ทว่า...เธอเคยผ่านมาแล้ว ครั้งนี้เธอก็จะผ่านเหตุการณ์ได้เหมือนทุกครั้งนั่นแหละ
“ให้ผมขับรถให้ไหมครับ”
เสียงทุ้มของเขาคนนั้น ตอนที่เธอก้าวไปที่รถกระบะ
“เอาสิ” เธอตอบ
ใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มตอนที่เขาเอาที่คลุมออกแล้ว...เป็นใครก็ต้องมอง รูปร่างหน้าตาแบบนี้เป็นพระเอกละครทีวีได้สบาย ๆ
เขาทำหน้าที่สารถี บังคับรถออกไปอย่างนุ่มนวล เหมือนกับคนคุ้นเคยกับการขับรถมานาน
หญิงสาวใจเต้น เพราะเหลือบมองด้านข้างของเขาแล้ว รู้สึก...ตราตรึงประทับใจกับใบหน้าของเขา
“นายขับรถดีนะ ใช้ได้”
“ขอบคุณครับคุณหนู”
“เคยขับให้ใครมาก่อนหรือเปล่า”
“เจ้านายครับ ผมเคยติดทหาร”
“เหรอ ทำไมไม่สอบเป็นทหารนายสิบต่อล่ะ”
“ผมไม่ชอบครับ”
เขาตอบน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน
“มีแฟนหรือยัง”
นภาเพ็ญเบือนหน้าออกด้านข้าง เหมือนกับเกรงว่าเขาจะสังเกตเห็น...อาการเขินของเธอตอนที่ถามคำถามนี้
“ยังครับ”
“เหรอ ไม่น่าเชื่อ”
“ไม่มีจริง ๆ ครับ”
“ตุ๊ดหรือเปล่า”
รถที่กำลังแล่นไปบนถนนนุ่ม ๆ เหมือนกับถูกเบรกแบบจงใจ “บ้า! นายทำอะไร?”
ตกใจ เพราะชายหนุ่มที่ท่าทางสุภาพในตอนแรก กลับมีท่าทีกระด้างขึ้น ดวงตาวาวโรจน์ ไม่เพียงแค่หยุด แต่มือหนายังเอื้อมมาตะปบไหล่มนของเธอบิดให้หมุนมาหาเขา
นภาเพ็ญอ้าปากค้างกับท่าทางของเขา ไม่ใช่กลัว แต่เหมือนเธอกำลังแพ้ทาง!
ใบหน้าของเขาที่เธอเห็นด้วยสองตาเวลานี้ แม้จะดูเกรี้ยวกราด ทว่าหล่อระเบิด!
นภาเพ็ญยังไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนหล่อขนาดนี้มาก่อนเลย โดยเฉพาะในระยะประชิด และในชีวิตจริงของเธอ
“นาย...นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย...”
เหมือนเขาพยายามระงับอารมณ์ ด้วยการสูดลมเข้าปอด เรียกสติกลับคืนมา แค่...การแตะเนื้อต้องตัวหญิงสาวผู้เป็นนายจ้าง ก็ต้องเรียกว่ากล้าหาญ และคุกคามเกินไปแล้ว
ชายหนุ่มบดกราม...
“ผม...”
“เป็นอะไร”
“กรุณาอย่าเรียกผมว่า...ไอ้ตุ๊ด”
หญิงสาวแทบปล่อยพรื๊ดออกมา เพราะคำพูดนี้เอง จึงทำให้เขาสามารถแก้ผ้าแล้วรูดแท่งนั้นแข่งกับพวกเพื่อนคนงาน
เขาคงมีปมบางอย่างกับเรื่องนี้
“ทำไมเรียกไม่ได้ ไอ้ตุ๊ด” นภาเพ็ญลืมกิจธุระที่ต้องไปทำเสียชั่วขณะ เธอนึกสนุกกับคนคนนี้เสียแล้ว
คำถามที่สอง ทำให้ชายหนุ่มผู้พยายามจะเรียกสติของตัวเองกลับคืนมา...ทำให้สตินั้นกระเจิงไปอีกรอบ พร้อมกับร่างของเธอถูกกระชากเข้าหา
แต่แล้ว...
ปิ๊นนน!
เสียงบีบแตรของรถที่แล่นตามหลังมา ช่วยทำให้เขาสงบลงได้บ้าง เขาปล่อยเธอ ตบไฟเลี้ยวเร่งเครื่องเข้าไปจอด ใส่เบรกมือ แล้วก่อนที่เธอจะทันได้ท้วงอะไร เขาปลดเข็มขัดนิรภัยออก
มือหนาเอื้อมมากดปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยที่ไขว้รอบร่างของเธอออกเช่นเดียวกัน
“นายจะทำบ้าอะไรอีกเนี่ย”
“ผมไม่ชอบให้ใครดูถูกผม ผมเตือนคุณหนูแล้ว”
“นายจะฆ่าฉันเหรอ”
“ผมไม่เคยฆ่าใคร แต่ผมเคยจูบ”
“อะไรนะ นายกล้า...กล้าดียังไง?”
“ผมจะพิสูจน์ให้คุณหนูดูว่า ผมไม่ใช่ไอ้ตุ๊ดอย่างที่คุณหนูว่า”
“เอ้อ...อุ๊ย...”
ไวเกินกว่าที่หญิงสาวจะทันได้ตั้งสติ หญิงสาวหลุดปากอุทานในวินาทีที่เขาก้มเข้าหา ในชีวิตนี้ โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างเธอ ไม่ใช่หญิงสาวดาษดื่นในท้องตลาดทั่วไป
ที่...นภาเพ็ญไม่เคยคาดคิดมาก่อนพลันเกิดขึ้นในวินาทีนี้นั่นเอง ริมฝีปากที่กำลังอ้าค้างถูกคนตัวใหญ่ประกบเข้าหา
วาบไปทั้งเรือนร่าง
เรียวแรงของนภาเพ็ญเหมือนกับแพ้ทาง... แพ้หมดทุกอย่างเหลือเพียงแค่ความยินยอมเหมือนไม่มีทางสู้อย่างนั้นแหละ
ยินยอมให้ลิ้นของเขาแทรกผ่านกลีบปากหอมกรุ่น ยินยอมให้เขาเกี่ยวลิ้น ยินยอมให้ริมฝีปากแบบผู้ชายของเขาบดขยี้เข้าหาริมฝีปากคู่งามของเธอ
เธอไม่เหลือพลังต่อต้าน มีแค่การโอนอ่อนผ่อนตาม
รสจูบ...ของเขา ดุเดือด เลือดพล่าน ไม่รู้ว่าชีวิตของเขาจะเคยผ่านมาสักกี่จูบ แต่สำหรับนภาเพ็ญ...นี่คือจูบแรก
จูบของผู้ชายคนแรกที่บังอาจกับเธออย่างอุกอาจที่สุด
ปืนพกซ่อนที่มีอยู่ก็ไม่สามารถชักออกมาจัดการกับไอ้ตุ๊ดหน้าหล่อที่บังอาจทำกับเธอได้ถึงเพียงนี้
“อือออ....!”
เสียงนั่นไม่ได้ออกมาจากเขา แต่เป็นเธอ...นภาเพ็ญ!
ไม่ได้มีเฉพาะเสียงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่มือที่ควรจะคว้าด้ามปืนจ่อเข้าหากลางทรวงอกของชายหนุ่มไอ้คนบังอาจ แล้วเหนี่ยวไกอย่างไม่ลังเล มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสียแล้ว
มือที่ตั้งท่ายันหน้าอกของเขาให้ออกห่าง ก็สิ้นเรี่ยวแรง ไม่มีปัญญาจะทำอย่างอื่นอีกแล้ว นอกจากเลื่อนขึ้นไปคล้องต้นคอของเขา...
แล้วปล่อยให้ดำเนินไปตามที่เขาต้องการจะเป็น
ใบหน้าของนภาเพ็ญยามนี้ร้อนวูบวาบ ผะผ่าวด้วยฤทธิ์หงี่เ****นปรารถนา
ปกติ...เธอซุกซ่อนเจ้าความรู้สึกรุ่มร้อนแบบนี้เอาไว้ในส่วนลึก ต่อให้จบลงด้วยการเกี่ยวเบ็ดช่วยตัวเอง มันก็ยังไม่สาสมถึงใจเหมือนที่ถูกผู้ชายกระทำ
ผู้ชายที่กล้าหาญกระทำกับเธอ...มันไม่เคยมีอยู่จริง
เว้น...ผู้ชายในวินาทีนี้เท่านั้น
“อืออออ”
นภาเพ็ญรู้สึกประหนึ่งว่า หัวใจกำลังจะขาดรอน ๆ จูบที่เต็มไปด้วยความหวาน ความร้อนเผ็ด เพราะอำนาจของมัน กระตุ้นแรงพิศวาสที่ซุกซ่อนอยู่ภายในของเธอให้ลุกโชน มันพร้อมจะลุกท่วมและมอดไหม้เสียเดี๋ยวนั้น