ตอนที่ 7 นึกถึง

1635 Words
“เฮ้ออ นอนยังไงก็นอนไม่หลับ งืออ ทำยังไงถึงจะได้เจอพี่เค้าอีกเนี่ย” มิรินพูดขึ้นคนเดียวขณะที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง เพราะหลังจากแยกจากกลุ่มพี่ชายของเธอ มิรินก็มากินข้าวเย็นกับพ่อแม่ตัวเอง ส่วนอคิน ไดม่อน และรามินไม่ได้อยู่กินข้าวด้วยเพราะรีบกลับไปหาเมียของตัวเอง หลังจากกินข้าวอิ่มแล้วมิรินก็ขึ้นมาบนห้องอาบน้ำเตรียมเข้านอน ปกติมิรินจะเป็นคนนอนแต่หัวค่ำหลับง่ายแต่วันนี้เธอกลับนอนไม่หลับเพราะมัวแต่คิดถึงหน้าเจไดและพยายามคิดหาวิธีที่จะตามหาเขาให้เจอกว่าจะหลับได้ก็เล่นเอาซะเกือบเช้านับว่าเป็นครั้งแรกที่เธอนอนดึกแบบนี้ ทางด้านเจไดหลังจากเลิกเรียนก็กลับคอนโดมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าร่างสูงเดินออกมาจากห้องด้วยเชิ้ตสีขาวพับแขนเสื้อขึ้นแล้วขับรถออกจากคอนโดทันทีจนรถสปอร์ตหรูมาจอดยังคลับหนึ่งที่มีบริการผู้หญิงโดยเฉพาะ ด้วยนิสัยที่เจไดเป็นคนไม่ชอบผูกพันกับใครพอถึงเวลาอยากหรือมีอารมณ์ก็เลือกที่จะมาซื้อกินแทนทั้งๆ ที่เขามีหน้าตาหล่อเหลาบวกกับรูปร่างกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่สาวๆ ได้เห็นก็ต่างอยากพลีกายให้กับเขา ซึ่งจริงๆ เขาไม่จำเป็นต้องซื้อกินด้วยซ้ำ แต่ด้วยที่เจไดไม่ชอบมีปัญหาเรื่องตามตอแยทีหลังจึงเลือกซื้อกินมากกว่า แต่ก็นานๆ ครั้งมาทีหรือเรียกได้ว่าเดือนละครั้งด้วยซ้ำแถมการมีอะไรกับผู้หญิงแต่ละครั้งเจไดก็เซฟตัวเองตลอดทั้งเตรียมเครื่องป้องกันมาเองและไม่ยอมจูบ ไม่เล้าโลม เน้นเสียบเสร็จก็กลับและไม่เคยมีรอบสองกับใคร ผู้หญิงคนไหนที่เขาซื้อมาไม่ทำตามข้อตกลงของเขาเจไดก็หยุดทำทันทีโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะอารมณ์ค้างแค่ไหน แต่ส่วนมากผู้หญิงก็มักทำตามข้อตกลงเขาเสมอเพราะแค่เห็นหน้าหล่อๆ ของเขาพวกเธอก็ยอมกันแล้ว “สวัสดีค่ะคุณลูกค้า คุณลูกค้าอยากให้น้องๆ มาบริการกี่คนคะ” เมื่อเจไดก้าวขาเข้ามาในคลับผู้จัดการร้านก็เดินมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม “คนเดียว” เจไดตอบกลับสั้นๆ เสียงเรียบ “ได้ค่ะ คุณลูกค้าเลือกได้เลยนะคะว่าจะเอาน้องคนไหนไปบริการ” ผู้จัดการพูดกับเจไดด้วยรอยยิ้ม “ใครว่างก็จัดมาเถอะ” เจไดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉยชาที่เขาไม่เลือกเพราะไม่ได้สนใจใครอยู่แล้ว แค่อยากมาระบายความใคร่พอเสร็จก็กลับ “งั้นเชิญคุณลูกค้าไปรอบนห้องก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ให้น้องขึ้นไปหา พาลูกค้าไปบนห้องหน่อย” ผู้จัดการพูดกับเจไดอย่างสุภาพแล้วสั่งให้พนักงานพาเจไดขึ้นไปบนห้องของคลับ เมื่อคุยกันเสร็จเจไดก็เดินตามพนักงานขึ้นไปบนห้องทันที “คุณลูกค้ารับเครื่องดื่มมั้ยครับ” พนักงานเอ่ยถามเจไดทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้ว ส่วนเจไดก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบพนักงานจึงเดินออกจากห้องไปทันที เจไดนั่งรอที่โซฟาสักพักแนนนี่สาวสวยหน้าคมใส่เดรสเกาะอกสั้นสีดำก็เดินเข้ามาในห้อง แนนนี่ถึงกับชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของลูกค้าที่เธอต้องมาบริการเพราะไม่คิดว่าเขาจะหล่อขนาดนี้ ส่วนมากเธอก็เจอแต่ผู้ชายคราวพ่อหรือไม่ก็หน้าตาบ้านๆ เท่านั้น ส่วนเจไดเมื่อเห็นแนนนี่เดินเข้ามาก็มองหน้าเธอด้วยสายตาเย็นชาไม่ได้รู้สึกพิศวาสความสวยของเธอเลยแม้แต่น้อย เมื่อแนนนี่ตั้งสติได้ก็เดินเข้าไปหาเจไดด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะคุณลูกค้า อยากให้แนนนี่บริการแบบไหนคะ แนนนี่จะได้จัดให้ถูกค่ะ” แนนนี่พูดกับเจไดด้วยรอยยิ้มยั่วยวนแล้วตั้งท่าจะเดินไปนั่งตักเจไดที่นั่งอยู่โซฟาแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจไดดันลุกขึ้นยืนแถมยังถอยหลังหนีเธออีกทำเอาแนนนี่ถึงกับทำหน้างง “ข้อตกลงของฉันคือฉันไม่อนุญาตให้เธอมาจับร่างกายฉัน เธอมีหน้าที่แค่นอนนิ่งๆ ให้ฉันเอา ถ้าเธอไม่โอเคก็ออกไปแล้วหาคนใหม่เข้ามาแทน” เจไดพูดกับแนนนี่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาทำเอาเจนนี่ถึงกับตกใจกับข้อเสนอของเขา “เอ่อ แนนนี่ตกลงค่ะ” แนนนี่ตอบรับข้อตกลงเจไดอย่างไม่เต็มใจสักเท่าไหร่เพราะเธอนั้นอยากสัมผัสร่างกายเขาแทบใจจะขาดแต่เพราะกลัวจะไม่ได้เอากับเจไดเธอจึงยอมตกลงอย่างน้อยก็ได้มีอะไรกันกับเขา “ถอดชุดออกแล้วไปนอนบนเตียง” แนนนี่พยักหน้าแล้วรีบถอดเสื้อออกจนหมดเผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าอันเซ็กซี่จากนั้นก็ไปนอนบนเตียงพร้อมกับทำท่าทางยั่วยวนใส่เจได ส่วนเจไดเมื่อเห็นแนนนี่ถอดชุดออกแล้วก็เดินไปหาเธอที่เตียงแต่ก็ต้องชะงักเมื่ออยู่ดีๆ ดันนึกถึงใบหน้าหวานของเด็กสาวที่ปีนกำแพงกระโดดลงมากอดเขาแถมยังคิดถึงกลิ่นหอมๆ ของตัวเธออีก ทำเอาเจไดถึงกับหมดอารมณ์เมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าข้างหน้าพร้อมกับรู้สึกฉุนกลิ่นน้ำหอมจากตัวแนนนี่ซึ่งปกติเขาไม่ได้สนใจเรื่องกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงเลยสักครั้ง เจไดพยายามข่มใจไม่ให้คิดถึงมิรินแต่ก็ทำไม่ได้จึงถอนหายใจยาวออกมาเฮือกใหญ่แล้วหยิบเงินจากกระเป๋ากางเกงห้าพันวางไว้ปลายเตียงทำเอาแนนนี่ถึงกับงงมากกว่าเดิม “ฉันไม่มีอารมณ์แล้ว เงินนี่ถือว่าเป็นค่าเสียเวลาเธอแล้วกัน” พูดจบเจไดก็เดินออกจากห้องไปทันที “อะไรเนี่ย ไม่มีอารมณ์แล้วจะมาทำไม โอ๊ยย! อุตส่าห์ดีใจจะได้กินคนหล่อ” แนนนี่พูดขึ้นอย่างอารมณ์เสียเมื่ออดได้กินเจไดจึงได้แต่แต่งตัวแล้วถือเงินเดินออกจากห้องอย่างอารมณ์ไม่ดี ทางด้านเจไดเมื่อออกมาจากคลับแล้วก็ขับรถไปที่ผับตัวเองทันทีไม่นานก็มาถึงผับร่างสูงจึงเดินลงจากรถแล้วเข้าไปในผับตัวเอง “ไหนบอกจะหยุดพักผ่อนแล้วมึงมาทำไมอีก” โจเซฟเอ่ยถามน้องชายเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องทำงานก็เห็นเจไดกำลังเดินขึ้นมา “เรื่องของกู” เจไดตอบโจเซฟสั้นๆ แล้วเดินเข้าห้องทำงานตัวเองไปทันที ทำเอาโจเซฟได้แต่มองเจไดเดินเข้าห้องไปพร้อมกับส่ายหัวเมื่อน้องชายตัวเองพูดน้อยซะเหลือเกิน “แม่ง มันกลัวดอกพิกุลจะร่วงรึไง ตอบกูสั้นเหลือเกิน” โจเซฟบ่นให้เจไดจากนั้นก็เดินลงไปสำรวจความเรียบร้อยด้านล่างของผับ ส่วนเจไดเมื่อเข้ามาในห้องทำงานแล้วร่างสูงก็หยิบเหล้าที่ชั้นวางเครื่องดื่มของตัวเองออกมารินใส่แก้วเพรียวๆ อย่างอารมณ์เสียเมื่อดันคิดถึงหน้ามิรินไม่เลิกได้แต่หงุดหงิดเพราะเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน “ทำไมต้องไปนึกถึงหน้ายัยเด็กดื้อนั่นด้วยวะ” เจไดบ่นให้ตัวเองเบาๆ แล้วกระดกเหล้าเพรียวเข้าปากตัวเองจนหมดแก้วเพื่อดับอารมณ์ฟุ้งซ่านของตัวเองเรียกได้ว่าวันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาอยากดื่มให้เมาหนักอยากให้ความเมาเป็นตัวช่วยให้เขานอนหลับโดยที่ไม่ต้องคิดถึงหน้ามิริน เจไดดื่มเหล้าเพรียวๆ จนหมดขวดคนเดียวแล้วทิ้งตัวนอนหลับที่โซฟาด้วยความเมาตามความต้องการของตัวเอง เช้าวันต่อมาร่างสูงก็ตื่นขึ้นด้วยสภาพงัวเงียเมื่อได้ยินสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของเขา มือหนาจึงยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาตั้งแต่เมื่อคืนกดรับสายโดยที่ยังนอนหลับตาอยู่ “ฮัลโหล” เจไดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงงัวเงีย (ไอ้เจ นี่มึงยังไม่ตื่นหรอ) “อืม มึงมีอะไรไอ้ม่อนทำไมโทรมาแต่เช้า” (เช้าเชี่ยอะไรของมึง นี่จะเก้าโมงแล้วมึงไม่มาเรียนรึไง) “อืม มึงเข้าเรียนก่อนเลยเดี๋ยวกูตามไป” (มึงเป็นอะไรไอ้เจ ปกติมึงไม่เคยสายนะนอกจากมึงจะติดปัญหาฉุกเฉิน) “กูไม่ได้เป็นอะไร เมื่อคืนแค่ดื่มหนักไปหน่อย” (เออ งั้นก็รีบมาเรียนแล้วกัน) “เออ” เมื่อคุยกันเสร็จไดม่อนก็วางสายไปทันที ส่วนเจไดเมื่อเพื่อนวางสายไปแล้วก็ลืมตาแล้วลุกขึ้นนั่งมือหนากุมขมับตัวเองเพราะปวดหัวกับการเมาค้างอยู่ เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขามีอาการเมาค้างแบบนี้เมื่อตั้งสติได้เจไดก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวด้วยเสื้อช็อปของคณะตัวเองเพราะด้วยที่บางวันต้องทำงานดึกจนบางทีต้องนอนที่ผับเขาจึงเตรียมชุดไว้ที่นี่ด้วย เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วเจไดก็ขับรถไปมหาลัยทันทีเขาไปทันเรียนคาบแรกแต่แค่เข้าสายแค่นั้น ส่วนไดม่อนเมื่อเห็นเจไดเข้ามานั่งเรียนข้างๆ ด้วยสภาพที่ดูก็รู้ว่าเมาค้างก็ได้แต่ทำหน้าสงสัยเพราะไม่เคยเห็นเจไดเป็นแบบนี้มาก่อนแต่ก็ไม่เอ่ยถามเซ้าซี้อะไรเพื่อนตัวเองเพราะนิสัยของไดม่อนและเจไดนั้นต่างก็ไม่วุ่นวายกันและกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD