EP00 ll Prologue
“หลิน นั่นเพื่อนไอ้เซฟปะวะ ? ” ผมกำลังนั่งอยู่ในผับที่นานๆ จะมาที ไม่ใช่ว่าคนดีอะไรหรอกนะ พอดีว่าทรัพย์ไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้กับไอ้หลิน ไอ้โจ้ ไอ้นับ กระดกแอลกอฮอล์ทีละนิดท่ามกลางเสียงดนตรีดังกระหึ่มระคนกับเสียงฝูงชน แอบกระดิกขาเบาๆ ให้เข้ากับจังหวะ
ผมย่นคิ้วเมื่อสายตาสะดุดกับร่างเล็กหุ่นเอ็กซ์อยู่พอตัวที่กำลังออกเสต็ปไม่ธรรมดาจนพื้นที่บริเวณนั้นถูกเธอจับจองกลายเป็นเวทีเล็กๆ ไม่ใช่ว่าเธอจะเต้นเซ็กซี่รูดเสาจนโดดเด่นหรืออะไรนะ แต่ว่ายัยนั่นกำลังเต้นท่าดึงดาวเหมือนคนเมากาวแบบสุดๆ แถมท่าเต้นแต่ละท่าล้วนชวนเวทนามากกว่าน่ามอง
คือเห็นแล้วกลอกตามองบนวนสามรอบก็ยังไม่หายเพลีย =_=;
“ไหนวะ?” คนตัวเล็กทำหน้างงๆ เมื่อถูกผมสะกิดก่อนจะกวาดสายตามองตามปลายนิ้วชี้ มันย่นคิ้วก่อนจะจ้องนิ่งๆ “เฮ้ย ใช่เหรอวะ ปกติกูเจอที่มอ นางก็นิ่งๆ นะ”
“แต่หน้ามันเหมือนมากเลยนะมึง” ผมตั้งข้อสังเกต ยิ่งเธอยกมือส่ายสะโพกโยกย้ายจนผมเห็นแล้วกลัวตัวจะเคลื่อน ผมยิ่งมั่นใจว่าใช่แน่ๆ แม้แสงไฟจะไม่สว่างมากนัก แต่ลักษณะเบ้าหน้า ท่าทางมันเป๊ะมาก
ผมว่าใช่อ่ะ ล้านเปอร์!
“เออ ก็เหมือนนะ แต่มึงช่วยไปบอกนางให้เต้นเบาๆ ดิ๊ สะโพกจะหลุดมั้ยนั่นน่ะ” ไอ้หลินทำหน้าสะพรึงนิดๆ นี่ขนาดมันเป็นผู้หญิงนะ แล้วผมล่ะ ไม่สะพรึงกว่าเหรอ นี่แหละที่เขาว่ากันว่ากินเหล้าเข้าไปก็เสียหายกันไปหลายแสน
“โหย ไม่เอาอ่ะ กูไม่ยุ่ง” ผมปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องคิดก่อนจะละสายตาและเลิกสนใจไปซะดื้อๆ ก็อยากจะเข้าไปทักให้เป็นมารยาทนะแต่ว่าดูจากสภาพเธอแล้วผมว่าวันนี้เราไม่รู้จักกันละกันนะ บร๊ายส์
เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง พอผมตั้งใจจะไม่ยุ่งเกี่ยว ยัยนั่นก็ดันตาดีและตายยากหันมาป๊ะสายตากับผมแบบโคตรจะบังเอิญ ผมพยายามจะหลบเหลี่ยมหน้าตัวเองไปทางอื่นพลางภาวนาในใจว่า ไม่ อย่าเดินมาทางนี้ อย่า! แต่ว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เธอสาวเท้าฉับๆ เข้ามาไวยิ่งกว่าจรวดก่อนจะยกมือทักทายพร้อมโยกหัวไปตามจังหวะ
“เฮ้ โย่ๆๆๆ”
นั่นไง กูว่าแล้ว…
คนมาใหม่เจ้าของใบหน้าแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นั่นยิ้มกว้างพลางทำท่าประหนึ่งตัวเองเป็นแรพเปอร์ทักทายพวกผม ไอ้หลินชะงักก่อนจะยิ้มกลับพอเป็นมารยาท
“แฟนเซฟ เพื่อนแฟนเซฟ หวัดดี” เธอว่าทำให้ผมแอบเบะปากเบาๆ กับสรรพนามที่ใช้เรียก อาจจะเป็นเพราะพวกไอ้นับกับไอ้โจ้เดินไปเข้าห้องน้ำ ถือว่าเป็นคราวโชคดีของพวกมันที่ไม่มาเจอคุณเธอในสภาพสติไม่เต็ม แต่เป็นคราวเคราะห์ของผมกับไอ้หลินแท้ๆ อยู่ดีไม่ว่าดีก็มีคนมาก่อความไม่สงบเนี่ย =_=;
คือผมพยายามจะคิดว่าเธอคงเมาแค่กรึ่มๆ แล้วรู้สึกอะเลิร์ตกับเสียงเพลง แต่ด้วยท่าทางการออกเสต็ปตลอดเวลาแม้ว่าจะคุยกับพวกผมนั่นก็บ่งบอกได้ดีว่าถ้าเธอกระดกแอลกอฮอล์ไปมากกว่านี้น่าจะนอนเป็นหมาอยู่หน้าเซเว่นที่ไหนสักที่
“ไอ้นี่อ่ะชื่อหลิน เราชื่อเจ ก็ช่วยจำนิดนึงปะ?” ผมหันไปตะโกนแข่งกับเสียงเพลงแล้วแนะนำตัวเองใหม่ให้เธอรู้ ผมยังอุตส่าห์จำชื่อเธอได้เลยนะเว้ย ต่อให้จะเคยเจอกันไม่กี่ครั้ง ผมก็จำได้ว่าเธอชื่อผักหวานเรียนคณะจิตวิทยา แถมปากหมาและไม่ค่อยจะลงรอยกับผมเท่าไหร่
พอผมพูดจบ คนมาใหม่ก็ยืนฟังเหมือนจะเข้าใจแต่ไม่วายโยกไปด้วย จนผมไม่แน่ใจว่าเธอเข้าใจจริงๆ รึเปล่า แต่ก็เอาเถอะ อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา
“เออ มาเต้นกันเปล่า” ยัยนั่นชวนแล้วโยกหัว สักพักก็โยกไหล่ โยกเอว เริ่มทำหน้าลัลล้ากวนประสาท มือไม้ขยับซ้าย ขยับขวา แข้งขาไม่อยู่กับที่ “เต้นๆๆๆๆ”
“ไม่เป็นไร เกรงใจ” ผมยกมือเบรกก่อนจะเบ้หน้าทันทีที่ฝ่ามือเรียวเล็กกระชากแขนผมพยายามดึงให้ผมไปเต้นด้วย คือผมก็เต้นได้นะ แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ไง เข้าใจว่าผมอยากมาชิลๆ มองสงมองสาวไปเรื่อยเปื่อยปะวะ? เธอฉุดกระชากแขนผมอยู่ครู่นึงแต่สู้แรงไม่ได้ก็เลยเลิกและเปลี่ยนแพลนด้วยการถือวิสาสะเข้ามาหยิบแก้วเหล้าผมไปอย่างไม่ขออนุญาตแล้วชูมันขึ้นมาสูงๆ
“งั้นมาชนกัน ชนๆๆๆ ฉลองวันโสดแห่งชาติ เฮ้!”
จะเอาให้ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย!
“แฟนเซฟ ชนๆๆๆ” เธอเริ่มหันไปละลานไอ้หลินเมื่อเห็นว่าผมไม่เล่นด้วย ผมว่าเธอคงกระดกไปหลายเหยือกมากแน่ๆ เลยเป็นได้ถึงขนาดนี้ ไอ้หลินยิ้มแห้งเพราะมันแพ้เหล้า กินมากไม่ได้ กินทีไรมันก็ผื่นขึ้นทุกที
“เฮ้ย เรากินมากไม่ได้ว่ะ เราแพ้เหล้าอ่ะ” มันบ่ายเบี่ยงแต่คนมาใหม่ก็พยายามจะเร้าหรือไอ้หลินต่อ
“ไม่กินจะฟ้องเซฟนะว่าแอบมาเที่ยวอ่ะ” ยัยนั่นขู่จุดอ่อนที่สุดของไอ้หลินนั่นคือยกแฟนมาอ้าง แน่นอนว่าไอ้หลินมันหนีแฟนมันมา ขืนแฟนมันรู้คงหูดับไปสามวันเจ็ดวัน ไม่งั้นก็น่าจะเกิดบรรยากาศอึมครึมกันระยะนึงแน่ ไม่ใช่ว่าแฟนมันห้ามนะ แต่ว่าถ้ามันจะมา แฟนมันต้องมาด้วย
“อ่ะ เออๆ ก็ได้วะ” ไอ้หลินตกปากรับคำอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะยกแก้วขึ้นกระดก ขณะเดียวกับที่ยัยคนขี้เมาพูดขึ้นมาด้วยหน้าตาลัลล้าขยับแขนขาไปด้วยทุกวินาทีจนผมไม่แน่ใจว่าเธอเมาเหล้าหรือเมาก***ากันแน่ ถ้าจะดีดขนาดนี้นะ =_=;
“เราก็แพ้เหมือนกันนะ” เธอเอ่ยขึ้นมาลอยๆ
“แพ้อะไรวะ แพ้เหล้าอะนะ?” ผมย่นคิ้วงงก่อนจะสบตากับยัยคนหน้าหมวยท่ามกลางแสงไฟสลัวๆ บางทีผมก็คิดว่าผมไม่น่าจะไปสอดรู้เรื่องของยัยนี่เลย เพราะพอผมถามจบ เธอก็ปรายสายตากลับมาพร้อมรอยยิ้มคาดเดาไม่ได้และประโยคกำกวมที่ทำเอาผมอยากจะไล่เธอกลับบ้านไปนอนซะเดี๋ยวนั้น
“เปล่า เราแพ้ผู้ชาย”
“…”
“เห็นทีไรคันทุกทีเลย”
เฮ้ย พูดแบบนี้แล้วมองผมคืออะไรคร้าบบบบบบ!
“คันปากอยากจะคุยด้วยอ่ะ คิดอะไรเนี่ย” เธอหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเมื่อเห็นผมทำหน้าเหรอหรา โอ้โห ยัยบ้านี่ไม่ธรรมดานะเนี่ย ร้ายอยู่!
ไม่ทันที่ผมจะตั้งสติยัยคนขี้เมาก็สร้างปัญหาอีกด้วยการพุ่งเข้าใส่ก่อนจะกระชากเสื้อช็อปผมอย่างเอาเป็นเอาตาย! ผมกับไอ้หลินสบตากัน งงเหมือนไก่ตาแตก
“เฮ้ย เป็นบ้าอะไรเนี่ย มาดึงเสื้อเราทำไม” ผมโวยวายก่อนจะยื้อหยุดฉุดแย่งกับคนขี้เมาอยู่ครู่ใหญ่ เธอทำหน้าบู้บี้แล้วตะโกนแข่งกับเสียงเพลง
“ยืมหน่อย มันหนาว”
“เอ้า แล้วใครใช้ให้ใส่สั้นเองวะ” ผมพูดเป็นเชิงตำหนิก่อนจะกวาดสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าในชุดเดรสแขนกุดสีดำสนิท ความยาวเหนือเข่าเผยให้เห็นขาเรียวยาวที่ดูดีเหมาะกับยัยคนขี้เมานี่แบบสุดๆ
แต่ถ้าเธอจะแต่งตัวมาดูดีแล้วมาเต้นท่าบัดซบแบบนี้ก็อย่าเลยดีกว่า ดูขัดกันชอบกล
“จะให้หรือไม่ให้ พูด!” เธอชี้หน้าคาดโทษผมในขณะที่มือข้างหนึ่งดึงเสื้อช็อปผมอยู่ แล้วมันเรื่องอะไรที่ผมต้องเอาให้เธอใส่วะ เมาขนาดนี้จะอ้วกใส่เสื้อผมรึเปล่าก็ไม่รู้
“ไม่!” ผมปฏิเสธเสียงแข็งก่อนที่คนขี้เมาจะยืนหน้าแดงมองผมอย่างเอาเรื่อง
“ได้ ถ้าเจไม่ให้ เรากอดเจแน่!” เธอว่าทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ทำให้ผมสตั๊นไปหลายวินาที
เอ้า ขู่อะไรแบบนี้วะ นี่ผมต้องกลัวมั้ยเนี่ย!