“เฮ้ออ นอนยังไงก็นอนไม่หลับ งืออ ทำยังไงถึงจะได้เจอพี่เค้าอีกเนี่ย”
มิรินพูดขึ้นคนเดียวขณะที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง เพราะหลังจากแยกจากกลุ่มพี่ชายของเธอ มิรินก็มากินข้าวเย็นกับพ่อแม่ตัวเอง ส่วนอคิน ไดม่อน และรามินไม่ได้อยู่กินข้าวด้วยเพราะรีบกลับไปหาเมียของตัวเอง หลังจากกินข้าวอิ่มแล้วมิรินก็ขึ้นมาบนห้องอาบน้ำเตรียมเข้านอน ปกติมิรินจะเป็นคนนอนแต่หัวค่ำหลับง่ายแต่วันนี้เธอกลับนอนไม่หลับเพราะมัวแต่คิดถึงหน้าเจไดและพยายามคิดหาวิธีที่จะตามหาเขาให้เจอกว่าจะหลับได้ก็เล่นเอาซะเกือบเช้านับว่าเป็นครั้งแรกที่เธอนอนดึกแบบนี้ ทางด้านเจไดหลังจากเลิกเรียนก็กลับคอนโดมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าร่างสูงเดินออกมาจากห้องด้วยเชิ้ตสีขาวพับแขนเสื้อขึ้นแล้วขับรถออกจากคอนโดทันทีจนรถสปอร์ตหรูมาจอดยังคลับหนึ่งที่มีบริการผู้หญิงโดยเฉพาะ ด้วยนิสัยที่เจไดเป็นคนไม่ชอบผูกพันกับใครพอถึงเวลาอยากหรือมีอารมณ์ก็เลือกที่จะมาซื้อกินแทนทั้งๆ ที่เขามีหน้าตาหล่อเหลาบวกกับรูปร่างกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่สาวๆ ได้เห็นก็ต่างอยากพลีกายให้กับเขา ซึ่งจริงๆ เขาไม่จำเป็นต้องซื้อกินด้วยซ้ำ แต่ด้วยที่เจไดไม่ชอบมีปัญหาเรื่องตามตอแยทีหลังจึงเลือกซื้อกินมากกว่า แต่ก็นานๆ ครั้งมาทีหรือเรียกได้ว่าเดือนละครั้งด้วยซ้ำแถมการมีอะไรกับผู้หญิงแต่ละครั้งเจไดก็เซฟตัวเองตลอดทั้งเตรียมเครื่องป้องกันมาเองและไม่ยอมจูบ ไม่เล้าโลม เน้นเสียบเสร็จก็กลับและไม่เคยมีรอบสองกับใคร ผู้หญิงคนไหนที่เขาซื้อมาไม่ทำตามข้อตกลงของเขาเจไดก็หยุดทำทันทีโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะอารมณ์ค้างแค่ไหน แต่ส่วนมากผู้หญิงก็มักทำตามข้อตกลงเขาเสมอเพราะแค่เห็นหน้าหล่อๆ ของเขาพวกเธอก็ยอมกันแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า คุณลูกค้าอยากให้น้องๆ มาบริการกี่คนคะ”
เมื่อเจไดก้าวขาเข้ามาในคลับผู้จัดการร้านก็เดินมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม
“คนเดียว”
เจไดตอบกลับสั้นๆ เสียงเรียบ
“ได้ค่ะ คุณลูกค้าเลือกได้เลยนะคะว่าจะเอาน้องคนไหนไปบริการ”
ผู้จัดการพูดกับเจไดด้วยรอยยิ้ม
“ใครว่างก็จัดมาเถอะ”
เจไดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉยชาที่เขาไม่เลือกเพราะไม่ได้สนใจใครอยู่แล้ว แค่อยากมาระบายความใคร่พอเสร็จก็กลับ
“งั้นเชิญคุณลูกค้าไปรอบนห้องก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ให้น้องขึ้นไปหา พาลูกค้าไปบนห้องหน่อย”
ผู้จัดการพูดกับเจไดอย่างสุภาพแล้วสั่งให้พนักงานพาเจไดขึ้นไปบนห้องของคลับ เมื่อคุยกันเสร็จเจไดก็เดินตามพนักงานขึ้นไปบนห้องทันที
“คุณลูกค้ารับเครื่องดื่มมั้ยครับ”
พนักงานเอ่ยถามเจไดทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้ว ส่วนเจไดก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบพนักงานจึงเดินออกจากห้องไปทันที เจไดนั่งรอที่โซฟาสักพักแนนนี่สาวสวยหน้าคมใส่เดรสเกาะอกสั้นสีดำก็เดินเข้ามาในห้อง แนนนี่ถึงกับชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของลูกค้าที่เธอต้องมาบริการเพราะไม่คิดว่าเขาจะหล่อขนาดนี้ ส่วนมากเธอก็เจอแต่ผู้ชายคราวพ่อหรือไม่ก็หน้าตาบ้านๆ เท่านั้น ส่วนเจไดเมื่อเห็นแนนนี่เดินเข้ามาก็มองหน้าเธอด้วยสายตาเย็นชาไม่ได้รู้สึกพิศวาสความสวยของเธอเลยแม้แต่น้อย เมื่อแนนนี่ตั้งสติได้ก็เดินเข้าไปหาเจไดด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า อยากให้แนนนี่บริการแบบไหนคะ แนนนี่จะได้จัดให้ถูกค่ะ”
แนนนี่พูดกับเจไดด้วยรอยยิ้มยั่วยวนแล้วตั้งท่าจะเดินไปนั่งตักเจไดที่นั่งอยู่โซฟาแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจไดดันลุกขึ้นยืนแถมยังถอยหลังหนีเธออีกทำเอาแนนนี่ถึงกับทำหน้างง
“ข้อตกลงของฉันคือฉันไม่อนุญาตให้เธอมาจับร่างกายฉัน เธอมีหน้าที่แค่นอนนิ่งๆ ให้ฉันเอา ถ้าเธอไม่โอเคก็ออกไปแล้วหาคนใหม่เข้ามาแทน”
เจไดพูดกับแนนนี่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาทำเอาเจนนี่ถึงกับตกใจกับข้อเสนอของเขา
“เอ่อ แนนนี่ตกลงค่ะ”
แนนนี่ตอบรับข้อตกลงเจไดอย่างไม่เต็มใจสักเท่าไหร่เพราะเธอนั้นอยากสัมผัสร่างกายเขาแทบใจจะขาดแต่เพราะกลัวจะไม่ได้เอากับเจไดเธอจึงยอมตกลงอย่างน้อยก็ได้มีอะไรกันกับเขา
“ถอดชุดออกแล้วไปนอนบนเตียง”
แนนนี่พยักหน้าแล้วรีบถอดเสื้อออกจนหมดเผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าอันเซ็กซี่จากนั้นก็ไปนอนบนเตียงพร้อมกับทำท่าทางยั่วยวนใส่เจได ส่วนเจไดเมื่อเห็นแนนนี่ถอดชุดออกแล้วก็เดินไปหาเธอที่เตียงแต่ก็ต้องชะงักเมื่ออยู่ดีๆ ดันนึกถึงใบหน้าหวานของเด็กสาวที่ปีนกำแพงกระโดดลงมากอดเขาแถมยังคิดถึงกลิ่นหอมๆ ของตัวเธออีก ทำเอาเจไดถึงกับหมดอารมณ์เมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าข้างหน้าพร้อมกับรู้สึกฉุนกลิ่นน้ำหอมจากตัวแนนนี่ซึ่งปกติเขาไม่ได้สนใจเรื่องกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงเลยสักครั้ง เจไดพยายามข่มใจไม่ให้คิดถึงมิรินแต่ก็ทำไม่ได้จึงถอนหายใจยาวออกมาเฮือกใหญ่แล้วหยิบเงินจากกระเป๋ากางเกงห้าพันวางไว้ปลายเตียงทำเอาแนนนี่ถึงกับงงมากกว่าเดิม
“ฉันไม่มีอารมณ์แล้ว เงินนี่ถือว่าเป็นค่าเสียเวลาเธอแล้วกัน”
พูดจบเจไดก็เดินออกจากห้องไปทันที
“อะไรเนี่ย ไม่มีอารมณ์แล้วจะมาทำไม โอ๊ยย! อุตส่าห์ดีใจจะได้กินคนหล่อ”
แนนนี่พูดขึ้นอย่างอารมณ์เสียเมื่ออดได้กินเจไดจึงได้แต่แต่งตัวแล้วถือเงินเดินออกจากห้องอย่างอารมณ์ไม่ดี ทางด้านเจไดเมื่อออกมาจากคลับแล้วก็ขับรถไปที่ผับตัวเองทันทีไม่นานก็มาถึงผับร่างสูงจึงเดินลงจากรถแล้วเข้าไปในผับตัวเอง
“ไหนบอกจะหยุดพักผ่อนแล้วมึงมาทำไมอีก”
โจเซฟเอ่ยถามน้องชายเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องทำงานก็เห็นเจไดกำลังเดินขึ้นมา
“เรื่องของกู”
เจไดตอบโจเซฟสั้นๆ แล้วเดินเข้าห้องทำงานตัวเองไปทันที ทำเอาโจเซฟได้แต่มองเจไดเดินเข้าห้องไปพร้อมกับส่ายหัวเมื่อน้องชายตัวเองพูดน้อยซะเหลือเกิน
“แม่ง มันกลัวดอกพิกุลจะร่วงรึไง ตอบกูสั้นเหลือเกิน”
โจเซฟบ่นให้เจไดจากนั้นก็เดินลงไปสำรวจความเรียบร้อยด้านล่างของผับ ส่วนเจไดเมื่อเข้ามาในห้องทำงานแล้วร่างสูงก็หยิบเหล้าที่ชั้นวางเครื่องดื่มของตัวเองออกมารินใส่แก้วเพรียวๆ อย่างอารมณ์เสียเมื่อดันคิดถึงหน้ามิรินไม่เลิกได้แต่หงุดหงิดเพราะเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
“ทำไมต้องไปนึกถึงหน้ายัยเด็กดื้อนั่นด้วยวะ”
เจไดบ่นให้ตัวเองเบาๆ แล้วกระดกเหล้าเพรียวเข้าปากตัวเองจนหมดแก้วเพื่อดับอารมณ์ฟุ้งซ่านของตัวเองเรียกได้ว่าวันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาอยากดื่มให้เมาหนักอยากให้ความเมาเป็นตัวช่วยให้เขานอนหลับโดยที่ไม่ต้องคิดถึงหน้ามิริน เจไดดื่มเหล้าเพรียวๆ จนหมดขวดคนเดียวแล้วทิ้งตัวนอนหลับที่โซฟาด้วยความเมาตามความต้องการของตัวเอง เช้าวันต่อมาร่างสูงก็ตื่นขึ้นด้วยสภาพงัวเงียเมื่อได้ยินสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของเขา มือหนาจึงยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาตั้งแต่เมื่อคืนกดรับสายโดยที่ยังนอนหลับตาอยู่
“ฮัลโหล”
เจไดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
(ไอ้เจ นี่มึงยังไม่ตื่นหรอ)
“อืม มึงมีอะไรไอ้ม่อนทำไมโทรมาแต่เช้า”
(เช้าเชี่ยอะไรของมึง นี่จะเก้าโมงแล้วมึงไม่มาเรียนรึไง)
“อืม มึงเข้าเรียนก่อนเลยเดี๋ยวกูตามไป”
(มึงเป็นอะไรไอ้เจ ปกติมึงไม่เคยสายนะนอกจากมึงจะติดปัญหาฉุกเฉิน)
“กูไม่ได้เป็นอะไร เมื่อคืนแค่ดื่มหนักไปหน่อย”
(เออ งั้นก็รีบมาเรียนแล้วกัน)
“เออ”
เมื่อคุยกันเสร็จไดม่อนก็วางสายไปทันที ส่วนเจไดเมื่อเพื่อนวางสายไปแล้วก็ลืมตาแล้วลุกขึ้นนั่งมือหนากุมขมับตัวเองเพราะปวดหัวกับการเมาค้างอยู่ เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขามีอาการเมาค้างแบบนี้เมื่อตั้งสติได้เจไดก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวด้วยเสื้อช็อปของคณะตัวเองเพราะด้วยที่บางวันต้องทำงานดึกจนบางทีต้องนอนที่ผับเขาจึงเตรียมชุดไว้ที่นี่ด้วย เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วเจไดก็ขับรถไปมหาลัยทันทีเขาไปทันเรียนคาบแรกแต่แค่เข้าสายแค่นั้น ส่วนไดม่อนเมื่อเห็นเจไดเข้ามานั่งเรียนข้างๆ ด้วยสภาพที่ดูก็รู้ว่าเมาค้างก็ได้แต่ทำหน้าสงสัยเพราะไม่เคยเห็นเจไดเป็นแบบนี้มาก่อนแต่ก็ไม่เอ่ยถามเซ้าซี้อะไรเพื่อนตัวเองเพราะนิสัยของไดม่อนและเจไดนั้นต่างก็ไม่วุ่นวายกันและกัน