พนักงานนำน้ำมาเสิร์ฟและเตรียมรับเมนู ในวินาทีที่ฉันหยิบน้ำเปล่าขึ้นมากระดก คนร่างสูงที่นั่งตรงข้ามก็พูดขึ้นมาโดยที่เลื่อนสายตาขึ้นมามองฉันนิ่งๆ ก่อนจะ... “ถ้าเธอมาทับเรามันก็คงมีสองอย่างอ่ะ... ไม่เราตาย ก็เธอท้อง” -30%- พรวด! น้ำพุ่งออกจากปากฉันทันทีที่อีตานั่นพูดจบ! นัยน์ตาฉันเบิกโพลงก่อนจะกะพริบตาปริบๆ รู้สึกเหมือนหูมีปัญหาไปชั่วครู่ เมื่อกี้เขาว่าไงนะ ฉันทำหน้าเหรอหราแล้วขยับใบหน้าเข้าไปใกล้คนร่างสูงอย่างต้องการจะฟังเขาพูดอีกครั้ง “อะไรนะ” ฉันย่นคิ้วแล้วจ้องเขาจนคนร่างสูงใช้นิ้วดันหน้าฉันออกพร้อมไหวไหล่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะหันไปสั่งอาหาร ทิ้งฉันไว้ให้งงกับประโยคเมื่อกี้ เออ เอาเถอะ ฉันจะถือว่าแมลงวันบินผ่านหูไปแล้วกัน! จะได้ไม่ต้องมาคิดเล็กคิดน้อย “กินอะไรอ่ะ สั่งดิ” เขาว่าก่อนจะยื่นเมนูให้ ฉันเลือกๆ ไปมั่วๆ โดยไม่ทันได้มองด้วยซ้ำ พอพนักงานรับออเดอร์ก็เดินไป ปล่อยให้ฉันกับหมอนั่นนั่งจ้องหน้ากันด้วยบรรยากาศแสนอึดอัด ด้วยความที่เราไม่ได้สนิทกันและหมอนั่นก็ออกตัวว่าจะจีบฉันด้วยทำให้ฉันทำตัวไม่ถูก และเหมือนเขาจะสังเกตเห็นเลยเอ่ยขึ้นมา “กินข้าวกับเรามันอึดอัดขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” “ไม่รู้ดิ” ฉันบ่ายเบี่ยงที่จะตอบ “ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นจะอึดอัด” เขาว่าพลางพูดถึงตอนที่ฉันกับเขาเจอหน้ากันครั้งแรกแล้วไปกินกับกลุ่มเพื่อน แต่ตอนนั้นมันก็มีคนอื่นอยู่ด้วยไง แล้วเขาก็ไม่ได้ออกตัวขนาดนี้ปะวะ “เพราะนายออกตัวว่าจะจีบด้วยมั้ง” ฉันพูดตรงๆ ก่อนที่เขาจะตีสีหน้างงๆ แล้วหัวเราะกับสิ่งที่ฉันเอ่ย “แล้วให้ทำไงอ่ะ เป็นเพื่อนกันไปก่อนปะละ?” คนตัวสูงว่าด้วยใบหน้ายิ้มๆ เออ จริงๆ ก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาหรอก ดูถ้าว่าเป็นเพื่อนกับอีตานี่แล้วจะปวดหัวมากขึ้นชอบกล “ก็ดีนะ” ฉันออกความเห็น เขาพยักหน้ารับรู้แล้วย้ำอีกรอบ “ตกลงจะเป็นเพื่อนใช่ปะ?” “เออ เพื่อน” “โอเค” เขาตอบรับดูมีท่าทีเป็นมิตรมากกว่าตอนแรกนิดหน่อยทำให้ฉันเบาใจขึ้น ก่อนที่พนักงานจะถือถาดอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ อีตานั่นก็แผลงฤทธิ์ขึ้นมาอีก... “เฮ้ย มึงจะแดกอะไรเพิ่มปะ กูจะได้สั่งเขาทีเดียว” โอ๊ย! นั่นก็สนิทกันเกิ๊นนนนนนนนนนน! เคยมีมั้ยคำว่าพอดีเนี่ย พูด!!! บอกเลยว่าเพลียมาก กลอกตามองบนสามรอบก็ไม่พอกับสิ่งมีชีวิตที่ชื่อเจ ฉันถอนหายใจประมาณล้านรอบได้ตั้งแต่เจอหน้าเขา ถอนจนหน้าล้ำอายุไปสิบสองปีได้แล้วมั้ง! ฉันยกยิ้มกลับก่อนจะเอาคืนเขาบ้าง ชอบนักใช่มั้ยแบบฮาร์ดคอเนี่ย ได้เลย อีหวานจัดให้! “ไม่แดกอ่ะ มึงอยากแดกก็เชิญ” ฉันพูดด้วยใบหน้านิ่งสงบสยบความกวนตีนเมื่อเขาชะงักไปนิดหน่อย โอ๊ย ฉันไม่เคยพูดจาหยาบคายแบบนี้กับผู้ชายนะ ฉันอุตส่าห์คีปลุคกุลสตรีมาตลอดยี่สิบกว่าปี ไอ้บ้านี่กระตุ้นต่อมปากหมาของฉันได้ไงเนี่ย! คนร่างสูงบอกปฏิเสธพนักงานไปก่อนจะเริ่มหยิบมีดขึ้นมาเตรียมจะจัดการกับสเต๊กตรงหน้า ฉันก็ได้แต่ภาวนาว่าเขาจะไม่เอามีดมาจ้วงฉันข้อหายอกย้อน “รับมุขเราด้วยว่ะ ไม่เบานะเธอเนี่ย สนใจไปเปิดคณะตลกกันหน่อยปะ?” “ตลกไปคนเดียวเหอะ ประสาท” “แน่ะ อยู่ดีๆ ก็มาชมว่าผมเป็นคนตลก เขินนะ” ความหน้าด้านของเขามันสตรองกว่าที่ฉันคิดทำให้ฉันแยกเขี้ยวใส่ในขณะที่กำลังใช้มีดเฉือนสเต๊กไก่ย่างบาร์บีคิวอย่างเมามันส์ในอารมณ์ “ออกจากบ้านนี่ทาแป้งหรือทาปูนเนี่ย หน้าถึงได้ด้านขนาดนี้” “พูดจาไม่ให้เกียตริกันเลยนะ ดูหน้าเราก็รู้แล้วว่าเราหล่อธรรมชาติ ไม่ต้องเสริมเติมแต่ง” เขาแถต่อ ไม่รู้ว่าชาติก่อนนางเกิดเป็นจารบีน้ำมันหล่อลื่นรึเปล่า ด่าอะไรก็แถได้ไหลลื่น ไม่มีสะดุด แถมไม่หยุดกวนประสาท ฉันเงียบ ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเขาก่อนจะยัดสเต๊กเข้าปาก ก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าหล่อ แต่ขอเถอะปากแบบนี้ไม่น่าจะมีชีวิตรอดจนยี่สิบกว่าปีได้เลยนะ น่าจะตายตั้งแต่สองขวบ “เฮ้ย ชื่อผักหวานนี่ใครตั้งอ่ะ” เขาเริ่มบทสนทนาเพื่อทำลายความเงียบ ฉันเลื่อนสายตามามองหน้าคนร่างสูง “แม่มั้ง” ฉันตอบแบบส่งๆ เพราะฉันก็จำไม่ได้อ่ะ อย่าถามว่าทำไมชื่อนี้ ฉันบอกเลยว่าฉันก็ไม่รู้ ไม่เคยสนใจ “แล้วทำไมพ่อไม่ตั้งอ่ะ” “เริ่มกวนตีนอีกแล้วนะ” ฉันจิกสายตาทำให้คนตัวสูงอมยิ้มแล้วก้มหน้าลงไปจิ้มเนื้อไก่ในจานเข้าปาก เขาเงียบไปแปปเดียวก็เริ่มพูดอีก “ปกติ เธอชอบกินไร?” คำถามทั่วไปทำให้ฉันรู้สึกโอเคกับคนร่างสูงมากขึ้น อย่างน้อยเขาก็มีมุมที่เหมือนคนปกติ ไม่หาเรื่องชวนทะเลาะ มันเป็นคำถามที่ตอบยากมากว่าฉันชอบกินอะไร เพราะฉันก็ชอบทุกอย่างที่อร่อยอ่ะ “ก็พื้นๆ อ่ะ กินได้หมด ชอบสุดก็กะเพราหมูสับมั้ง” “เหรอ...” เขาเหล่สายตาไปทางอื่น เขี่ยไก่ในจานก่อนจะค่อยๆ เลื่อนสายตากลับมาโฟกัสที่ฉันพร้อมใบหน้านิ่งๆ แต่แฝงไปด้วยพลังงานบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ “เธอชอบกินกะเพราหมูสับ” “...” “แล้วเธอชอบกินเจมั้ยอ่ะ?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD